เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก INN NEWS
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาพิธีกรหนุ่มหล่อไฮโซมาดนิ่งนามว่า "ณัฐ-ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์" แห่งรายการ "เจาะใจ" แต่ใครจะรู้ว่าหนุ่มณัฐยังมีอีกหลายมุมมองให้ค้นหา และที่สำคัญเค้ายังเป็นบุคคลที่รับผิดชอบนำเงินอย่างน้อย 65,000 ล้านบาทเข้าประเทศไทยอีกด้วย โอ้โห! ไม่ธรรมดาจริงๆ เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับ "ณัฐ-ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์" แบบละเอียดยิบกันดีกว่า...
ณัฐหรือ ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ชายหนุ่มวัย 35 ปี เป็นบุตรชายคนโตของ "พลตำรวจเอกสวัสดิ์ และ คุณหญิงคัทรียา อมรวิวัฒน์" ในชีวิตวัยเด็กของณัฐนั้น ณัฐบอกว่า ตนเองเติบโตมาท่ามกลางตำรวจ คุณพ่อ (พลตำรวจเอกสวัสดิ์ อมรวิวัฒน์) คุณอาเป็นตำรวจ แต่ตนอยากเป็นนักประดิษฐ์ คิดค้น เด็กๆ เคยสร้างเครื่องไล่ยุง แต่ก็ไม่สำเร็จ โตขึ้นจึงเลือกเรียนวิศวะกรรมศาสตร์ เป็นวิศวะไฟฟ้าสื่อสารที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วต่อปริญญาโทด้านการบริหารจัดการวิศวะ ที่จอร์เจียอเมริกา ที่เปลี่ยนสายไปเรียนด้านบริหารธุรกิจเพราะวางแผนไว้ว่าต่อไปอยากทำธุรกิจของตัวเอง จึงต้องเรียนรู้ระบบการบริหารไว้
"จากนั้นกลับมาทำงาน 2 ปีที่ AIS แล้วผมก็กลับไปเรียน MBA ที่ MIT (Massachusetts Institute of Technology) ที่บอสตัน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิศวะกรรมนวัตกรรมใหม่ๆ มากที่สุด พอดีช่วงก่อนจบมีการทาบทามสัมภาษณ์ทำงานกับบริษัทที่โน่น ซึ่งโชคดีว่าได้กลับมาทำงานแถบประเทศภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์การบริหาร ผมได้ทำงานในช่วงปี 2541 งานส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร แต่ผมต้องเดินทางบ่อยมาก ผมเลยตัดสินใจออกมาทำที่ True ก็ได้ทำสิ่งประดิษฐ์ในรูปแบบผลิตภัณฑ์บริการ เช่น การทำอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน" พิธีกรเจาะใจ กล่าว
ณัฐวุฒิ เปิดใจต่อว่า ผมทำ True อยู่ 8 ปี ก็มีคนมาทาบทามให้ไปสัมภาษณ์เพื่อรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่มีความสำคัญมาก ตอนนั้นผมก็ถามตัวเองว่าถึงเวลาของเราหรือยังที่จะก้าวเข้ามาทำงานรับใช้ชาติ แต่ผมนึกถึงคำพูดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า "ชีวิตคนเราอาจจะมีโอกาสก้าวครั้งใหญ่ๆ เพียงครั้งเดียว ขอให้เราทำสิ่งที่ฝันนั้นทันทีแล้วลุยกับมันให้เต็มที่" ผมก็เลยตกลงทำงานนี้ ตอนแรกยอมรับว่าค่อนข้างกดดันมาก แต่โชคดีเรามีทีมงานที่มีประสบการณ์และมากความสามารถ
"งานหลักๆ ของผมที่ สสปน.คือการดึงคนที่ไมใช่นักท่องเที่ยวแต่เป็นนักลงทุน หรือนักอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เข้ามาจัดงานหรือร่วมงานนิทรรศการ การประชุมใหญ่ๆ ให้ได้มากที่สุด เป้าหมายของเราคือ 800,000 คน ซึ่งจะทำให้ไทยเรามีรายได้อย่างน้อย 65,000 ล้านบาท สสปน.ก็จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเสนอตัวเชิญชวนให้เขาเข้ามา และหน้าที่ต่อไปคือ การประชาสัมพันธ์ประเทศ และยกมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย" ณัฐวุฒิ กล่าว
สำหรับนิสัยนั้น ณัฐ บอกว่าตัวเองเป็นคนจริงจังมาก ก็ไม่รู้จริงจังมากเกินไปด้วยรึเปล่า แต่เป็นคนที่ต้องให้ความสมดุลกับชีวิต ทุกอย่างต้องไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องครอบครัว ในแต่ละอาทิตย์งานจะมากขนาดไหนก็ตามต้องบล็อกเวลาเอาไว้ เพื่อตัวเอง ครอบครัว และคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นความสุขบนหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ ไปพร้อมๆ กัน
ส่วนงานเส้นทางในวงการบันเทิงนั้น ณัฐ บอกว่า ตนแก่แล้วอาจจะไม่มีงานอื่นๆ เข้ามา คือตอนนี้อายุ 35 แล้ว แต่ตลอด 10 กว่าปีก็มีคนมาติดต่อตลอด แต่ก็ไม่รับสักที คือคิดว่าตนเองไม่ใช่ทางนั้น ไม่ถนัดด้วย นี่คือความคิดที่ผ่านมาตลอด คิดตลอดว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจมากกว่า
"แต่พิธีกรมันเป็นอะไรที่มีภาพของความเป็นนักธุรกิจอยู่ด้วยได้ และกับเจาะใจเนี่ย อยู่มา 17 ปี คุณรู้ว่ามันคืออะไร ไม่ใช่รายการใหม่ที่ต้องมาสร้างกันใหม่ พอบอกว่าเจาะใจคนดูรู้ล่ะว่าโทนมันประมาณไหน สองคือเนื้อหาของรายการมันยังคงความเป็นคนจริงจังแบบที่เราเป็นไว้ได้ (หัวเราะ) และอันที่สามเนี่ยตั้งแต่ทำมา ผมรู้สึกว่าคนที่มาแต่ละคนเป็นสุดยอดของคนดีของสังคมเลย บางคนอาจจะลำบากบ้าง บางคนอาจจะไม่ลำบากบ้าง แต่ทุกท่านนี่เป็นคนที่สุดยอดของคนอ่ะ ทุกวันนี้กับงานพิธีกรผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นธรรมชาติขึ้นเยอะเลย แต่เรารู้ว่าเราต้องทำให้ดีขึ้นอีก ยังมีโอกาสที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก ก็ต้องพยายามเต็มที่" พิธีกรเจาะใจ กล่าว
พร้อมกันนี้ นัฐยังเปิดใจปิดท้ายว่าตนเองพูดได้เต็มปากว่างานที่ทำอยู่กับ สสปน.ทำงานเพื่อประเทศชาติ กับเจาะใจก็เพื่อสังคมชัดเจน เอาเรื่องดีๆ มาตีแผ่เล่าให้คนเป็นล้านได้รู้ ก็หวังว่าความดีที่ตนเองทำทั้งสองเนี่ย จะส่งผลให้ตนได้ทำดีต่อไปเรื่อย
ส่วนเรื่องหัวใจสาวๆ คงต้องผิดหวังเพราะหนุ่มณัฐแต่งงานแล้ว กับคุณแอ้-นริสสา อมรวิวัฒน์ ซึ่งทั้งคู่ใช้ชีวิตคู่มาตั้งแต่อายุ 23 ปี จนถึงปัจจุบันก็ 10 กว่าปีแล้ว แต่ความรักก็ยังคงหวานชื่นเสมือนเมื่อครั้งรักกันใหม่ๆ
ข้อมูลจาก
