"รัก/สาม/เศร้า" ภาพยนตร์ไทยที่ทำให้หนุ่มคนนี้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว "เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ" และต้องยอมรับว่าตอนนี้เป้กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สาวๆ ฝันถึงมากที่สุดคนหนึ่งในวันนี้ และเราได้รับเกียรติจากหนุ่มเป้ ที่มานั่งคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของเขา โดยเส้นทางวงการบันเทิงของหนุ่มคนนี้ เริ่มจากเสียงเพลงนามว่า "slur"
เป้ : กับแนวเพลงของวงที่หลายคนบอกว่าฟังยาก ผมเชื่อว่าสักวันคนจะหันมาฟังเพลงของวงผมครับ เราจะเป็นอย่างนี้แหละ สักวันคนจะหันมาฟังเอง ตอนแรกสเลอทำงานแบบไม่คิดอะไรเลย แต่มันก็ได้คนฟังอีกกลุ่ม แต่พอผมมาเล่นหนังคนก็เริ่มรู้จักวงสเลอ แต่ว่าเพลงก็ยังเข้าไม่ถึงเขาอยู่ดี แต่ว่าวงของผมได้ไปเล่นเยอรมนี ฮ่องกง ไม่นานอาจจะได้ไปนิวยอร์ก การไปต่างประเทศได้พิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างด้วยครับว่า ภาษาไม่ใช่พรมแดนที่กั้นเราได้เลย
ไม่คิดทำเพลงตลาดกับเขาบ้างเหรอ
เป้ : ทำไม่ได้ครับ คือการทำเพลงตลาดถ้ามันทำกันง่ายๆ คนก็ดังกันไปหมดแล้ว อย่าง Tattoo Colour มันดังกับเพลงตลาด แต่จริงๆ แล้วเขาฟังเพลงมาเยอะมาก พวกเขาเก่งกันมากๆ สุดๆ แต่สำหรับพวกผม ถ้าเราเลือกทางเดียวกับ Tattoo Colour เราทำได้ไม่สุดเท่ามันแน่นอน แต่ถ้าผมมาทางนี้ผมสุดทางของผม
แสดงว่าชอบดนตรี มากกว่าการแสดง
เป้ : คือการแสดงมันเลือกไม่ได้ คือไม่ใช่ว่าเราอยากเล่นหนังเรื่องนี้แล้วเราต้องได้เล่น มันไม่ได้ครับ แต่ดนตรีเรามีวง เราอยากจะเล่นอย่างนี้ เราก็ได้เล่นแน่นอน เราเป็นคนที่เลือกเอง หรือว่าเขาแต่งเพลงมาแล้วเราไม่ชอบ เราก็เอามาปรับโน่นปรับนี่กัน ปรับกันไปเรื่อยๆ ได้ จนกว่าเราจะพอใจ แต่ถ้าเราเป็นนักแสดง เราก็เหมือนเป็นแค่โน้ตโน้ตหนึ่งของอัลบั้มเท่านั้นเอง
ทีนี้มาถามเรื่องหนังบ้าง ตอนเล่นคิดว่าหนังมันจะออกมาประสบความสำเร็จไหม
เป้ : คือตอนถ่ายเรื่องนี้ผมกลัวมาก คือผมมั่นใจแหละว่ามันจะดี ตอนถ่ายผมก็รู้เลยว่ามันน่าจะออกมาดี และหนังมันเป็นวัยรุ่น แล้วมันเป็นเรื่องรัก คนก็น่าจะรับได้หมด พอหนังเสร็จแล้วก็สบายใจขึ้นครับ ขอบคุณทุกคนครับที่อุดหนุนหนังเรื่องนี้
แล้วกับงานละครครับ มีติดต่อมาบ้างไหม
เป้ : มีครับ ก็ดูอยู่ แต่ตอนนี้ผมยังไม่กล้าบอกอะไรทั้งนั้นเลยครับสำหรับเรื่องนี้
แล้วใจจริงๆ ของเป้เลยอยากเล่นละครหรือเปล่า
เป้ : คือใจเราจริงๆ ไม่อยากเล่นเลย ไม่อยากเข้าไปอยู่ในละครเลย เพราะผมไม่คุ้นกับศาสตร์นี้ แต่ผมดูหนัง แต่ผมไม่ชอบดูละครไทย ผมแทบไม่เปิดทีวี ตื่นมาก็อ่านหนังสือพิมพ์แต่ไม่เปิดทีวี เปิดทีวีผมก็ดูช่องเพลง ช่องหนังไป แต่ผมเข้าใจว่าละคร คือจุดที่คนอื่นเขาดูกันเยอะที่สุด แต่ผมไม่คุ้นกับศาสตร์ผมเลยไม่รู้ว่าผมจะทำได้หรือเปล่า แล้วอีกอย่างผมว่าดาราละครมีคาแรกเตอร์ที่ไม่ใช่ผม คือเขาจะหล่อ แต่ผมไม่ใช่ และกับหนังเรื่องนี้ก็คือผมมีคาแรกเตอร์ที่ตรงกับหนังเรื่องนี้เท่านั้นเอง ผมว่าผมไม่น่าจะเป็นพระเอกหนังละครได้ แค่ได้มาเป็นพระเอกหนังก็มากแล้วครับ (หัวเราะ)
ถามถึงครอบครัวหน่อย ที่บ้านเป็นยังไง
เป้ : ผมต้องขอบคุณครอบครัวผมครับ พ่อแม่ผมเก่งมาก ผมว่าผมโชคดีมากที่มีครอบครัวที่ดีเข้าใจ และเขาสนับสนุนผม ผมเลยคิดไม่ออกครับว่าผมยังอยากจะทำอะไรให้กับครอบครัวดี เพราะว่าพ่อแม่ผมท่านดูแลตัวเองได้ดีมาก จนเราไม่ต้องเป็นห่วงอะไรท่านเลย แต่มันมีแบบฝันๆ นะว่าตัวผมเองอยากจะซื้อคอนโด ย้ายออกมาเพราะว่าเราก็โตแล้ว อันนี้แค่คิดแค่ฝันเท่านั้นเองครับ แต่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้ย้ายออกหรอกครับ (หัวเราะ)
ที่บ้านเลี้ยงเป็นคุณหนูเปล่าเนี่ย
เป้ : ไม่เป็นเลยครับ ผมทำได้หมดทุกอย่าง
เป็นคนลุยไหม
เป้ : หลายคนมองว่าผมสำอางค์นะ แต่ที่เขามองอย่างนั้นเพราะว่าการแต่งตัวของผม แต่จริงๆ ผมเป็นคนลุยมากเลย คือผมไม่ค่อยสนใจไงว่าทรงผมจะเป็นยังไง เวลาถ่ายหนังผมมีขี้ตาออกจอด้วยนะ (หัวเราะ) มาเห็นทีหลัง เอ๊า ทำไมเราไม่เอาออกเนี่ย (หัวเราะ) คือดาราคนอื่นเขาอาจจะชอบมองกระจกกันก่อนออกทำงาน แต่ผมไม่สนไง
แล้วเจ้าชู้หรือเปล่า
เป้ : ไม่เจ้าชู้ครับ แต่ผมเป็นคนที่ชอบมองผู้หญิงสวยๆ นะ แต่พอผู้หญิงสวยๆ เข้ามาคุยด้วย ผมไม่กล้าคุย หรอกครับ เขิน
เอ๊า...แล้วกับก้อย (รัชวิน วงศ์วิริยะ) มาเป็นแฟนกันได้ไง
เป้ : คือก้อยเขาเป็นคนพูดเก่ง การจีบกันเลยง่าย การที่เขาพูดเก่งเขาก็ดึงการเป็นตัวเราออกมาได้ พอดึงเราออกมาได้มาก ก็กลายเป็นว่าการเป็นตัวเรากับตัวก้อย มันมีอะไรที่ถูกกันก็เลยชอบกัน แต่จริงๆ ผมไม่อยากจะให้มันเปิดตัวอย่างนี้ด้วย เพราะไม่รู้ว่าเราจะเลิกกันเมื่อไรด้วยซ้ำ เราเองก็อายุยังน้อยอยู่เลย
ที่บ้านของเป้ ซีเรียสเรื่องครอบครัวในอนาคตของเป้ไหม
เป้ : ไม่ซีเรียสเลยครับ พ่อแม่ผมรักก้อยมาก ก้อยเขาเป็นที่รักของทุกๆ คน
คิดว่าในอนาคตเราจะเป็นพ่อที่ดีของลูกได้ไหม ถ้าวันหนึ่งแต่งงานไปแล้ว
เป้ : ไม่ครับ เพราะผมคิดว่าผมดูแลคนอื่นคงลำบาก ผมเป็นคนที่ดูแลเฉพาะสิ่งที่ผมชอบมากกว่า แต่ต่อไปถ้าถึงวันนั้นจริงๆ ผมรักลูก ผมก็คงอาจจะดูแลได้ แต่ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าผมมีลูกจะเป็นยังไง คือมันยังไม่มีความรู้สึกว่าอยากมีตอนนี้นะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอายุเท่าไรถึงอยากจะมีลูก ผมว่าสักวันคงต้องมีมันหลีกเลี่ยงเรื่องธรรมชาติไม่ได้ครับ
เป้ เป็นคนที่เข้าใจยากไหม
เป้ : ไม่รู้เหมือนกันครับ ถ้ามองภาพภายนอกอาจจะคิดได้ แต่เรื่องการพูดจาผมก็เป็นคนที่พูดตรงๆ ไม่ยากที่จะเข้าใจนะ
คำถามสุดท้าย คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มเนื้อหอมไหม
เป้ : อุ๊ย ลืมฉีดน้ำหอม (ยกแขนตัวเองขึ้นมาดมแล้วหัวเราะ) ลืมฉีดจริงๆ นะครับ ผมว่าหอมเป็นวันๆ ครับ บางวันผมก็ลืมสระผม ก็จะเหม็นแล้ว
คงจะอิ่มอกอิ่มใจกันแล้วกับหนุ่มเนื้อหอมคนนี้ ส่วนอนาคตเขาจะประสบความสำเร็จกับงานเพลงอย่างที่คิดหรือไม่นั้น ก็ต้องติดตามผลงานและให้กำลังใจหนุ่มเป้กันต่อไปนะจ๊ะ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
กาญจนา สิทธิเม่ง