วานนี้ (30 มิถุนายน) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่าข้อมูลการอภิปรายไม้ไว้วางใจของฝ่ายค้านบางเบาว่า คิดว่าพรรคพลังประชาชนสมควรจะฟังเสียงประชาชนมากกว่าเสียงภายในพรรคพลังประชาชน เพราะภายในพรรคไม่มีเอกภาพและต้องคอยฟังแต่เสียงเจ้าของพรรคตัวจริงอย่างเดียว
"จากผลสำรวจของโพลสำนักต่างๆ จะเห็นว่าประชาชนค่อนข้างพึงพอใจกับการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ดังนั้นข้อกล่าวหาเรื่องข้อมูลบางเบาจึงไม่เป็นความจริง นอกจากนี้การอภิปราย 3 วันที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคมีข้อมูลเพียงพอที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ จนนำมาซึ่งกระแสข่าวการปรับ ครม. โดยล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนว่าสาระแนเรื่องข่าวปรับ ครม. รวมทั้งเยาะเย้ยว่าระวังจะหน้าแตก คิดว่านายกฯ ควรจะรับฟังสื่อ เพราะสื่อเป็นเหมือนกระจกเงาสะท้อนเสียงจากประชาชน และสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน" นายองอาจ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวเรื่องการปรับ ครม. ว่าไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำให้ใครหน้าแตก ดังนั้นนายกฯ อย่ามัวคำนึงถึงแต่เรื่องหน้าตาของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้คำนึงถึงหน้าตาของประเทศชาติ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความเป็นจริงในเรื่องการปรับ ครม.
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในระหว่างการไปร่วมงานแต่งงานของบุตรสาว พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ไม่มีการพูดคุยเรื่องการปรับ ครม. หรือเรื่องการเมือง และไม่ได้มีการขอคำแนะนำและคำปรึกษาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะต่างก็ไปงานแต่งงานหลาน ส่วนการที่พรรคฝ่ายค้านแนะนำให้ปรับ ครม. นั้นรัฐบาลไม่จำเป็นที่จะต้องฟังคำแนะนำของฝ่ายค้าน ไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกเชื่อฝ่ายค้าน แต่กรณีข่าวพรรคร่วมรัฐบาลจะรวมตัวกันเพื่อที่จะกดดันพรรคพลังประชาชนให้ปรับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นเชื่อว่าไม่มี เป็นเพียงข่าวลือ อย่าไปฟัง โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคชาติไทยเป็นคนดีที่เข้าใจการเมือง และ 5 พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีใครมากดดัน แต่ที่มีข่าวออกมาเป็นเรื่องธรรมดา เพราะใครๆ ก็สามารถที่จะปล่อยข่าวได้ทั้งนั้น อย่างไรก็ตามการปรับ ครม. นั้นมี 2 ส่วน คือ นายกฯ ปรับเอง และพรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนตัวผู้มาดำรงตำแหน่ง
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
