วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวระบุเหตุที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หลุดข้อกล่าวหาคดีทุจริตการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. เพราะแลกกับการโยกย้ายตำแหน่งนายพิเศษ ยิ้มแย้ม บุตรชายนายของตน ที่เป็นข้าราชการในสังกัด กทม.
โดยนายนาม ยืนยันว่า การโยกย้ายบุตรชายของตน ไม่ได้เป็นผลทำให้นายอภิรักษ์ หลุดข้อกล่าวหา หรือต้องการปูทางให้ใครได้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ จะยึดถือเอกสารหลักฐานเป็นสำคัญ เราทำรอบคอบ ไม่ใช่สุกเอาเผากิน และที่สำคัญตนไม่ได้ลงมติคนเดียว แต่ที่ประชุมมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้นายอภิรักษ์ หลุดข้อกล่าวหา เพราะเห็นว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเปิดเแอลซี เป็นการดำเนินการหลังจากที่สัญญาซื้อขายรถดับเพลิงมีผลบังคับใช้ไปแล้ว และช่วงก่อนเปิดแอลซี นายอภิรักษ์ก็เสนอให้ทบทวนหลายครั้ง แต่ที่ต้องดำเนินการเปิด ก็เพราะถูกกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดมา
ประธาน คตส. กล่าวว่า ที่ประชุมยังลงมติเอกฉันท์ให้นายสมศักดิ์ คุณเงิน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลุดข้อกล่าวหา เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ แม้นายสมศักดิ์จะเป็นผู้ส่งหนังสือเร่งรัดให้ กทม.เปิดแอลซี เป็นการทำตามคำสั่งของรัฐมนตรีมหาดไทย เป็นแค่การทำหน้าที่ฝ่ายธุรการ ในการทำเรื่องประสานไปเท่านั้น ไม่มีบทบาทมาก
"ลูกชายผมเรียนจบปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ ได้สอบเข้าทำงานในสังกัด กทม. จากนั้นไปศึกษาต่อจนจบการศึกษาปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ ก่อนขอย้ายตำแหน่งไปอยู่ที่ฝ่ายเทศกิจของ กทม. ย้ายมาเป็นปีแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าช่วงไหน น่าจะเป็นช่วงก่อนที่ผมจะเข้ามาเป็น คตส. ส่วนตัวเห็นว่าเป็นตำแหน่งปกติ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตำแหน่งใหม่มีค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าตอบแทนมาก ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติ" นายนาม กล่าว
ส่วนกรณีที่คุณหญิงณัษฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม. จะสอบถามข้อเท็จจริงของคดีนั้น นายนาม กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบว่าคุณหญิงจะเดินทางมาหรือไม่ อย่างไร เพราะไม่ได้รับการประสานมา และไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาว่างพอให้พบหรือไม่ ที่ผ่านมาคุณหญิงณัษฐนนท เคยติดต่อขอเข้าพบตนเพื่อชี้แจงข้อมูลแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็เข้ามาคุยที่ห้องทำงานของตน แต่การเข้าพบก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ใครชนะหรือแพ้คดี เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานและเอกสารทุกอย่างว่าเป็นอย่างไร มีข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน คุณหญิงณัษฐนนท เดินทางเข้าพบนายนาม ที่ห้องทำงาน โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่ได้พบนายนาม แต่ได้ฝากเอกสารเกี่ยวกับการย้ายนายพิเศษ ไปให้นายนาม ในการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. ตนในฐานะปลัด กทม.ไม่มีอำนาจในเรื่องนี้เลย บางครั้งมีการส่งเรื่องจากสำนักผู้ว่าฯ กทม. โดยไม่ผ่านมายังปลัด กทม. และเมื่อนายอภิรักษ์เข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ตนได้ทักท้วงเรื่องการเปิดแอลซีไปแล้ว
ด้านนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส. และอนุกรรมการไต่สวนคดีรถดับเพลิง กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงณัษฐนนท รู้สึกว่าการตัดสินของ คตส.ไม่ยุติธรรม ว่า คตส.พิจารณาตามข้อเท็จจริง ผู้ถูกกล่าวหาอาจจะพูดตามความรู้สึก แต่อนุกรรมการฯ ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน จะผิดจากข้อเท็จจริงไม่ได้ หากมติชี้มูลความผิดออกมาไม่ถูกใจ ก็คงต้องขออภัยสังคม และการที่คุณหญิงณัษฐนนท อ้างว่าตนเองผิดหรือไม่ผิดนั้น ก็ต้องถามกลับว่า คำว่าแฟร์หรือไม่แฟร์อยู่ตรงไหน เพราะคดีนี้มี 2 ภาค จะผิดที่ภาคไหน ซึ่งเขาอาจจะไม่ทราบก็ได้
ส่วนที่มีการนำเรื่องนายพิเศษ ยิ้มแย้ม บุตรชายนายนาม เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น นายบรรเจิด กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายนามจะต้องชี้แจงที่มาที่ไปว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร เนื่องจากคดีนี้มีแรงเสียดทานทางการเมืองสูง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สรุปคดีรถดับเพลิงแล้ว ต้องดูว่า คตส.ชุดใหญ่ จะหยิบยกเรื่องบุตรชายนายนาม มาหารือกันหรือไม่
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
