วันนี้ (19 มิ.ย.) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะเดินทางไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (20 มิ.ย.) ว่า เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะหลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้ากัน เรื่องนี้นักลงทุนต่างชาติกังวลมาก เห็นได้จากการที่เทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และการโยกย้ายเงินลงทุนออกนอกประเทศไทย ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง รวมทั้งมีการชะลอการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต่างชาติกำลังจับตามองและเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์
"โดยเฉพาะหากเกิดการปะทะกันก็ยิ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอยู่ ประชาชนก็จะยิ่งขาดความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ของประเทศไทยก็จะแย่ลง เพราะเท่ากับว่าประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงนอกรัฐสภาได้ตลอดเวลา แม้ว่าจะใช้เวลากว่า 2 ปี ในการดึงการเมืองกลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตย" นายธนวรรธน์ กล่าว
ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การที่รัฐบาลถูกฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องการยุบสภา หากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงจะกระทบต่อนโยบายบริหารเศรษฐกิจแน่นอนโดยเฉพาะการเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกต์ ต้องชะลออกไป ซึ่งโครงการนี้มีความสำคัญมากในการกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจ รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลก็จะล่าช้าไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังไม่มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ร้อยละ 5 โดยยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ คือราคาน้ำมัน ซึ่งหากราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 120 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล อัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 5 ยังเป็นไปได้ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นต้น
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
