x close

ประหยัด.. ประหยัด.. ประหยัด!! คาถาสำหรับคนยุคนี้


สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

        กรี๊ด... กรี๊ด... กรี๊ด...!! อยากจะกรี๊ดสักสิบรอบให้กับยุคน้ำมันแพง เศรษฐกิจแย่แถมค่าครองชีพสูง ซึ่งล้วนแล้วมีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน คนที่รู้จักปรับตัวเท่านั้นจึงจะอยู่ได้ ส่วนคนที่ไม่รู้จักปรับตัวนั้นอยู่ได้ยากแน่!!

        อย่างพ่อค้าแม่ค้าก็ต้องปรับ ทั้งเรื่องราคาจะให้ขายในราคาเดิมเหมือนแต่ก่อนคงไม่ได้แล้ว ไม่งั้นอยู่ไม่ได้ ต้องเลิกค้าเลิกขายแน่ เพราะต้นทุนวัตถุดิบสูง ผักแพง หมูแพง อะไรๆ ก็แพงหมด... ฝ่ายผู้ซื้อก็ต้องปรับ ไม่ปรับเงินไม่ถึงสิ้นเดือนแน่ แต่ก่อนอาจใช้จ่ายตามใจปาก และตามใจอยาก อยากกิน อยากใช้อะไร ก็สรรซื้อสรรหากิน - ใช้หรูหรา แต่วันนี้ไม่ใช่วันวาน วันนี้ควรต้องใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ อันไหนลดได้ก็ควรลด อันไหนตัดได้ก็ควรตัด ประหยัดได้ต้องประหยัด หรือหันมาใช้วิธีพระท่านก็ได้ 

        วิธีของพระก็คือว่า... เวลาที่ท่านใช้สอยปัจจัยสี่ ก็จะพิจารณาและใช้สอยอย่างมีสติ ไม่ใช้เพื่อความเมามัน สนองกิเลสตัณหา เพื่อความอยาก หรือเพื่ออวดมั่งอวดมีแต่ประการใด... เวลาที่ใช้เครื่องนุ่งห่ม ซึ่งท่านก็ใช้เพียง 3 ผืน คือ จีวร (ผ้าห่ม, ผ้าคลุม) สังฆาฏิ (ปัจจุบันพระใช้เพียงพาดบ่า) สบง (ผ้านุ่ง) และมีสำรองอีกชุดหนึ่งเพื่อผลัดเปลี่ยน ไม่ได้มากมายอะไร 

        เวลาใช้สอยท่านก็พิจารณาใช้ตามที่จำเป็นและตามความเป็นจริงของร่างกาย ได้แก่ ใช้ปกปิดสรีระร่างกายเพื่อกันอุจาด ใช้เพื่อสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย ใช้เพื่อป้องกันอันตรายอันจะเกิดจากยุง มด และสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด ใช้เพื่อป้องกันลมและแดดเผา ไม่ได้ใช้สอยเพื่ออวดราคา ไม่ได้อวดความสวยงามของเนื้อผ้าและสีสัน เพราะผ้าที่ใช้ ก็สีพื้นๆ ไม่ฉูดฉาด

        "บิณฑบาต" ฉันเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไป เพื่อระงับความหิว เพื่อช่วยในการประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ฉันเพื่อประดับตกแต่ง ไม่ได้ฉันเพื่อมัวเมา ไม่ได้ฉันเพื่อเล่น ไม่ได้ฉันเพื่อเปล่งปลั่ง แต่เพื่อความดำรงอยู่ได้แห่งกายเท่านั้น 

        "เสนาสนะ" ที่อยู่อาศัย ก็ใช้เพื่อป้องกันลม แดด ฝน และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่อาจมาทำอันตราย ใช้เพื่อประโยชน์ในการพักผ่อน การปฏิบัติธรรม ไม่ได้เน้นอยู่ ณ ที่หรูหรา ราคาแพง หรือใหญ่โตอลังการ

        จะเห็นว่า การใช้สอยและความเป็นอยู่ของพระส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนี้ คือ ใช้อย่างมีสติ และพิจารณาถึงความจำเป็นเป็นหลัก ไม่เน้นหรู ไม่เน้นราคา แต่เน้นความอยู่ได้โดยที่ไม่เป็นการทำตนให้ลำบากและไปเบียดเบียนคนอื่น คนเราก็น่าจะลองใช้วิธีของพระท่านดู... เสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีอยู่แล้ว ถ้าเพียงพอแก่ความจำเป็นและการใช้สอย ก็ไม่ต้องซื้อหามาให้สิ้นเปลือง หรือถ้าไม่มี อยากจะซื้อใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อหรูหราราคาแพง... อาหาร ก็ต้องรู้จักประมาณในการบริโภค รับประทานแต่พอดี ไม่ฟุ่มเฟือย แต่เพียงพอแก่ร่างกาย 

        ยิ่งน้ำมันแพง ประกอบกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่มีรถยนต์หนาแน่น สายๆ ก็รถติด ถ้าผู้ที่ขับรถยนต์ไปทำงานไม่ปรับตัวหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร อาจต้องลำบากยิ่งขึ้น ถ้าขับรถไปทำงานสายรถก็ติด น้ำมันก็สิ้นเปลืองเปล่า ฉะนั้น ควรเปลี่ยนใหม่ เมื่อก่อนเคยออกสายก็เปลี่ยนมาออกแต่เช้า จะได้ไม่ต้องเจอปัญหารถติด หรือไม่บางวันก็เปลี่ยนไปใช้บริการของรถเมล์ รถไฟฟ้าใต้ดิน เรือด่วน หรือเรือที่วิ่งบริการตามคลองต่างๆ แทน เพื่อลดรายจ่ายน้ำมัน

        ก่อนเคยนั่งแต่แท็กซี่ไปทำงาน ไม่เคยนั่งรถเมล์ ก็ควรจะเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ หรือบริการอื่นดูบ้าง หรือแต่ก่อนเคยเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนประจำก็ควรลดการเที่ยวลง แต่ก่อน... วันหยุดทีไร ช็อปปิ้งทุกที ช็อปเป็นว่าเล่น ลองมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนเจ้าตูบสักวัน... มันคงดีใจ

        ภาวะอย่างนี้ควรท่องคาถา "ประหยัด" เข้าไว้ อะไรประหยัดได้ก็ควรประหยัด ประหยัดมากก็เหลือมาก ประหยัดน้อยก็เหลือน้อย คนที่ไม่ประหยัด... ไม่เหลือเลย



ข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประหยัด.. ประหยัด.. ประหยัด!! คาถาสำหรับคนยุคนี้ อัปเดตล่าสุด 18 มิถุนายน 2551 เวลา 16:53:21 30,276 อ่าน
TOP