x close

มาช่า วัฒนพานิช เปิดใจให้สัมภาษณ์


มาช่า


ปล่อยตัว ปล่อยใจ ไปกับความรู้สึก... มาช่า วัฒนพานิช

          โลดแล่นบนเส้นทางมายามากว่า 20 ปี แม้วันเวลาจะล่วงผ่านอายุอานามเกือบสู่เลข 4 เข้าไปทุกวันๆ แต่ทว่าความงามของเธอไม่เคยลดลงเลย

          มาช่า วัฒนพานิช เริ่มเข้าวงการครั้งแรกด้วยการถ่ายแบบโฆษณาตั้งแต่อายุ 14 ปี จากนั้นก็เข้าสู่วงการภาพยนตร์ และวงการเพลง จากดาวรุ่งที่มาแรง ตอนนี้เธอกลายเป็นมืออาชีพที่ใครๆ ก็ยอมรับในฝีมือ จากการสะสมประสบการณ์ในการทำงาน จากเด็กสาววัยสดใสจนบัดนี้กลายมาเป็นคุณแม่ของลูกชายรูปหล่อวัย 19 ปี น้องกาย นวพล ลำพูน

          ขณะที่ลูกชายสุดที่รักเติบโตเป็นหนุ่มน้อย แต่เธอก็ยังดูสวยเหมือนสาววัยแรกรุ่น นั่นเป็นเพราะการดูแลตัวเองอย่างดีอยู่ตลอดเวลา และตอนนี้เธอไม่ใช่แค่รับผิดชอบตัวเอง แต่ต้องรับผิดชอบชีวิตอีกชีวิตหนึ่งที่เธอเป็นผู้ให้กำเนิดอีกด้วย

          หลายเรื่องราวของเธอที่คุณอาจจะรู้มาบ้างแล้ว แต่บางเรื่องราวก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ที่เธอพร้อมจะมาเล่าให้คุณได้ฟัง ถึงความเป็นตัวตนของผู้หญิงที่ชื่อว่า มาช่า วัฒนพานิช

ความเป็นตัวตน

          มาช่า : ช่า ไม่มีไอดอลเป็นเรื่องเป็นราว ช่าไม่ใช่ชอบใครแล้วอยากเป็นเขาคนนั้น คือไม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ช่าชอบเป็นตัวของตัวเอง แต่ถ้าเคารพและนับถือ รู้สึกว่าเขาแจ๋วดี คงจะเป็น พี่แอม เสาวลักษณ์ คือการเคารพรักแบบพี่สาว คงไม่ใช่ไอดอล ว่าฉันจะต้องแต่งตัวอย่างงี้ ตัวตนของช่าคือนิสัย นิสัยไม่เหมือนใคร อธิบายคงลำบาก สิ่งที่คนเขาเห็นกับสิ่งที่ทำงานคืออีกอย่าง ส่วนตัวก็อีกอย่าง ต้องคบ ต้องรู้จัก ชอบที่ตัวเองเป็นตัวของตัวเองดี ตั้งแต่เด็กๆ จนโตมาก็ไม่อยากจะเป็นใครทั้งสิ้น รู้สึกอยากเป็นตัวเอง ถ้าถามว่าอยากเป็นตัวเองคือยังไง ก็คือความรู้สึกของตัวเอง ที่ทำอะไรแล้วเรารู้สึกยังไง เราต้องเชื่อความรู้สึกของตัวเอง เพราะทุกวันนี้สังคมจะเป็นไปตามรูปแบบ จะทำอะไรก็เหมือนๆ กัน อย่างคำถามก็ตั้งมาเหมือนๆ กัน ช่าก็จะตอบประมาณ 500 รอบในชีวิต ช่ารู้สึกว่าแค่เราเป็นตัวของตัวเอง ที่เรารู้สึกจากความรู้สึกของเรา เราก็จะมีความเป็นตัวของตัวเองแล้ว แต่บางทีคนเราทุกวันนี้ไม่ค่อยมั่นใจ อุ๊ย...สังคมเป็นอย่างงั้น คนโดยรวมๆ ต้องเป็นอย่างงี้ มันทำให้เราเหมือนกันไปหมด ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลย หน้าตาก็จะเป็นแพตเทิร์นเดียวกันหมด การแต่งตัวก็เป็นแบบเดียวกันไปหมด ทรงผมก็เป็นแบบเดียวกันไปหมด เพราะขาดการเป็นตัวของตัวเอง

มุมมองในการดำเนินชีวิต

          มาช่า : ไม่ไปทำร้ายใครและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ที่สำคัญต้องเป็นคนรักษาศีล ซึ่งบางคนอาจจะไม่เชื่อ เพราะเห็นภาพลักษณ์งานเพลงช่าออกมาดูเซ็กซี่ตลอด จึงอยากจะบอกว่า งานก็ส่วนงาน มันคนละพื้นที่กับวิถีความคิด

ใช้หลักการอะไรในการดำเนินชีวิต

          มาช่า : หลักธรรม หมั่นศึกษาพุทธธรรมอยู่ตลอดเวลา ที่สอนให้รู้ว่าอะไรดีไม่ดี เมื่อทำไปแล้วผลลัพธ์ออกมามันจะเป็นเช่นไร

คนจะมองว่ามาช่าเพอร์เฟ็กต์

          มาช่า : อยากจับอารมณ์ตัวเองได้เร็วกว่านี้ อย่างเช่นการฝึกจับจิตใจ ให้รับรู้ว่าเรากำลังรู้สึกโกรธอยู่ คือง่ายๆ ว่าอยากจะรู้จักตัวเองมากกว่านี้

เป็นคนจริงจังกับชีวิตหรือเปล่า

          มาช่า : ตอนเด็กๆ จริงจังกับชีวิตมาก แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเพลาๆ ลงบ้าง เพราะเริ่มจับแนวทางชีวิตได้แล้ว แต่บางครั้งโตมานี่ก็มีเครียดเรื่องงานบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นกลับบ้านไปกลุ้มอกกลุ้มใจ จะปล่อยทุกอย่างไว้แก้ไขวันพรุ่งนี้ เพราะแบ่งเวลาเป็นแล้ว

เคยมีช่วงชีวิตที่รู้สึกว่าแย่สุดหรือเปล่า

          มาช่า : ในชีวิตทุกคนล้วนมีเรื่องลำบากด้วยกันทุกคน ช่ามาถึงทุกวันนี้ ใช่ว่าหนทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอด และไม่ต้องเท้าความอะไรมาก แค่ปัจจุบันนี้ยังไม่คิดว่าตัวเองสบายเลย สำหรับช่า คิดว่าเรื่องราวที่ตัวเองประสบครั้งล่าสุด มักแย่สุดๆ ในชีวิตแล้ว

เคล็ดลับในการดูแลตัวเองให้ดูดีตลอดเวลา

          มาช่า : ช่า ก็สมวัยนะคะ ก็ออกกำลังกายอย่างที่คนอื่นเขาทำกัน แต่ช่วงนี้ก็จะเล่นโยคะ ทั้งโยคะร้อน และก็โยคะแบบธรรมดา แต่ที่สำคัญอันดับแรกต้องดูแลตัวเองเรื่องอาหารการกิน นอนหลับพักผ่อน ออกกำลังกาย อย่าเอาแต่นอนจมปลักอยู่กับที่ ที่สำคัญต้องหมั่นดูแลสภาพจิตใจตัวเองให้คิดแต่สิ่งดี เพราะถ้าคิดเรื่องไม่ดี จิตใจก็จะหม่นหมองไปแล้ว เพราะกิเลสเวลามันมาครอบคลุมจิตใจคนเรานั้น ถือได้ว่าเป็นมหันตภัยร้ายที่แฝงตัวมา ถ้าควบคุมมันสำเร็จเราก็จะได้รู้ว่าเวลาทุกข์จะแก้ไขกับมันยังไง

แบ่งเวลาให้ตัวเองยังไง

          มาช่า : มันไม่รู้สิมันทำได้ มันมีความรู้สึก มีเซนส์ของตัวเองว่า ตัวเองต้องทำอย่างงี้ ใช้ความรู้สึกน่ะค่ะ ใช้ความรู้สึกว่าจะทำอย่างงี้นะ ปกติช่าเป็นคนทำกับข้าวเอง ทำอะไรเอง จ่ายกับข้าวเอง คือจะรู้ เราทำมาแต่ไหนแต่ไร เราจะรู้ว่าเราต้องทำอะไร ถึงเวลานี้ร่างกายเราชักไม่ได้รับการออกกำลังกาย เราก็ต้องหาเวลาออกกำลังกาย ช่าไม่ได้แบ่งว่า 10 โมงเช้าต้องเป็นอย่างงี้นะ คือจะใช้ความรู้สึกกับมันมากกว่า เราก็จะรู้ว่าเราจะต้องทำอะไรมากกว่า

ทัศนคติเกี่ยวกับความรัก

          มาช่า : ค่อนข้างเป็นคนจริงจังกับความรัก รักใครรักจริง แต่จะไม่ค่อยบังคับให้เขาต้องคอยทำตามในสิ่งที่เราต้องการ

ความรักครั้งใหม่กับการแต่งงาน

          มาช่า : แฮปปี้ดี ไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอดี ช่วงนี้ก็รักกันดีอยู่นะคะ มีความรู้สึกว่าถ้ามันจะไปถึงจุดนั้น ขอให้มันเป็นความรู้สึกที่เราอยากจะไปถึงจุดนั้น คือไม่ใช่ว่าต้องทำ สังคมว่ากันแบบนี้ ช่าว่าคงไม่ใช่อารมณ์นั้น คือช่ารักกันดีถึงขั้นเราแต่งงานกันเถอะ มันควรเป็นความรู้สึกตรงนั้นจากเรา คือไม่ใช่ อุ๊ย...ต้องรีบแล้วนะ สังคมเขาว่ากันอย่างงั้น เป็นอะไรมากไหมเนี่ย ช่ารู้สึกว่า ไม่ใช่ ช่าไม่ใช่คนตามกรอบสังคมอะไรอย่างงั้น ช่าเป็นตัวของตัวเอง จะทำอะไรก็จะทำจากความรู้สึกของตัวเอง ตอนนี้ถ้าถาม ช่ายังไม่รู้สึกไปถึงขั้นตรงนั้น ช่ารู้สึกว่าเราเพิ่งเริ่มรักกันเข้าปีที่ 3 กำลังเริ่มเรียนรู้กันและกัน ปีแรกเป็นอะไรใหม่มาก ไม่รู้จักกันมาก เข้าปีที่ 2 ปีที่ 3 จะเริ่มนิ่ง ต้องให้เวลาอีกสักพัก ช่าว่าดีออก ทิ้งเวลาให้มันเรียนรู้กันไป ขี้เกียจแต่งๆ เลิกๆ เลิกๆ แต่งๆ หรือบางคนอยู่ด้วยกันดีๆ โดยไม่จำเป็นต้องเอางานแต่งงานมาผูกมัดก็ได้ ความรักไม่ได้อยู่ที่การแต่งงาน การแต่งงานเป็นเรื่องอะไรอีกแบบ ช่าไม่ชอบให้ใครมางาน ช่าว่ามันต้องมาจากความรู้สึกของตัวเองเพียวๆ

จะหวานกันไปถึงไหน

          มาช่า : เนอะ จะหวานกันไปถึงไหน นั่นดิ คือ ช่าก็พูดตามความรู้สึก จริงๆ ช่าไม่ได้ปรุงแต่ง สมมติชีวิตช่วงไหนช่าเป็นยังไง ช่าก็จะพูดไปอย่างนั้น ถ้าช่วงไหนที่แย่ก็จะบอกว่าแย่ ช่วงไหนที่บอกว่าดูดี ช่าก็ไม่รู้จะไปปรุงแต่งอะไรกันมากมาย ของก็เห็นๆ กันอยู่ มันคงจะเป็นเช่นนั้น ต้องขอโทษด้วยที่มันต้องเป็นไปตามเช่นนั้น เพราะว่าเวลาที่ถูกสัมภาษณ์ ช่าก็ไม่รู้จะแต่งยังไง ถ้าเกิดโกหกเดี๋ยวไม่เหมือนกันอีก สัมภาษณ์ 10 เล่ม เหมือนกันหมดเลย

บทบาทของความเป็นแม่

          มาช่า : ไม่มีอะไรพิเศษลึกซึ้งมากมาย น้องกายเป็นลูกผู้ชาย ต้องให้เรียนรู้ธรรมชาติของชีวิตด้วยตัวเอง โดยที่ช่าจะยืนมองอยู่ห่างๆ คอยให้คำปรึกษาแนะนำ แต่ถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจกันหรือมีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่จะคุยกันให้รู้เรื่อง

ความสัมพันธ์กับน้องกาย

          มาช่า : สนิทกันมาก รู้สึกว่าเขาจะเหมือนช่าเยอะนะ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา นิสัยใจคอ แต่ยังไงซะ ก็ขอให้เขาเอาส่วนที่แจ๋วๆ ของแม่ไปแล้วกัน

ห่วงลูกไหม เพราะเขาอยู่คนเดียว

          มาช่า : ห่วงทุกวันค่ะ นิสัยพ่อ-แม่ ก็เป็นอย่างนี้แหละ แต่ว่าเรามีความรู้สึกว่า ทุกคนในโลกนี้ต้องโต เราเองก็ต้องฝ่าฟัน เจ็บ ทุกข์ สุข ไม่สบาย อกหัก เสียใจ มันต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ฉลาด เราได้แต่ภาวนาขอให้ลูกผ่านไปด้วยดีแล้วกัน แต่เขาต้องเจอสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะว่ามนุษย์ทุกคนต้องเจอ

ลูกชายกับวงการบันเทิง

          มาช่า : อะไรก็ได้ให้เขามีความสุข แฮปปี้ ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไร เรามีหน้าที่ที่จะต้องเลี้ยงดูเขาให้เขามีการศึกษา ไม่ได้บังคับว่าเรียนๆ เพื่อเป็นหมอ ช่าไม่ใช่แนวนั้นโดยสิ้นเชิง ช่าเป็นแนวทำอะไรก็ทำ ให้มันมีความสุข ความแฮปปี้กับชีวิตตัวเอง

วางอนาคตลูกชายไว้ในทิศทางไหน

          มาช่า : ตอนนี้เขาอายุ 19 ปี กำลังเรียนทำหนังอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ถ้าจบแล้วน้องกายอยากทำอะไรก็ตามใจลูก

วางอนาคตในวงการบันเทิงไว้อย่างไร

          มาช่า : ยังไม่รู้เลย ตอนนี้สนุกกับสิ่งที่เป็นอยู่ และเป็นคนที่ชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่า ทุกวันนี้มีเด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นมากในวงการบันเทิง

กลัวถูกแย่งงานหรือตำแหน่งนางเอกหรือไม่

          มาช่า : ไม่คิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ช่าก็คือช่า น้องๆ ก็คือน้องๆ ไม่มีใครเหมือนใคร หรือเป็นคนคนนั้น ไม่มีใครมาแทนที่ใครได้หรอก ทุกคนมีที่ยืนของตัวเอง

ในฐานะที่เป็นคนสาธารณะทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีกับแฟนคลับอย่างไร

          มาช่า : ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อมอบความบันเทิงให้คนอื่นๆ ซึ่งแฟนเพลงจะได้ไม่ต้องเสียใจ แต่บางครั้งก็ต้องเข้าใจบ้าง ว่ามนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก อย่าคาดหวังอะไรกับช่าเลย

          นี่แหละ มาช่า วัฒนพานิช


ข้อมูลและภาพประกอบจาก
 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มาช่า วัฒนพานิช เปิดใจให้สัมภาษณ์ อัปเดตล่าสุด 10 มิถุนายน 2551 เวลา 15:59:53 15,918 อ่าน
TOP