วันนี้ (18 มิถุนายน) ผศ.เฉลิม มัติโก อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) กรุงเทพ กล่าวว่า ได้โทรศัพท์ไปหา รศ.ดร.นำยุทธ์ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดี มทร. ธัญบุรี และผศ.ดร.สมชัย หิรัญวโรดม คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ของมทร.ธัญบุรี เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการรับนายสุรเดช เข้าศึกษาต่อในมทร.ธัญบุรี ซึ่งทั้งสองท่าก็ยินดีที่จะรับนายสุรเดชเข้าศึกษาต่อ ในภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์เรียบร้อยแล้ว และขอให้อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มทร.กรุงเทพ แจ้งให้นายสุรเดช ทราบแล้วว่ามทร.ธัญบุรีรับปากที่จะรับเข้าศึกษาแล้ว
"วันที่ 19 มิถุนายนนี้ขอให้นายสุรเดชไปรายงานตัวได้เลย เพราะเป็นวันที่คณะวิศวกรรมศาสตร์จะมีพิธีไหว้ครูของคณะอยู่แล้ว ดังนั้นนายสุรเดชจะได้ไปแนะนำตัวให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก และการไปครั้งนี้มอบหมายให้อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์อุตสาหการ มทร.กรุงเทพไปด้วย เพื่อไปช่วยดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากไม่รู้ว่านักศึกษามทร.ธัญบุรีจะรู้สึกอย่างไรกับนายสุรเดชบ้าง เพราะบางคนอาจจะมองว่านายสุรเดชไปทำให้รุ่นพี่ต้องถูกพักการเรียนก็ได้" ผศ.เฉลิม กล่าว
ผศ.เฉลิม กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทราบว่ารุ่นพี่ทุกคน รวมทั้งอาจารย์ในสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ เสียใจ และได้รับรายงานว่ารุ่นพี่และอาจารย์ของคณะได้ไปขอขมาผู้ปกครองและนายสุรเดชแล้ว ทั้งนี้ ส่วนการลงโทษรุ่นพี่ที่กระทำผิดนั้นในส่วนของรุ่นพี่ 3 คน ที่ไปมอบตัวกับทางตำรวจจะได้รับโทษโดยการพักการเรียน 1 ปี ขณะที่รุ่นพี่ที่เหลือซึ่งก็ยอมรับว่าผิด ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะต้องเอาผิดกับนักศึกษาทุกคนด้วย และขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยกำลังดูว่าจะแยกระดับความผิดของรุ่นพี่แต่ละคนอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ลงโทษตามความผิดต่อไป
ด้านรศ.ดร.นำยุทธ กล่าวว่า ผศ.เฉลิม ได้โทรศัพท์มาหาตนเองและคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อขอให้รับนายสุรเดช เข้าศึกษาต่อที่มทร.ธัญบุรี ซึ่งยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพราะอยู่เครือข่ายเดียวกัน ดังนั้นมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน อย่างไรก็ตาม การที่นักศึกษาจะย้ายที่เรียนข้ามสถาบันนั้นจะมีข้อติดขัดบ้าง เนื่องจากขณะนี้มทร.แต่ละแห่งจะมีกฎหมายเป็นของตนเอง ทำให้ไม่สามารถที่จะโอนนักศึกษาข้ามสถาบันได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้น ต้องขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ซึ่งเป็นต้นสังกัดของมทร. ช่วยรับรองการย้ายในครั้งนี้ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามนายสุรเดช สามารถมาเรียนที่มทร.ธัญบุรีได้เลย โดยไม่ต้องรอเอกสารใดๆ
ด้าน นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่างถึงบทลงโทษรุ่นพี่ มทร.กรุงเทพ ที่รับน้องโหดจนได้รับบาดเจ็บว่า การลงโทษโดยพักการเรียน 1 ปี ก็ถือว่าหนักพอควรแล้ว เพราะเด็กต้องเสียโอกาสเรียน โอกาสเข้าสู่การทำงานอีก 1 ปี ในระหว่างนี้ ควรให้รุ่นพี่เหล่านี้บำเพ็ญประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมรับน้อง โดยให้เป็นวิทยากรเดินสายไปพูดเรื่องผลกระทบจากการรับน้องโหด ที่ส่งผลต่ออนาคตของตนเอง รุ่นน้อง เพื่อให้เพื่อนๆ นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ รู้ถึงผลที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับเรื่องที่นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ ระบุว่าต้องการลงโทษรุ่นพี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้น เป็นการให้ความรุนแรงเข้าจัดการ ซึ่งคนเป็นรัฐมนตรีจะพูดเพื่อความสะใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูข้อเท็จจริงด้วย เพราะตอนนี้ความรุนแรงในสังคมไทยก็มากพอแล้ว และการที่กดหรือห้ามการรับน้องมากๆ พวกรุ่นพี่ก็จะแอบไปรับน้องลับหลัง หรือ นอกสถานที่ กิจกรรมรับน้องก็จะลงใต้ดิน อาจารย์ก็คงดูแลไม่ทั่วถึงแน่นอน มาตรการต่างๆ จึงควรมีและใช้แต่พอดีๆ ให้เด็กๆ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย
ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 กำหนดบทลงโทษนักเรียน นักศึกษา ที่กระทำผิดไว้ 4 สถาน ดังนี้ คือ 1.ว่ากล่าวตักเตือน 2.ทำทัณฑ์บน 3.ตัดคะแนนความประพฤติ และ 4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งนี้ ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยความรุนแรง ลงโทษด้วยความโกรธ กลั่นแกล้ง การลงโทษต้องเป็นไปเพื่อแก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียน นักศึกษา เพื่อให้รู้สึกและกลับตัว
"ในระเบียบ ศธ. ฉบับนี้ไม่มีบทลงโทษโดยการไล่ออกจากสถานศึกษา อย่างไรก็ตาม ระเบียบดังกล่าวใช้บังคับกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมาเท่านั้น เพราะออกตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะฉะนั้นกรณีของ มทร. นั้น จะต้องใช้ระเบียบหรือกฎของมหาวิทยาลัย มาพิจารณาลงโทษนักศึกษาที่ก่อเหตุแทน แต่จริงๆ แล้ว การทำร้ายร่างกายถือเป็นคดีอาญาอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้าผู้กระทำผิดอายุเกิน 18 ปี ต้องถูกดำเนินคดีตามปกติ" ปลัดศธ. กล่าว
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
