สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกหลังจากมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถรับจ้างบรรทุกคนไม่เกิน 7 คน หรือรถแท็กซี่ ในกรุงเทพฯ ซึ่งประกาศดังกล่าวได้กำหนดให้รถแท็กซี่มิเตอร์สามารถปรับค่าโดยสารได้ตามประกาศของกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมเป็นต้นไป โดยให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ต้องนำรถไปปรับจูนมิเตอร์ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนมาจัดเก็บอัตราค่าโดยสาร โดยผู้ขับรถแท็กซี่ต้องนำรถไปปรับจูนมิเตอร์กับบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมีทั้งสิ้น 9 บริษัท กับอีก 1 สถาบันการศึกษา คือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวเกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อมีการสอบถามไปยังบริษัทที่ได้รับอนุญาต ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้บริษัทยังรอเครื่องต้นแบบที่จะใช้จูนมิเตอร์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร จึงยังไม่สามารถปรับจูนมิเตอร์ให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ได้ ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์จึงจะดำเนินการได้ รวมทั้งเมื่อสอบถามราคากับบริษัททั้ง 9 บริษัท พบว่าจัดเก็บค่าจูนมิเตอร์คันละ 500 บาท ขณะที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร จะเก็บค่าจูนมิเตอร์เพียง 200 บาท
ทั้งนี้ นายวิฑูร แนวพาณิชย์ ประธานสหกรณ์แท็กซี่สยาม กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 3 กรกฎาคม ได้มีรถแท็กซี่ประมาณ 200 คัน ไปขอจูนมิเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร แต่เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยแจ้งว่า ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องเครื่องต้นแบบการจูนมิเตอร์ และต้องใช้เวลาประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ขับรถแท็กซี่ จนขณะนี้ถึงขั้นรวมตัวกันประท้วงแล้ว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นการไม่ใส่ใจแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการ เนื่องจากทุกหน่วยงานทราบอยู่แล้วว่าจะมีการออกประกาศ กฎหมายที่ต้องปรับจูนมิเตอร์เพื่อเก็บอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่ โดยภาครัฐได้ทราบเรื่องดังกล่าวมาแล้วกว่าครึ่งเดือน แต่กลับไม่ดำเนินการให้มีความพร้อม
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ยังมีข้อสงสัยถึงประเด็นการจัดเก็บค่าจูนมิเตอร์ที่แตกต่างกัน โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครเก็บ 200 บาทต่อคัน แต่อีก 9 บริษัทเก็บ 500 บาท เมื่อรวมปริมาณรถแท็กซี่ที่มีอยู่ในระบบ 65,000 คัน ก็จะเป็นเงินจำนวนมากที่ผู้ขับรถแท็กซี่ต้องเสีย สงสัยว่าเหตุใดภาครัฐปล่อยให้บริษัทเหล่านี้มาฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้ขับรถ ถือเป็นเรื่องไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง
ข้อมูลจาก
