พิภพ ธงไชย พร้อมแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั้ง 5 ประกาศจุดยืนขอชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพ ย้ำหากรัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกถือว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน พร้อมสร้างทายาทต่อหากแกนนำถูกจับกุมตัว ขณะที่รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยผลการประเมินสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุม เตรียมส่งเจ้าหน้าที่เข้าเจรจากลุ่มผู้ชุมนุมให้เคลื่อนย้ายออกจากถนน พร้อมยืนยันไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน
นายพิภพ ธงไชย พร้อมแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ได้ประกาศจุดยืนของกลุ่มพันธมิตรฯ บนเวทีปราศรัย โดยขอให้ชุมนุมตามสิทธิของรัฐธรรมนูญมาตรา 63 โดยประชาชนย่อมมีว่าสิทธิชุมนุมได้ตามสิทธิเสรีภาพ หากมีการประกาศกฎอัยการศึกถือว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ยืนยันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แต่งเครื่องแบบ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ตามกฎหมายโดยไม่ขัดขวาง แต่ทั้งนี้ไม่ยินยอมให้มีการเคลื่อนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ และพร้อมใช้สิทธิป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ตามสมควร
ขณะเดียวกันต่างมีการประกาศกฎอัยการศึก ขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ ส่วนถ้ามีการจับกุมแกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คน ก็จะมีการตั้งตัวแทนขึ้นมาดำเนินการ และสุดท้ายเรียกร้องให้ประชาชนยังคงปฏิบัติภารกิจที่มุ่งหมายต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ด้านพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตร อีกครั้งให้เคลื่อนย้ายการชุมนุม เนื่องจากการปักหลักอยู่บริเวณดังกล่าวผิดกฎหมายจราจรที่เอาผิดกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ แต่หากผู้ชุมนุมยังคงยืนยันจะปักหลักชุมนุมต่อ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะใช้วิธีละมุนละม่อมในการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุม ไม่ทำร้ายประชาชนแต่อย่างใด
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวอีกว่า ได้สั่งเตรียมกำลังเจ้าหน้าทีตำรวจเพิ่มอีกเต็มกำลัง เพื่อไว้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยหากเกิดความรุนแรงเกิดขึ้นแนวร่วมพันธมิตรฯ หลงกลุ่มเข้าสังเกตการณ์ การชุมนุม นปช. ที่ท้องสนามหลวงโดนรุมทำร้ายเลือดอาบ ขณะที่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่โดยรอบพื้นที่การชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า นายแหวนเพชร กรศรี อายุ 35 ปี ชาว จ.จันทบุรี ได้เดินไปด้านหลังเวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในสภาพเสื้อผ้าชุ่มเลือดและมีบาดแผลบริเวณศรีษะ ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า นายแหวนเพชรได้ไปสังเกตการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ท้องสนามหลวง แต่ทางกลุ่ม นปช.เห็นว่าต้องเป็นคนแปลกหน้าจึง เดินเข้ามาสอบถาม และเกิดการปะทะทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ขณะที่สถานการณ์โดยรอบที่ชุมนุม ได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบด้วย ตำรวจพลร่มจากค่ายนเรศวร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 กองร้อยและหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191 จำนวน 2 กองร้อย พร้อมอุปกรณ์ปราบการจลาจลและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจต่างๆ มาร่วมสมทบอีกกว่า 2,000 นาย
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมรถดับเพลิงจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัย มาจอดรอไว้บริเวณเชิงสะพานมัฆวานฯ ด้านข้างทำเนียบรัฐบาลอีก 5 คัน และมีการสั่งให้ขนรถน้ำจากการประปาส่วนภูมิภาค ไปสูบน้ำจากคลองจำนวน 20 คัน เพื่อเตรียมสลายการชุมนุมครั้งนี้ด้วย
สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่า ประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมมากขึ้น ขณะที่ท้องฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆฝน และคาดว่าอาจจะตกลงมาในไม่ช้านี้ ด้านเจ้าหน้าที่ได้นำนำหน้ากากผ้ามาแจกกับผู้ชุมนุม โดยเฉพาะกับบรรดา รปภ. เพื่อป้องกันแก๊สน้ำตา
เวลา 18.40 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวปราศรัยว่า ตนไม่ได้กลัวใครจะมาจับ แต่เพื่อเป็นการต่อสู้และร่วมชุมนุม แกนนำทั้ง 5 คน จะเข้าไปนั่งท่ามกลางประชาชนที่มาชุมนุม ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะยอมปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับพวกตนหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เฉลิมยันไม่สลายม็อบ เตรียมแถลงข่าวด่วน
- งัดพรบ.จราจรจัดการชุมนุม ไม่เคลื่อนย้าย-ใช้กำลังตร.ช่วย
- ตำรวจปราบจลาจล 4กองร้อย เตรียมพร้อมประจำจุด
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
