x close

บี้ สุกฤษฎิ์ กับ จังหวะหัวใจ สไตล์ บี้


บี้ สุกฤษฎิ์ บี้ เดอะสตาร์


จังหวะหัวใจสไตล์ "บี้ สุกฤษฎิ์" หน้าตาดีแต่ไม่เข้าใจ ก็ไม่ใช่สเปกผม

          ต้องบอกว่าได้เสียงตอบรับล้นหลามเลยทีเดียว สำหรับคอนเสิร์ต "Love Attack" ของ "บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว" เรียกว่าชั่วโมงนี้ความฮอต ความร้อนแรงของเขา กำลังทะยานขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงย่อมมาพร้อมกับข่าวค (ร) าวเป็นธรรมดา จึงหนีไม่พ้นที่เขา จะต้องเจอมรสุมข่าวเม้าท์ ข่าวลือแบบไม่มีหยุดเช่นกัน

          เวลาอันน้อยนิดที่หนุ่มบี้พอจะว่าง "คม ชัด ลึก" เลยต้องหาจังหวะพูดคุยกับเขาสักหน่อย นอกจากจะถามไถ่ถึงชีวิตการงานแล้ว ยังเปิดใจสาวในสเปกของ "บี้-สุกฤษฎิ์" อีกด้วย จะต้องสวย รวย เก่ง หรืออย่างไรนั้นติดตามกันได้เลย

ฮอตจนฉุดไม่อยู่

กระแสตอบรับจากคอนเสิร์ตที่ผ่านมาหายเหนื่อยเลยไหม

          บี้ : กระแสดีมาก ทั้งที่เป็นแฟนๆ ทั้งที่ไม่ใช่แฟนๆ โดนเพื่อนบังคับมาดู (หัวเราะ) ก็บอกว่าชอบ คืนนั้นพอผมกลับไปบ้านก็นอนไม่หลับ ปลื้ม คิดถึงคอนเสิร์ตที่ผ่านมา เช็กกระแสทางอินเทอร์เน็ต กดไปดูรูปตัวเอง เพราะครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของผม พอผ่านไปก็หายเหนื่อยมาก ได้ผ่อนคลาย เพราะเราซ้อมมาประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ซ้อมหนักมาก ร้อง เต้น เล่นสลิง มีฉาก แสง สี เสียง เตรียมทุกอย่างเต็มที่ มีละครไว้ในคอนเสิร์ตด้วย หนักทุกอย่าง แต่พอกระแสตอบรับดีขนาดนี้ ต้องบอกว่าหายเหนื่อยมากๆ

นอกจากความสามารถแล้วบี้เชื่อเรื่องดวงด้วยไหม

          บี้ : ผมเชื่อนะ ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อ และมีพวกเพื่อนๆ ชอบไปนั่งสมาธิ ชอบทำบุญ เขาก็มาเตือนว่าให้บี้ทำบุญเยอะๆ นะ เป็นการต่อบุญ เขาบอกว่าตอนนี้บี้ใช้บุญของชาติที่แล้วอยู่ ชาตินี้ผมก็ทำงานไม่ค่อยได้ทำบุญ บุญบี้จะเริ่มหมดไปเรื่อยๆ ก็จะเชื่อเรื่องนี้ ก็ถ้าเกิดว่างเมื่อไรก็ทำบุญ

มองว่าเร็วเกินไปไหมกับชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จที่ได้มา

          บี้ : จริงๆ ผมก็ทำงานไปเรื่อยๆ นะ มีโปรเจกท์มาก็ทำ ทำไปทีละอย่าง ทำเพลงก่อน เพลงเสร็จก็มาละคร จากนั้นก็ละครเวที เราก็ทำงานเหมือนคนอื่นๆ ทำงานไปเรื่อยๆ เพียงแต่ว่ากระแสตอบรับเราได้รับดีเกินคาดเท่านั้นเอง ชีวิตการงานของผมก็ทำไปตามสเต็ปเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป และผมเป็นคนหนึ่งที่ทำหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้ ทำตรงนี้เสร็จก็เก็บเอาไว้ เพียงแต่เวลามันออกมาจะออกใกล้ๆ กันเท่านั้นเอง ไม่ได้เร็วเกินไป

ถ้าให้ประเมินพัฒนาการเนื้องานของตัวเองจากวันแรกจนถึงวันนี้บี้มองว่าตัวเองเป็นอย่างไร

          บี้ : เรื่องการพัฒนาตัวเองก็มีอยู่เรื่อยๆ พี่ๆ รุ่นใหญ่หลายคนยังมาสอนผม ว่าแม้เขาเล่นละครเก่งแล้ว ร้องเพลงเก่งแล้วเขาก็ยังต้องเรียนเพิ่มเติม เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นเรื่องของเสน่ห์ ความสามารถ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่สามารถและพัฒนาได้เรื่อยๆ

ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลยสิ

          บี้ : จริงๆ ผมก็เป็น บี้ เดอะสตาร์ นั่นแหละ ถ้าเกิดจะเปลี่ยนเยอะก็คือ "บี้-สุกฤษฎิ์" เป็น "บี้ เดอะสตาร์"

งานรุมเร้าขนาดนี้มีเวลาดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า

          บี้ : ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลเท่าไร ปกติก็ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองอยู่แล้ว ไม่ค่อยได้ทาครีม เพราะขี้เกียจ แต่อาบน้ำ อาบนะ (ยิ้ม) ส่วนกับครอบครัวไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร นอกจากพ่อกับแม่จะแวะมาหาที่กรุงเทพฯ ส่วนเรื่องจะกลับไปเชียงใหม่ไม่มีเวลาเลย

มีรางวัลให้ตัวเองบ้างไหมเนี่ย

          บี้ : รางวัลของผมน่าจะเป็นเรื่องของการพักผ่อนมากกว่า วันไหนที่ว่างก็จะชวนเพื่อนไปเที่ยวกัน ผมถือว่าตรงนี้เป็นการให้รางวัลแก่ตัวเอง เพราะผมไม่ชอบช็อปปิ้งอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ถ้าว่างหนึ่งวันเต็มๆ ไม่มีเลย นอกจากจะว่างเช้า ทำงานบ่าย จะว่างเป็นช่วงเวลามากกว่า

เวลาที่ต้องโหมงานหนักมีอารมณ์เบื่อ ท้อ หรืออยากจะเกเรบ้างหรือเปล่า

          บี้ : เกเรเหรอครับ มีคนบอกผมว่าถ้าเราทำงานเยอะแล้วเราเหนื่อย เราจะทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเราออกมา เพราะฉะนั้นเวลาเหนื่อยแล้วเราต้องไปพบปะผู้คนหรือว่าไปเจอนักข่าว หน้าเราจะเหนื่อย ถามอะไรไม่อยากตอบ ปกติไม่ใช่นิสัยส่วนตัว มันจะเป็นนิสัยของคนที่กำลังเหนื่อย มีคนบอกผมมาแบบนี้ซึ่งมันก็จริง เพราะฉะนั้นเวลาเหนื่อยต้องฝืนตัวเองนิดหนึ่ง ถ้าเกิดเราเหนื่อยก็ต้องฮึดว่ามันคืองาน แต่ด้วยงานของผม ไม่ว่าจะร้องเพลง หรือเล่นละคร มันเป็นงานที่ผมชอบ เพราะฉะนั้นคำว่าเหนื่อยจะหายากนิดหนึ่ง

ผลงานที่ต่อเนื่อง

กับโปรเจกท์ละครเวที "ข้างหลังภาพ" ตอนนี้เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว

          บี้ : ตอนนี้ก็เตรียมตัวไปเยอะเหมือนกัน เริ่มซ้อมได้หลายฉากแล้ว เพราะหลังจบคอนเสิร์ตมีเวลาซ้อมเยอะขึ้น ช่วงก่อนที่ซ้อมคอนเสิร์ตแล้วมีคิว ข้างหลังภาพ เข้ามาให้ผมดูบท ผมดูไปแล้วก็มึน บอกพี่เขาว่าผมทำไม่ได้จริงๆ เพราะในหัวสมองมันมีแต่คอนเสิร์ต แต่พอตอนนี้ก็มีเวลาให้แก่ละครเวทีเต็มที่แล้ว

แบกรับความกดดันอะไรบ้างไหมเพราะ ข้างหลังภาพ เป็นละครเวทีฟอร์มใหญ่มาก

          บี้ : ความกดดันไม่มีนะ อยู่ที่ว่าเราจะทำได้หรือเปล่า แต่ความกดดันเรื่องกระแสอะไรต่างๆ ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจ ผมถือว่าเราทำงานก็คืองานของผม กระแสที่จะพามากดดันไม่ว่าจะเปรียบเทียบ หรือกระแสที่ไม่ดีผมจะไม่ค่อยเก็บมาคิดหรือใส่ใจ แต่ถ้ากระแสดีๆ จะเก็บมาเป็นกำลังใจ เราทำงานก็มุ่งมั่นกับงาน ผมจะไม่ค่อยอ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนมากจะมีคนมาเล่าให้ฟัง ซึ่งเรื่องไม่ดีคนก็ไม่ค่อยเล่าอยู่แล้ว จะเล่าให้ผมฟังแต่เรื่องดีๆ

ต้องทำการบ้านหนักแค่ไหนเพราะบางกระแสยังมองว่าตัวบี้เองประสบการณ์ด้านการแสดงก็ยังมีไม่มากพอ

          บี้ : ก็ต้องทำการบ้านหนักเลย โดยเฉพาะเรื่องการร้อง เพราะคนรอบตัวผมเขาร้องเก่งกันหมดเลย ผมเพิ่งเข้าวงการ ยังร้องไม่แข็งแรงขนาดนั้น ก็ต้องฝึกร้องเพิ่มเติม เรื่องของการแสดงคนรอบตัวก็เก่งอีก ก็ต้องฝึกอีกเพื่อให้ทัดเทียมและพอที่จะไล่ทันคนอื่นๆ ที่สำคัญเรื่องของสมาธิ คือคนอื่นๆ เขาผ่านชีวิตกันมาเยอะแล้วจะมีความนิ่งกว่า ส่วนตัวผมยังเป็นวัยรุ่นก็ต้องฝึกตัวเองให้นิ่งที่สุด

มรสุมข่าวไม่หยุดยั้ง

ที่ผ่านมาเจอข่าวเยอะมากได้กำลังใจจากไหนที่ทำให้ผ่านเรื่องพวกนี้มาได้

          บี้ : จริงๆ ตัวผมเป็นคนไม่ค่อยซีเรียสจากข่าวอยู่แล้ว เลยไม่ต้องหากำลังใจ อ่านไปสนุกๆ มากกว่า แต่คนรอบข้างผม ครอบครัว แฟนคลับ เขาจะซีเรียสมากกว่า

เซ็งข่าวไหนที่สุดไหม

          บี้ : อย่างที่บอกว่าเป็นคนไม่ค่อยได้ซีเรียสเลยไม่ค่อยเซ็ง แต่จะเซ็งเวลาที่ถูกถามซ้ำ อ้าว...ก็ตอบไปแล้ว คิดในใจว่าทำไมต้องถามซ้ำด้วยน้อ...แต่คำตอบที่ให้ไปก็เป็นคำตอบเดิมๆ พี่ๆ คงเซ็งผมมากกว่า (หัวเราะ)

ข่าวหนึ่งที่มีให้เห็นตลอดก็คือข่าวลูกรักของพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) โดยเฉพาะการที่บี้ได้เล่นละครเวทีฟอร์มใหญ่ ข้างหลังภาพ ยิ่งเหมือนตอกย้ำกระแสนี้เป็นพิเศษ กลัวไหมว่าศิลปินในสังกัดจะมองเราอย่างไร

          บี้ : ก็ไม่ได้กลัวนะ เพราะผมจะอัธยาศัยดีกับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนในเอ็กแซ็กท์อยู่แล้ว ทุกคนก็จะมาให้กำลังใจ ถามว่าทำงานเป็นยังไง ไม่มีใครมาหมั่นไส้หรืออะไร ผมเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครคิดแบบนั้นแน่

แล้วคุณบอยดูแลบี้อย่างไรบ้าง

          บี้ : ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวเขาก็ดูแลบ้าง จะกิน จะอยู่ยังไง เขาก็ดูแลผมเหมือนนักแสดงทุกคน หรือว่าเรื่องงานเขาก็คอยช่วยดูด้วย แต่เรื่องข่าวไม่ได้ดุ หรือติอะไร ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมาเวที เดอะสตาร์ พี่บอยก็จะสอนผมและทุกคน เริ่มตั้งแต่การวางตัว ทีมเวิร์กสำคัญนะ เข้าวงการมาแล้วอย่าเหลิงนะ ให้ตั้งใจทำงาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด นี่คือหลักๆ ที่พี่เขาสอนมา

พูดถึงคำว่า "เหลิง" ที่ผ่านมามีสักแวบไหมที่รู้สึกแบบนั้น

          บี้ : การที่ผมเข้าวงการมา ผมรู้สึกว่าเป็นอาชีพเสริม ฉะนั้นเลยไม่ได้คิดว่าจะยึดเป็นอาชีพหลัก ผมชอบดูวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนติดทีวี เห็นศิลปินดาราคนนี้เข้ามาวงการ 2-3 ปีก็หาย บางคนดังมากก็ยังหาย ผมก็เลยคิดว่าถ้าเราทำงานตรงนี้ไม่ควรยึดติด ทำงานเหมือนเราเป็นฟรีแลนซ์ดีกว่า คือทำงานโปรเจกท์นี้จบ ก็คอยดูว่าจะมีโปรเจกท์หน้าอีกหรือเปล่า อันต่อไปทำแล้วพัง จะมีเงาหัวในการเล่นเรื่องต่อไปหรือเปล่า (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเรื่องความคิด เรื่องเหลิงผมไม่ได้คิด ผมเองก็ไม่รู้เบื้องหลังเหมือนกันว่าทำไมดาราคนนั้นๆ เขาถึงหายไป ก็ไม่รู้ว่าเราจะหายไปเมื่อไร

เตรียมใจรับกับการเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า

          บี้ : ไม่ได้เตรียมใจนะ ผมชอบอยู่กับปัจจุบัน นักแสดงเวลาที่ถูกสอนจะได้รับการสอนให้อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งความเป็นวิศวกรจะถูกสอนให้อยู่กับอดีตและอนาคต เช่นเครื่องยนต์กลไก ถ้าเกิดทำแบบนี้ แล้วต่อไปถ้าเจอสิ่งของแบบนี้แล้วจะยังไงไหม แต่พออยู่วงการนี้เขาบอกไม่ต้องคิดถึงอนาคต ให้อยู่กับปัจจุบันที่สุด เพราะฉะนั้นผมจึงปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เพื่อให้เข้ากับงานที่ทำอยู่

วางแผนกับชีวิตในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง

          บี้ : จะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหว หรือจนกว่าเราจะทำอะไรไม่ได้ ด้วยอายุหรืออะไรก็ตามแต่ คือทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหวจริงๆ

สเปกสาวในใจ "บี้"

เวลาดูแลตัวเองน้อยนิดแบบนี้แล้วเวลาดูแลเรื่องหัวใจล่ะ

          บี้ : โอ้โห...เวลาดูแลเรื่องหัวใจยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่ ตัวเองยังไม่ได้ดูแล จะไปดูแลคนอื่นได้ยังไง

มีสาวๆ เข้ามาหาบ้างไหมเนี่ย

          บี้ : สาวๆ ก็มี เวลาไปงานก็จะมีเข้ามาทักทาย บางทีก็มีบุกโจมตีขอเบอร์ ถ้าเจอแบบนี้ผมก็จะยิ้มๆ คุยกับเขาดีๆ คือเราจะรู้ว่าคนไหนเขาเข้ามาลักษณะยังไง แต่ผมก็จะคุยกับทุกคนสบายๆ

ด้วยความเป็น บี้ ทำให้เราดูคนยากกว่าเดิมหรือเปล่า

          บี้ : ยากขึ้น คือโดยปกติผมเป็นคนชอบสังเกตคนอยู่แล้ว แต่เมื่อก่อนจะสังเกตในฐานะบุคคลปกติ แต่พอเป็นดาราก็จะสังเกตอีกแบบ ทำให้ดูยากขึ้นเหมือนกัน ถามว่าระวังตัวเป็นพิเศษหรือเปล่า ก็ไม่ขนาดนั้น ผมก็สบายๆ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดา

ตอนนี้ยังไม่พร้อมมีใคร

          บี้ : พร้อมครับ (ยิ้ม) ผู้ชายทุกคนก็ต้องพร้อมที่จะมีคนดูแลอยู่แล้วแหละ เพียงแต่บางครั้งเราไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย ก็ไม่รู้จะดูแลคนอื่นได้ยังไง แต่ถ้ามีคนเข้ามาคอยเป็นกำลังใจ มาคอยดูแลเราแทนก็โอเคนะ ที่เราไม่ต้องดูแลเขา อาจจะเห็นแก่ตัวก็นิดหนึ่ง (ยิ้ม) แต่อาชีพศิลปินเราต้องการคนดูแล ถ้าเกิดเรามีแฟนแล้วต้องไปดูแล ซึ่งจะเป็นเรื่องลำบาก

จะมีแฟนสักคนเรื่องมากไหม

          บี้ : ไม่เรื่องมากครับ เพียงแค่แฟนต้องเข้าใจการทำงานของเรา เพราะผู้หญิงต้องการเวลา ผมรู้สึกแบบนั้น ซึ่งเราทำงานตรงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้ ก็จะเกิดความไม่เข้าใจกัน และเลิกราในที่สุด เพราะคนที่จะเข้ามาในชีวิตต้องเข้าใจในส่วนนี้ ถ้าจะมีแฟนจริงๆ คงต้องเป็นคนนอกวงการ เพราะเขาก็มีเวลาของเขา แต่งานเขาจะไม่ยุ่งเท่ากับงานในวงการ

มองไกลไปถึงเรื่องของชีวิตคู่เลยหรือเปล่า

          บี้ : ไม่เลย ผมอาจจะคิดสั้นๆ จริงๆ อาจเป็นสิ่งที่ผิด เราน่าจะวางแผนบ้าง แต่อาจจะไม่มีเวลามานั่งวางแผนชีวิต คือถ้าว่างก็จะเล่นเกม ผมไม่ค่อยจะคิดเรื่องปรัชญา ว่างปุ๊บหยิบเกม หยิบเพลงมาฟัง

สเปกของบี้ต้องเป็นแบบไหน

          บี้ : จริงๆ ถ้าพูดว่าต้องนิสัยดีอย่างเดียวอาจจะเหมือนว่าผมโกหกนะ ซึ่งก็จริงผมโกหก (หัวเราะ) มันก็ต้องมีบ้างผู้ชายอยากได้แฟนหน้าตาดีนิดหนึ่ง เพื่อเวลาอยู่ด้วยกันแล้วเราก็จะมีความสุข แฟนเราน่ารัก แฟนเราสวย ไม่อายใคร ถ้าได้แบบนั้นก็จะดีมาก แต่หลักๆ เลยก็คือนิสัย คือถ้าหน้าตาดีแต่ไม่เข้าใจเรา สวยแต่ไม่เข้าใจเรา นิสัยไม่ดีก็ไม่ใช่อีก

          ว้าว...หัวใจยังว่างแบบนี้ สาวๆ ได้ยินเข้าคงดีใจกันถ้วนหน้า


ข้อมูลและภาพประกอบจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บี้ สุกฤษฎิ์ กับ จังหวะหัวใจ สไตล์ บี้ โพสต์เมื่อ 21 มิถุนายน 2551 เวลา 11:02:03 26,591 อ่าน
TOP