เปิดแชต ไม่ผ่านโปร HR ให้เหตุผล เพราะชอบใส่เสื้อส้ม - พูดอีสาน ถือเป็นข้อห้ามเด็ดขาด ขอคุยกับ HR ก็ไม่ได้ ส่งเรื่องไปแล้ว ล่าสุดแชร์กันออกไปมหาศาล เรื่องจริงหรือเรื่องปั่น ?!
กำลังเป็นประเด็นดราม่า ที่ร้อนฉ่าตอนนี้สุด ๆ เมื่อล่าสุด
ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง ได้ออกมาเผยว่า น้องชายของเธอไม่ผ่านโปรจากที่ทำงาน
เพราะว่าน้องชายพูดภาษาอีสาน และชอบใส่เสื้อสีส้ม
ทั้งนี้ ในแชตจะเห็นได้ว่า เธอได้โพสต์แชตที่เป็นการสนทนาระหว่างน้องชายและฝ่ายบุคคลโดยน้องชายได้สอบถามว่า มีคะแนนส่วนไหนที่ทำให้ไม่ผ่านโปร และฝ่ายบุคคล ก็ตอบว่า
คุณนัทชอบใส่เสื้อสีส้มมาทำงาน เชื่อว่าอาจจะมีความคิดชังชาติ มีพฤติกรรมฝักใฝ่ล้มล้างการปกครอง อั้งยี่ ซ่องโจร ในอนาคต คุณนัทใช้ภาษาอีสานในที่ทำงานกับเพื่อนร่วมงาน ถือเป็นข้อห้ามโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ ในแชตจะเห็นได้ว่า เธอได้โพสต์แชตที่เป็นการสนทนาระหว่างน้องชายและฝ่ายบุคคลโดยน้องชายได้สอบถามว่า มีคะแนนส่วนไหนที่ทำให้ไม่ผ่านโปร และฝ่ายบุคคล ก็ตอบว่า
คุณนัทชอบใส่เสื้อสีส้มมาทำงาน เชื่อว่าอาจจะมีความคิดชังชาติ มีพฤติกรรมฝักใฝ่ล้มล้างการปกครอง อั้งยี่ ซ่องโจร ในอนาคต คุณนัทใช้ภาษาอีสานในที่ทำงานกับเพื่อนร่วมงาน ถือเป็นข้อห้ามโดยเด็ดขาด
ด้านน้องชายได้พยายามขอร้องว่าจะขอคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลอีกครั้งได้ไหม
แต่ทางฝ่ายบุคคลได้ยืนยันว่า
ทางหัวหน้าได้ลงนามและส่งเรื่องไปให้ทางผู้บริหารแล้ว
ไม่นานหลังจากที่เธอลงภาพนี้ ก็มีคนมาแชร์เรื่องนี้ออกไปกันมหาศาล พร้อมกับที่เจ้าของโพสต์มาแฉว่า HR คือใคร, หัวหน้าคือใคร, ซีอีโอชื่ออะไร และไดเรกเตอร์เป็นใคร รวมทั้งยังมีการแท็กไปหา HR จนทำให้ทาง HR ต้องบอกว่า ไม่ต้องแท็กกันมาแล้ว พร้อมกับปิดเฟซบุ๊กไปเรียบร้อย
ไม่นานหลังจากที่เธอลงภาพนี้ ก็มีคนมาแชร์เรื่องนี้ออกไปกันมหาศาล พร้อมกับที่เจ้าของโพสต์มาแฉว่า HR คือใคร, หัวหน้าคือใคร, ซีอีโอชื่ออะไร และไดเรกเตอร์เป็นใคร รวมทั้งยังมีการแท็กไปหา HR จนทำให้ทาง HR ต้องบอกว่า ไม่ต้องแท็กกันมาแล้ว พร้อมกับปิดเฟซบุ๊กไปเรียบร้อย
เรื่องนี้ทำให้เกิดข้อวิจารณ์หลากหลาย ว่าโพสต์นี้เป็นจริงหรือไม่ และอาจจะมีความเป็นไปได้ ที่นี่จะเป็นแค่เรื่องปั่นสนุก ๆ เพื่อให้เป็นประเด็นเท่านั้น เพราะหลายคนมองว่า ต่อให้เป็นเรื่องจริง ทาง HR คงหาวิธีพูดที่ดีกว่านี้ คงไม่บอกเหตุผลว่าไม่ให้ผ่านโปรเพราะอคติทางการเมืองและเชื้อชาติ
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนบอกว่า หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง และฝ่ายบุคคลพูดแบบนี้จริง สามารถเอาไปฟ้องได้เลย และเดชะบุญด้วยซ้ำที่ไม่ได้ทำงานในสถานที่ที่มีอคติต่อเพื่อนมนุษย์สุดตัวแบบนี้