สุดซึ้งน้ำพระทัยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งให้ดูแลช่วยเหลือครอบครัว ด.ญ.วัย 4 ขวบ กำพร้าพ่อ-แม่ ปล่อยทิ้งให้อยู่กับยายวัย 72 ปี พาเร่ขอทานเลี้ยงชีพ ทางจังหวัดเข้าดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว พร้อมทรงรับมาอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีนางตุ๋ย แย้มชัยภูมิ อายุ 72 ปี บ้านเลขที่ 159 หมู่ 1 บ้านคลองเรียง ต.คลองเรียง อ.เมืองชัยภูมิ ยายของเด็กหญิงเอ๋ (นามสมมุติ) วัย 4 ขวบ ที่แม่เสียชีวิต ถูกพ่อทิ้งไปมีแฟนใหม่ ปล่อยให้อยู่กับยายเพียงลำพัง ทำให้นางตุ๋ยจำใจพาหลานสาวเร่ร่อนขอทานเลี้ยงชีพ เพราะบ้านที่เคยอยู่ก็ถูกลูกหลอกให้เซ็นต์เอกสาร และเอาที่ดินไปขาย พร้อมกับหลอกให้คัดชื่อออกจากทะเบียนบ้าน จนกลายเป็นคนเถื่อนไม่มีสิทธิรักษาพยาบาล ทั้งที่ตัวเองป่วยเป็นโรคเบาหวาน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 27 พ.ค. นายถาวร พรหมมีชัยภูมิ ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ได้รับการประสานงานจากเลขาสำนักพระราชวัง ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมพระราชินีนาถ ทรงรับสั่งให้ทางจังหวัดลงไปดูแลครอบครัวเด็กหญิง 4 ขวบ และยายรายนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมรับมาอยู่ในความดูแลในพระบรมราชินูปถัมภ์
จากนั้นนายถาวรพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นายอำเภอเมือง นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ สาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชัยภูมิ และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เดินทางเข้าพบนางตุ๋ย และเด็กหญิงเอ๋ ที่บ้านเช่าเลขที่ 159 หมู่ 1 ต.คลองเรียง อ.เมืองชัยภูมิ ทันที โดยผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ ได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือเบื้องต้นไปจำนวนหนึ่ง
พร้อมเปิดเผยว่า หลังได้รับการประสานงานมาจากเลขาสำนักพระราชวัง ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเบื้องต้นได้ให้การช่วยเหลือ ด.ญ.เอ๋ โดยพาไปแจ้งเกิดลงหลักฐานการเกิดต่อทางอำเภอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมให้ได้เรียนหนังสือในชั้น อนุบาล 2 ที่โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองชัยภูมิแล้ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งสามารถเรียนฟรีทั้งหมดจนกว่าจะจบการศึกษา 12 ปี
ส่วนตัวนางตุ๋ย วัย 72 ปี ที่มีอาการป่วยและต้องตัดนิ้วเท้าทิ้งไปแล้ว 4 นิ้วนั้น ได้มอบหมายให้ทางโรงพยาบาลชัยภูมิ รับไปดูแลอาการอย่างใกล้ชิดแล้ว ส่วนกรณีที่ยายไม่มีหลักฐานภูมิลำเนาต่างๆ นั้น
การตรวจสอบทางข้อมูลทะเบียนราษฎร ไม่พบข้อมูลเลยว่า เป็นใครมาจากไหน ซึ่งที่ผ่านมาทำให้ยายไม่สามารถออกบัตรประชาชนได้ ทำให้การไปติดต่อประสานงานจากเทศบาลที่ผ่านมาทำไม่ได้ เพราะตัวนางตุ๋ยเองแทบไม่มีญาติหลงเหลืออยู่ หรือมีผู้มารับรองได้เลย จึงไม่สามารถหาคนไปรับรองที่จะเข้าทะเบียนบ้านที่อยู่ในปัจจุบันได้ ซึ่งเรื่องนี้จะได้มอบหมายให้ทางประธานชุมชน ช่วยไปเป็นผู้รับรองการออกบัตรประชาชนให้เพื่อจะได้มีบัตรทอง และได้รับสวัสดิการเงินสงเคราะห์ต่างๆ ให้ได้
ส่วนกรณีที่นางตุ๋ย เคยบอกว่า มีหลักฐานว่าเคยอยู่ที่บ้านโพนทอง ต.โพนทอง อ.เมืองชัยภูมิ กับลูกสาวมาก่อน แต่ถูกลูกแอบไปแจ้งคัดชื่อตัวเองออกจากทะเบียนบ้าน เพื่อนำที่ดินไปขาย เพื่อหวังจะขยายผลหาตัวลูกหลานมายืนยันการแจ้งขึ้นทะเบียนราษฎรได้นั้น จังหวัดตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานทางข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ตามที่กล่าวอ้าง และไม่มีในฐานข้อมูลทางทะเบียนราษฎรเลย และในตัวนางตุ๋ยเอง ก็ไม่มีหลักฐานที่พอจะนำพาได้เลยว่า เคยมีที่อยู่หลักฐานมาก่อนชัดเจน จึงทำให้เป็นปัญหาเรื่องการไม่มีบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านว่าเป็นใครมาจากไหนได้
ทำให้ปัญหาติดขัดเรื่องนี้มานาน แต่จากการสอบถามคนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ทั่วไป ก็เคยเห็นยายพาหลานเร่ขอทานมานาน และอยู่ที่บ้านเช่าแห่งนี้มานานกว่า 2 ปี ตรงนี้เราก็มีทางออกและหาผู้รับรองให้แล้ว เพื่อนำขึ้นทะเบียนราษฎรให้ได้
พร้อมกันนี้ทางนายบรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ก็ได้รับอาสาขอรับจัดการเรื่องการจ่ายค่าเช่าบ้านที่นี่เดือนละ 400 บาท ให้กับยาย และเด็กได้อาศัยที่นี่ได้ตลอดไป ด้วยถือว่าเป็นผู้มีน้ำใจงดงามมาก และในขณะนี้มีผู้ที่ใจบุญติดต่อเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวยาย และเด็กรายนี้จำนวนมาก ทางจังหวัดจะมอบหมายให้ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับไปเป็นผู้ควบคุมเรื่องเงินบริจาคเพื่อเปิดบัญชีเป็นทุนการศึกษาให้เด็ก เพื่อไม่ให้มีการนำเงินไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งสามารถติดต่อขอช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 044-811003-4 ได้ตลอดในวันเวลาราชการ
ขณะที่นางตุ๋ย วัย 72 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชินี ชีวิตนี้คงจะไม่ลืมเลือน เพราะที่ผ่านมาเดือดร้อนมาก ต้องพาหลานสาวเร่ร่อนจนไม่ได้เรียนหนังสือ ตัวเองก็เจ็บป่วย และขอบคุณทุกน้ำใจที่จะช่วยเหลือ และจะไม่ขอลืมพระคุณเลยชั่วชีวิต
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
