x close

ผบ.สส.ยกคติ หมากัดกัน ศึกษา ปชต.แบบไทยๆ


          "คนไทยทำอะไรชอบทำเป็นกลุ่ม ชอบมีหัวหน้า ชอบหิ้วกระเป๋าเดิมตาม จะรู้สึกมีศักดิ์ศรีเวลามีนาย ฝรั่งเขาได้เป็นอิสระถือว่านั่นคือความสุข ไม่มีนายได้เป็นดีที่สุด ของเราชอบมีนาย นายก็ชอบมีลูกน้อง บางคนชอบไปไหนเป็นฝูง เมื่อเป็นฝูงก็ต้องมีหัวหน้าฝูง ฝรั่งชอบเสรี.. 

          "สังเกตดูหมาไทยไปไหนก็ต้องไปเป็นฝูงๆ เวลาไปสู้กับใครก็ไปรุมเป็นหมาหมู่ แต่เวลาอยู่กันเองก็กัดกันอยู่เรื่อย แล้วกัดกันทุกวันด้วย แต่หมาฝรั่งสังเกตดูเวลามันกัดกัน เมื่อมันแพ้ก็เลิก แล้วจะไม่กัดกันอีก มันเริ่มเรียนรู้ เริ่มปรับตัว แต่หมาไทยวันนี้แพ้ พรุ่งนี้สู้ใหม่ กัดกันจนหน้าเป็นแผลเป็นเต็มเลย กลายเป็นวีรบุรุษ"

          วังวนแห่งความขัดแย้งทางการเมืองวนเวียนกลับมาอีกครั้ง เป็นวังวนของ "หนังม้วนเดิม" ที่ถูกนำกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำให้ทหารออกมาปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549 แต่ก็กลับเข้าสู่กรมกองแบบช้ำเลือดช้ำหนอง ก่อนเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ต่อต้าน โค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

          ปัจจุบันต่อต้านรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "รัฐบาลนอมินี"  พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังการกลับมาใหญ่ของพรรคพลังประชาชน เวลานี้ภาวะการเมืองอยู่บน "ความหวาด ระแวง" ซึ่งกันและกัน นำไปสู่วิกฤตทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่หลายฝ่ายยังไม่แน่ใจว่า บทสรุปจะเหมือนกับเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 หรือไม่ 

         พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดบ้านพักรับรองย่านรามอินทรา สนทนากับ "มติชน" สะท้อน "จุดยืนและบทบาท" ของกองทัพท่ามกลางกลิ่นอาย "ปฏิวัติรัฐประหาร" ที่ตลบอบอวลขึ้นมาอีกครั้ง

บทบาทกองทัพต่อวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น หากถึงทางตันจุดยืนจะอยู่ตรงไหน

          ผมเป็นทหารอาชีพและเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งให้แนวทางเสมอว่าเราต้องเป็นทหารอาชีพ ไม่ยุ่งการเมือง หากเป็นเรื่องการรักษาความสงบเรียบ ร้อยก็พร้อมปฏิบัติ แต่ไม่อยากพูดเดี๋ยวจะหาว่าพร้อมไปปฏิวัติ และไม่เคยพูดว่าพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งให้ไปปราบประชาชน ทหารไม่ออกไปปราบประชาชน ใครออกไปปราบประชาชนคือผู้ที่ผิดกฎหมาย และทหารก็ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งให้ไปฆ่าประชาชน แต่หากสั่งให้ไปดูแลความเรียบร้อยก็ต้องไป ไม่ไปก็ติดคุก เพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาในยามวิกฤต บางครั้งถึงขั้นประหารชีวิต อย่างสงครามให้เข้าเวรรักษาการณ์ ผู้บังคับบัญชาสามารถยิงเป้าได้หากไม่เข้าเวร เพราะฝ่ายตรงข้ามอาจเข้ามาวางระเบิดทำคนตายเป็นร้อยเป็นพันได้ 

          ดังนั้น คำสั่งผู้บังคับบัญชาเราเรียกเสมอว่าพรจากสวรรค์ แต่ถ้าไม่ทำตามอาจเป็นไฟจากนรกก็ได้ แต่ไม่ต้องไปกลัว เพราะวินัยทหารต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ถูกกฎหมาย ดังนั้น การสั่งการให้ไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นคำสั่งที่ถูกกฎหมาย แต่หากสั่งให้ไปฆ่าใคร ทหารไม่ต้องปฏิบัติตาม เพราะผิดกฎหมาย วินัยทหารคือหากคำสั่งผิดกฎหมายไม่ต้องปฏิบัติ

ทหารมองว่าการออกจากกรมกองเพื่อรักษาความสงบ แต่ประชาชนมองอีกมุมหนึ่ง

          อาจเพราะอดีตออกไปแล้วเกิดเรื่องทุกที เกิดจากการออกไปปฏิบัติแล้วไม่ควบคุมให้ดี หรือบางครั้งอาจไปแล้วสถานการณ์พาไปทำให้เสียเยอะ การให้ออกไปทำงานรักษาความสงบ อย่างเช่น เขาฆ่ากันก็ไปทำให้เขาหยุดฆ่า ไปทำให้เรียบร้อย จะให้ทหารไปฆ่าประชาชนคงไม่ใช่ ชื่อกฎหมายที่ใช้ก็บอกแล้วว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือไปรักษาสถานการณ์ไม่ให้ฉุกเฉิน หลักการทหารต้องสนับสนุนรัฐบาล หากทำในสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่ทหารไม่มีหน้าที่ทำตามใจรัฐบาลหรือตามใจประชาชน ทหารต้องรักประชาชน ไม่มีใครออกไปฆ่าประชาชน เพราะในภาวะสงครามหากไม่มีประชาชนสนับสนุน ทหารก็แพ้

          ผมอยากให้คนไทยคิดว่า เราอาจจะมีศึกสงครามเมื่อไหร่ก็ได้ ควรผนึกกำลังกันไว้ให้แน่น เมื่อมีสงครามจะได้สู้ให้ชนะ ประชาชนเป็นทหารกองหนุน ทหารก็คือประชาชนต้องช่วยกัน เพียงแต่ทหารใส่เครื่องแบบต้องเป็นกำลังหลัก ยามศึกสงครามประชาชนต้องมาช่วย เมื่อคิดอย่างนี้แล้วคนไทยจะรักกัน หากแตกความสามัคคีในสนาม รบก็ไปไม่รอด อายเขา เป็นหมูสนาม หากคิดอย่างนี้คนเราจะขยันขันแข็งช่วยกัน บางประเทศสร้างศัตรูร่วมกันขึ้นมา เพื่อความสามัคคีทั้งที่ศัตรูนั้นอาจจะไม่มีตัวตนจริง

หลายคนมองว่าหมดยุคทหารปฏิวัติแล้ว เพราะมีบทเรียนทุกครั้งว่าไม่สำเร็จ

          การยึดอำนาจหรือรัฐประหารส่วนใหญ่จะสำเร็จคือ สำเร็จตอนยึด ส่วนการทำงานหลังจากนั้นจะเรียกว่าเป็นรูปแบบ เช่น ปฏิรูปหรือปฏิวัติหรืออภิวัตน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า ทหารต้องไปยึดอำนาจหรือรัฐประหาร รัฐบาลหรือประชาชนทำเองได้ ขั้นต้นคือประชาชนปฏิวัติตัวเอง ถึงจะเป็นการปฏิวัติที่แท้จริง อะไรไม่ดีก็ทำให้ดี สังคมก็ปฏิวัติง่าย หากทุกคนไม่ยอมปฏิวัติตัวเอง สังคมก็ปฏิวัติไม่ได้ นี่มองในแง่ดี ที่เปลี่ยนแปลงอะไรไปในแง่ดี อาจต้องทำกันมากเพราะค่อนข้างล้าหลัง สังคมไทยปรับตัวไม่ทันในความเจริญยุคโลกาภิวัตน์ และต้องปรับตัวให้ได้ประโยชน์จากโลกาภิวัตน์ อะไรไม่ดีเข้ามาเราก็ต่อสู้ได้ ไม่ใช่ปฏิวัติแล้วเกิดจุดอ่อน สิ่งไม่ดีไหลเข้ามา ก็จะสู้ประเทศอื่นเขาไม่ได้

แต่ที่ผ่านมาเป้าหมายปฏิวัติไม่ใช่การปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพียงแต่เป็นกิเลสที่ต้องการครอบครองอำนาจ

          อย่างนี้เขาเรียกว่ารัฐประหาร เวลาทหารยึด อำนาจในส่วนการปฏิบัติเรียกว่ารัฐประหารหรือยึด อำนาจ ระยะต่อมาก็ทำการปฏิวัติสังคม ส่วนจะ เรียกว่าปฏิวัติหรือไม่นั้น การยึดอำนาจก็เป็นส่วน หนึ่งของการปฏิวัติใหญ่ แต่การปฏิวัติสามารถมีได้ โดยไม่ต้องมีทหารมายึด อย่างรัฐบาลการเมือง อยากปฏิวัติก็ทำได้ทั้งนั้น โดยสงบ

ทุกครั้งเมื่อเกิดวิกฤต ทำไมทหารต้องออกมา เหตุใดประชาชนซึ่งเป็นใหญ่ที่สุดในประเทศจึงไม่ออกมาปฏิวัติตัวเองเพื่อแก้วิกฤต

          การเมืองส่วนลึกไม่พูด เพราะไม่รู้ถึง รู้ก็ไม่แน่ใจ เรื่องที่เห็นชัดเรียนมาตั้งแต่เด็ก ประชาธิป ไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ซึ่งประธานาธิบดีลินคอล์นพูดไว้ จะเป็นเจ้าของอำนาจก็ต้องออกแรงหน่อย ของเราพอมีงานหนักหน่อย ประชาชนก็หาวิธีให้ทหารออกมาปฏิวัติ ไม่ได้ทำเอง เลยไม่เข้มแข็ง ทำให้ไม่รู้สึกเป็นเจ้าของ ไม่ภูมิใจไม่รักษาไว้ก็เป็นเจ้าของเพียงครึ่งๆ โดยครึ่งๆ เพื่อก็อาจจะเพื่อครึ่งๆ เช่นกัน (หัวเราะ) ซึ่งของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนควรจะเต็มร้อย ขณะนี้ดูไม่เต็มที่ อาจจะไปหนักทหารมากเกินไป แต่ทหารก็คือประชาชน จะมาหนักเฉพาะอาชีพทหาร ที่เหลือ 99 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ได้ ดังนั้น ต้องเรียนรู้กัน

คนไทย สังคมไทย ทหาร นักการเมืองเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยดีมากพอหรือยัง

          ต้องถามนักข่าวสายการเมือง (หัวเราะลั่น) ผมพูดมากไม่ค่อยได้ นักการเมืองเข้าใจหรือเปล่า คงมีหลายคนที่เข้าใจ เพราะบางคนเรียน มาโดยตรง

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมเวลานี้ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของประชาธิปไตย

          ก็ใช่ (พยักหน้า) ตอนหลังผมต้องมาสนใจประวัติศาสตร์เยอะ เพราะเกี่ยวกับทหารด้วย อย่างประชาธิปไตยในโลกมองย้อนไปเริ่มมากว่า 3,000 ปี ตั้งแต่ยุคกรีก ของไทยเรามาปฏิวัติเมื่อปี 2475 ก็ประมาณ 76 ปี อายุน้อยมาก แต่ของเราใช้เวลาเป็น 2,000 ปี ก็คงจะไม่ใช่ น่าจะเร็วกว่านั้น เพราะมีแบบเรียนที่เขาทำมาหลายพันปีแล้ว ดูว่าสิ่งไหนดี ไม่ดี แต่สภาพแวดล้อมเราต่างจากตะวันตก จะทำให้เหมือนหรือไม่เหมือนต้องคิดให้ดี

แต่คำว่าประชาธิปไตยเป็นเกราะป้องกัน ของคนหลายกลุ่มที่ต้องการแสวงหาความชอบธรรมให้กลุ่มตนเอง ทั้งที่อาจจะไม่เข้าใจเนื้อแท้ของประชาธิปไตย

          (หัวเราะ) ตีตราไว้ว่า ฉันไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ดี หากเป็นประชาธิปไตยแสดงว่าไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ความจริงไม่เกี่ยวเลย อยู่ที่เนื้อแท้ของคน เคยคุยว่าเอ้..ญี่ปุ่นระบอบอะไรกันแน่ เป็นประชาธิป ไตยแบบไหน รายละเอียดผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่บอกไปว่าญี่ปุ่นปกครองระบอบอะไรก็ดีไปหมด เพราะคนเขาดี หากเป็นคอมมิวนิสต์ก็คอมมิว นิสต์ชั้นดี หากเป็นประชาธิปไตยก็ประชาธิปไตยชั้นดี เพราะคนเขาดีซื่อสัตย์เสียสละใช้ระบอบใดก็ไม่ผิดเพี้ยนเสียหายมาก 

          ผมมีความเห็นว่า คนที่มาเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เป็นนักการเมือง ต้องถือว่าตัวเองเป็นผู้รับใช้ประชาชน ถ้าไม่อย่างนั้นจะยากไปหมด ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้รับใช้ประชาชนแล้วก็จะมีความสุข รู้สึกมีเกียรติ และเวลามีปัญหา เจ้านายใหญ่คือประชาชนเค้าไม่ชอบอกชอบใจก็ต้องแสดงออกมา ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ เราเป็น วีรบุรุษ ไปให้พ้นทาง เสียสละ นี่คือการรับใช้จะไม่ต้องคิดมาก

แต่ในประเทศนี้เจ้านายใหญ่มีอำนาจเหนือนักการเมืองวันเดียว คือวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง

         
ใช่ ที่เหลือประชาชนไม่ได้เป็นเจ้านาย แต่ก่อนยกมือไหว้ประชาชนดีนัก พอหลังจากเลือกตั้งก็ไม่ไหว้แล้ว พอจะเลือกตั้งใหม่ก็ไหว้อีก

ดูเหมือนคนไทยใจร้อนอยากให้การพัฒนาประชาธิปไตยเกิดขึ้นเร็ว ฝ่ายการ เมืองใช้เสียงข้างมากทำทุกอย่างในรัฐสภา ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก็ระดมคนก่อม็อบประท้วง

         
ผมทหารอาชีพไม่อยากพูด คนมาชวนพูดเยอะ แต่หลายอย่างก็รู้กันอยู่แล้ว ผมก็ไม่คิดต่างไปจากคนอื่นเท่าไหร่หรอก (หัวเราะ) ทหารก็กินข้าวเหมือนกัน ไม่ได้กินแกลบหรืออาหารทิพย์ที่ทำให้ฉลาดมาก ก็กินเหมือนๆ กัน มีอารมณ์เหมือนกัน แต่บางเรื่องทหารต้องอดกลั้น เพราะมีวินัยที่ต้องเป็นอย่างนั้น

คมช.เข้ามาทำการปฏิรูป แทนที่บ้านเมืองจะดีขึ้น แต่กลับมาสู่วังวนที่มืดมิดเหมือนเดิม 

          ทุกอย่างมันก็อยู่ที่คน หากคนไม่ค่อยมีวินัย จะปฏิวัติปฏิรูปหรืออะไรแล้วแต่ ตั้งใจดี้ดี ออกมามันก็มักจะ..อะไรล่ะ (นิ่งคิดพักใหญ่)เขาเรียกว่าเริ่มต้นเป็นลำไม้ไผ่อยู่ๆ ไปเป็นบ้องกัญชา ต้องดูอะไรที่เหมาะกับคนของเรา คนที่เก่งต้องอ่านออกว่า ต้องทำอย่างไร อะไรที่เหมาะสมกับเมืองไทย ต้องคิดให้ละเอียด ต้องมียุทธศาสตร์ คิดให้ลึกซึ้ง คิดให้กว้างขวาง อย่าไปคิดลวกๆ ก๊อบปี้คนโน้นคนนี้มา ผมก็ไม่รู้นะว่าเขาคิดละเอียดแค่ไหน อาจจะละเอียดก็ได้ แต่ถ้าอะไรยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ต้องค่อยๆ แก้ 

          บางทีเราต้องดูพฤติกรรมของคนไทย ดูว่าการปกครองที่มีอยู่ อะไรเหมาะกับนิสัยคนไทย อะไรที่ไม่เหมาะพอปรับได้หรือไม่ ถ้าจะเริ่มต้นเปลี่ยนจากคนเป็นเรื่องยาก แต่ระบบสามารถปรับเปลี่ยนได้ ถึงแม้สันดานคนไม่เอื้ออำนวยเลยนะ เมื่อระบบทั้งหมดเปลี่ยน เดี๋ยวสันดานคนก็ต้องเปลี่ยน แต่ก็ค่อยๆ เปลี่ยน เพราะการเปลี่ยนสันดานหรือเปลี่ยนกรรมพันธุ์คนมันไม่ได้เปลี่ยนง่ายๆ นะ

แสดงว่ารูปแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตกไม่เหมาะกับสังคมไทย

         
เออ..ไม่รู้เหมือนกันเรียนมาตั้งแต่เด็ก สังเกตคนไทย ขั้นต้นไม่ค่อยพูดจาอะไรเปิดเผย ไม่ค่อย แสดงความเห็นตรงไปตรงมา บางทีแสดงแบบเต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้ แต่ความจริงคิดอีกอย่าง ที่พูดเพราะสาเหตุอื่น ความคิดเห็นที่บริสุทธิ์ ตรงไปตรงมาไม่ค่อยพูด บางคนตั้งใจอย่างนั้นแต่ไม่ค่อยพูด แต่พอออกมาสรุปว่าอย่างไร กลับมา ด่าข้างนอก มีแปลกๆ เยอะ และระบบพรรคพวกเยอะ ความคิดเห็นส่วนตัวอะไรดีไม่ดี ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ดีแต่พรรคพวกเห็นด้วยก็เป็นระบบพรรคพวก ทำให้อะไรเพี้ยนไปเลย หากพวกกันไปไหนก็ลากๆ ไป เราต้องให้การศึกษา ฝึกเด็กตั้งแต่เด็กเล็กๆ เพื่อจะได้ตอบสนองระบอบที่เราต้องการ หากไม่เน้นเรื่องการศึกษาเด็กออกมาก็ไม่ตรงตามที่เราต้องการสักที

บางทีสังคมไทยยังมีระบบสังคมทาส ที่ต้องการผู้นำและตัวเองชอบเป็นผู้ตาม

         
(หัวเราะ) บางทีเราก็เป็นทาสเศรษฐกิจ อย่างน้ำมันแพงเยอะ ที่บอกจะไปไหนก็ได้ ความจริงไปไม่ได้หรอก เพราะไม่มีเงิน ติดคุกเศรษฐกิจ ไปไหนไม่ได้ต้องอยู่บ้านติดคุกเหมือนกันนะ บางทีคนไทยอย่างที่ว่า จะมีพวกพ้องมีพวกมีฝูงเยอะ (นิ่งคิด) สังเกตดูแม้แต่หมาไทยไปไหนก็ต้องไปเป็นฝูงๆ เวลาไปสู้กับใครก็ไปด้วยกัน รุมเป็นหมาหมู่ แต่เวลาอยู่กันเองก็กัดกันเองอยู่เรื่อย (หัวเราะลั่น) แล้วกัดกันทุกวันด้วย แต่หมาฝรั่งสังเกตดูเวลามันกัดกัน เมื่อมันแพ้ก็เลิกแล้วจะไม่กัดกันอีก มันเริ่มเรียนรู้ เริ่มปรับตัว ผมรู้เพราะเลี้ยงหมาอยู่ แต่หมาไทยวันนี้แพ้ พรุ่งนี้สู้ใหม่ กัดกันจนหน้าเป็นแผลเป็นเต็มเลย กลายเป็นวีรบุรุษ วันนี้อ่อนแอสู้ไม่ได้ วันหน้าสู้ใหม่ ไม่ทำอะไร สู้กันอย่างเดียว ไม่รู้เป็นอะไรและกัดเป็นหมู่ซะด้วย

          คนไทยชอบที่จะมีหัวหน้า ฝรั่งเขาไม่ชอบมีหัวหน้า เขาชอบเป็นอิสระ แม้แต่ลูกน้องกับเจ้านายก็เหมือนเพื่อนกัน ทำหน้าที่ต่างกันแต่ก็เหมือนเพื่อนกัน คนไทยเราชอบอยู่กันเป็นกลุ่มๆ ไม่ชอบที่ดินกว้างๆ ราคาถูก แต่ชอบอยู่เป็น กลุ่มๆ ทั้งที่ราคาที่ดินแพงมาก แต่ฝรั่งชอบที่ดินที่ไม่มีใครอยู่เลย เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ที่ดินจะราคาสูง ไม่เหมือนคนไทยทำอะไรชอบทำเป็นกลุ่ม ชอบมีหัวหน้า ชอบหิ้วกระเป๋าเดิมตาม จะรู้สึกมีศักดิ์ศรีเวลามีนาย ฝรั่งเขาได้เป็นอิสระถือว่านั่นคือความสุข ไม่มีนายได้เป็นดีที่สุด ของเราชอบมีนาย นายก็ชอบมีลูกน้อง บางคนชอบไปไหนเป็นฝูง เมื่อเป็นฝูงก็ต้องมีหัวหน้าฝูง ฝรั่งชอบเสรี มันเป็นเรื่องความแตกต่างที่ไม่ได้ผิดธรรมชาติอะไร

          นกบางอย่างนี่ชอบไปเป็นฝูง อย่างนกพิราบนี่ไปเป็นฝูง แต่ถ้านกอินทรีย์จะไปเดี่ยว แม้แต่คู่ยังไม่ไปด้วยกัน เวลาบินยังบินเดี่ยว มันก็ไม่เหมือนกัน เมื่อมาดูการเมืองคนของเราเป็นอย่างนี้ ระบอบควรเป็นอย่างไรก็ต้องดู แล้วสิ่งที่เราเป็นอยู่เปลี่ยนได้หรือไม่ ถามนักวิชาการมาเยอะก็ไม่ค่อยมีคำตอบ บางคนบอกว่ามันเปลี่ยนได้ เราก็บอกว่าสิ่งที่เกิดโดยสิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนง่าย แต่ถ้ามันเป็นกรรมพันธุ์อยู่ในสายเลือดเช่น การชอบอยู่เป็นพวกเป็นฝูงอยู่ในสายเลือด อย่างหมาชอบอยู่เป็นฝูง ทำอย่างไรก็ต้องชอบอยู่เป็นฝูง อาจจะเปลี่ยนได้ แต่ต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีได้ แต่หมาปรับตัวเรื่องพวกนี้เร็วกว่า (หัวเราะ)

ในมุมมองทหารอาชีพ รู้สึกอย่างไรกับคำว่าการเมืองแทรกแซง

         
ถ้าทำเกินอำนาจ เกินขอบเขตขอบกฎหมายก็ไม่มีใครชอบ หากทำอยู่ในอำนาจถูกต้องก็ไม่มีใครว่า เอาใจเราเป็นมาตรฐาน แต่นักการเมืองเขาไม่ได้เขียนสั่ง ส่วนมากพูดหรือเป็นจดหมายน้อย แต่เราไปกลัว ไปเกรงใจมากกว่า เพราะส่วนมากเป็นพวกกัน แต่ถ้าทำอยู่ในขอบเขตเหมาะสมไม่เป็นไร เยอะไปก็ไม่ไหว ต้องดูความเหมาะสม อย่าไปทำตามใจทุกคน ทุกราย ไม่งั้นกองทัพตายเพราะไม่ได้คุณภาพ

ด้วยการเมืองกับการทหารแยกกันไม่ได้ ในการโยกย้ายเดือนตุลาคมจะเกิดปัญหาหรือไม่

         
ตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตายในหมู่ทหาร และบ้านเมืองยามวิกฤต ต้องอาศัยพวกนี้สำคัญมาก หากหัวหน้าใหญ่ไม่ดี ลูกน้องไม่เชื่อมั่นก็จะอ่อนแอ โดยเฉพาะสังคมทหารขึ้นอยู่กับตัวเบอร์หนึ่ง เบอร์สองอำนาจลดมาเยอะ ต่างกันเยอะ เบอร์หนึ่งมีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย สั่งให้คนไปตายได้ ต้องหาคนที่ดีที่สุด ใครที่มีอำนาจหน้าที่ต้องมีความรับผิดชอบ การโยกย้ายทหารเดี๋ยวนี้มีระบบมาก แม้จะยังไม่ที่สุดแต่ดีขึ้นมาก ตั้งแต่มาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด การแทรกแซงก็น้อยลง บางคนระแวง แต่คนฉลาด แม้แต่นักการเมืองถ้าเป็นคนฉลาดจริง เขาจะตั้งคนดีๆ ส่วนคนที่ยอมตั้งคนไม่ดีโดยคิดว่าคนนี้เป็นพวกตนเอง คนคนนั้นไม่ฉลาดเป็นคนโง่ เพราะคนไม่ดีเข้าไปบริหารงานจะเกิดปัญหามากมาย ลูกน้องก็ไม่มีศรัทธา เพราะรู้ว่าเป็นคนไม่จริง บริหารงานล้มเหลว ความซื่อสัตย์ก็ไม่มี แต่คนแบบนี้จะเก่งในการทำให้ผู้บังคับบัญชาที่เหมือนพวกปลาตาบอดตั้ง

ปัจจัยอะไรที่ทำให้ทหารต้องออกมาปฏิวัติ

         
ไม่รู้ชัดเจนแม้แต่ครั้งเดียว เพราะไม่เคยทำเอง ไม่ได้ทำเองและไม่คิดจะทำ ไปไล่ดูว่าที่ผ่านมาแต่ละครั้งเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้จริง คนรู้จริงส่วนมากไม่เล่าจะเป็นความลับ แล้วพูดไปไม่เกิดประโยชน์ด้วย ไม่นานมานี้เมื่อ 6 เดือน มีคนพูดว่าการปฏิวัติทุกครั้งจะเกี่ยวกับการเลื่อนยศทางทหาร

ความไม่พอใจการโยกย้ายเป็นไปได้หรือไม่

         
ก็เป็นไปได้ อยู่ที่คน เพราะคนมีหลายประเภท อย่างฟิลิปปินส์ พ.อ.โบ นาซาน ทำรัฐประหารเรื่อยและไม่สำเร็จ เขาก็ไม่ว่าอะไร จำคุกวันเดียวแล้วก็รัฐประหารใหม่ ท่านคงไม่ค่อยได้เลื่อนยศ แต่เชื่อว่าปัจจัยไม่เหมือนกัน หากสังคมเราเรียบร้อยดีและการโยกย้ายยุติธรรม บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า ใครจะปฏิวัติเพราะมันเสี่ยงและถูกประหารชีวิตหรือถูกประณาม ติดคุก หากเรียบดีก็ไม่มีใครทำ คนอยากทำก็ไม่กล้าทำ

ปัจจัยด้านเศรษฐกิจตกต่ำเป็นเงื่อนไขให้ทหารยึดอำนาจหรือไม่

         
ก็เป็นได้ เขาบอกรัฐบาลนั้นทำเศรษฐกิจตกต่ำประชาชนเดือดร้อน แต่เป็นปัจจัยหลักหรือไม่ ข้อนี้จะถูกอ้างบ่อยเพราะเป็นจริงเสมอ ประชาชนทุกแห่งจะบอกเดือดร้อนทั้งนั้นไม่มากก็น้อย

ด้วยความที่คนไทยชอบมีผู้นำ เมื่อมีปัญหา ก็มักจะเรียกหาผู้นำอย่างทหาร

         
อาจมีส่วนได้ เขาก็ดูว่าใครเป็นคนดี เชื่อถือได้ มีความเข้มแข็ง ขณะเดียวกันเป็นคนที่มีความเชื่อถือซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนมีพื้นฐานว่าเขาไว้ใจ เพราะหากไม่ไว้ใจวันหนึ่งอาจทำให้เขาโชคร้าย ทำไมเรียกหาแต่ทหาร อย่างหนึ่งผมว่าเพราะเคยชิน อาจเป็นเพราะประเทศเราอาจฝึกพลเรือนเป็นผู้นำน้อยไปหน่อย พลเรือนไม่ค่อยเล่นกีฬา ในสถาบันการศึกษาเล่นน้อยกว่าทหารเยอะ ทหารเล่นกีฬาทุกคนทำให้ร่างกายแข็งแรงอดทนอดกลั้น จิตใจเข้มแข็ง มีไหวพริบ รู้จักแพ้ชนะ มีความเป็นผู้นำ เพราะกีฬาบางทีต้องมีผู้นำ เป็นหัวหน้าทีม ประเทศเจริญแล้วพลเรือนเขาเข้มแข็งกว่าทหาร เพราะเขาสนับสนุนกีฬา แต่ผู้ใหญ่บ้านเมืองเราไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้ จึงไม่รู้กีฬาสำคัญอย่างไร กีฬาทำให้รู้จักทำงานเป็นทีม มีสปิริต รู้แพ้รู้ชนะ ของเราน้อยมากเทียบกับฝรั่งที่เจริญแล้ว เล่นกีฬาฝึกคนมหาศาล สังคมไทยขาดการรู้แพ้รู้ชนะ ขาดความอดทน

ด้วยสภาวะการเมืองที่บีบคั้นเช่นนี้ ถึงวันหนึ่งที่ต้องตัดสินใจนำทหารออกมาจะรู้สึกอย่างไร

         
ผมว่าไม่น่าจะไปถึงจุดนั้น แต่ไม่อยากจะพูดเดี๋ยวหาว่าผมไม่รับประกันว่าจะมีปฏิวัติอีก อย่างที่ผมพูดหากเขาจะทำ ไม่มาบอกผมหรอก แต่ดูแล้วไม่น่าจะมี ดูแต่ละคน ดูจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่น่าจะมีการยึดอำนาจหรอก ปล่อยให้ประชาชนฝึกทำการบ้าน ปฏิวัติตัวเองจะดีกว่า นั่นแหละที่จะทำให้ประเทศยั่งยืน


ข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ผบ.สส.ยกคติ หมากัดกัน ศึกษา ปชต.แบบไทยๆ อัปเดตล่าสุด 10 มิถุนายน 2551 เวลา 19:31:58 1,947 อ่าน
TOP