กระทรวงการคลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรกลุ่มติดอาวุธในเมียนมา - ขึ้นบัญชีดำ 1 บริษัทในไทย และคนไทย 1 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องแก๊งสแกมเมอร์

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เว็บไซต์ U.S. Department of the Treasury ของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่แถลงการณ์คว่ำบาตรกลุ่มติดอาวุธ และบริษัทในเมียนมา รวมถึงบริษัทในประเทศไทย 1 แห่ง และบุคคลสัญชาติไทย 1 ราย ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมแก๊งสแกมเมอร์ที่มุ่งเป้าไปยังเหยื่อชาวอเมริกัน
โดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้กำหนดรายชื่อกลุ่มบุคคลและบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ดังนี้
- กองทัพกะเหรี่ยงประชาธิปไตย (Democratic Karen Benevolent Army หรือ DKBA) กลุ่มติดอาวุธในเมียนมา พร้อมด้วยผู้นำระดับสูงอีก 4 ราย ซึ่งให้การสนับสนุนศูนย์สแกมเมอร์ที่มุ่งเป้าไปยังชาวอเมริกัน โดยใช้แผนการฉ้อโกงด้านการลงทุน
- บริษัท ทรอธ สตาร์ จำกัด (Troth Star Company Limited) จดทะเบียนในเมียนมา
- บริษัท ทรานส์เอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด (Trans Asia International Holding Group Thailand Company Limited) จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อปี 2563 โดยระบุว่า ประกอบกิจการขายส่งสินค้าทั่วไป
- นายชามู สว่าง (Chamu Sawang) บุคคลสัญชาติไทย ซึ่งมีชื่อเป็นกรรมการเพียงคนเดียวของบริษัท ทรานส์เอเชียฯ โดยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมจีน และได้ร่วมมือกับกลุ่ม DKBA และกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ พัฒนาศูนย์สแกมเมอร์
โดย จอห์น เค. เฮอร์ลีย์ (John K. Hurley) ปลัดกระทรวงการคลัง ฝ่ายการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน กล่าวว่า "เครือข่ายอาชญากรที่ปฏิบัติการในเมียนมา กำลังปล้นเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากชาวอเมริกันผู้ทำงานหนัก ผ่านการหลอกลวงทางออนไลน์ เครือข่ายเหล่านี้ยังค้ามนุษย์ และส่งเสริมสงครามกลางเมืองในเมียนมา รัฐบาลจะใช้ทุกเครื่องมือที่เรามีจัดการกับอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้ ไม่ว่าพวกเขาจะปฏิบัติการอยู่ที่ใด เพื่อปกป้องครอบครัวชาวอเมริกัน"
การดำเนินการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายหน่วยงานในสหรัฐฯ ได้แก่ สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI) หน่วยภาคสนามซานดิเอโก, สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ประจำเขตโคลัมเบีย, แผนกอาชญากรรม ของกระทรวงยุติธรรม, หน่วยสืบราชการลับแห่งสหรัฐอเมริกา (USSS) และสำนักงานปราบปรามยาเสพติด
ในแถลงการณ์ระบุว่า อาชญากรทางออนไลน์ส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังมุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันมากขึ้นผ่านปฏิบัติการสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่า ในปี 2567 ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 แสนล้านบาท) ให้กับแก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากปีก่อนหน้ามากถึง 66 เปอร์เซ็นต์
โดยมาตรการดังกล่าวเป็นการขยายผลหลังจากเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทาง OFAC ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาแห่งสหราชอาณาจักร (FCDO) ดำเนินการคว่ำบาตร Prince Group กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่สัญชาติกัมพูชาที่ดำเนินกิจการศูนย์สแกมเมอร์ และได้ขึ้นบัญชีดำบุคคลที่เกี่ยวข้อง 146 ราย






