สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ปัญหาข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ทุกฝ่ายจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แม้ว่ารัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะหาทางแก้ไขด้วยการจัดประชุม เพื่อหาทางออกในเรื่องข้อพิพาทดังกล่าวในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ แต่ล่าสุดผู้บัญชาการกองทัพบก จังหวัดพระวิหาร ของกัมพูชา ออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า การประชุมที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ คงมีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่จะทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ดีขึ้น
โดย พลจัตวาเจีย เคียว ผู้บัญชาการกองทัพบก จังหวัดพระวิหาร ของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศถึงการเจรจาปัญหาข้อพิพาท ในเรื่องปราสาทพระวิหาร ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ในวันที่ 21 กรกฎาคม ว่า มีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่การเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา ในวันที่ 21 กรกฎาคม จะสามารถผ่อนคลายความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนลงได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ไม่อาจคาดหวังกับผลการเจรจาได้มากนัก คงเป็นเพราะหนังสือตอบกลับจากนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ที่ยืนยันว่าพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเป็นดินแดนของไทย
นอกจากนี้ พลจัตวาเจีย เคียว ยังกล่าวหาทหารไทยว่า นำปืนใหญ่ไปติดตั้งใกล้กับปราสาทพระวิหารในระยะห่างเพียง 1 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทางการกัมพูชาขณะนี้ อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมตลอดเวลา แต่กำชับให้ทหารอดทนและหลีกเลี่ยงการกระทำ ที่จะทำให้ถูกตำหนิว่าเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อน
พล.ท.ซก เพียบ หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย ของกัมพูชา (เสื้อฟ้า) พร้อมคณะนายทหาร ตรวจความเรียบร้อยโรงแรมอินโดจีน ตั้งอยู่เลขที่ 154 หมู่ 6 ถนนธนะวิถี ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนมีการประชุมร่วมกันระหร่างไทย-กัมพูชา เพื่อหารือกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร วันที่ 21 ก.ค.
ด้านความคิดเห็นของคนในพื้นที่ เกี่ยวกับผลการประชุมระหว่างทางการไทยและกัมพูชานั้น นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนา จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ว่ารัฐบาลไทยเสนอเงื่อนไขหรือข้อตกลงใดๆ ไปทางฝ่ายกัมพูชาก็จะรับเงื่อนไข พร้อมกับจะยอมลงนามยอมรับเงื่อนไขทุกๆ อย่าง แต่สุดท้ายกัมพูชาจะไม่ปฏิบัติตามเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นการเจรจาในวันจันทร์นี้รัฐบาลจะต้องยืนยันชัดเจนว่า หากการลงนามใดๆ ยังไม่มีผลในด้านการปฏิบัติก็ห้ามถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด
"ไม่มีใครอยากเห็นสงครามเกิดขึ้น เพราะสงครามมีแต่ความสูญเสีย แต่ปัญหาเรื่องเขตแดนเป็นต้นเหตุปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ ประเทศทุกประเทศต้องมีพรมแดน ไม่อย่างนั้นปัญหาก็ไม่ยุติ เรื่องที่กัมพูชายื่นจดหมายถึงยูเอ็นเพื่อให้ลงมาคลี่คลายปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น ส่วนตัวเห็นว่าใครจะเข้ามาก็ไม่ว่าอะไร แต่ก่อนการเจรจาชาวกัมพูชาจะต้องผลักดันคนของกัมพูชาออกไปให้หมดก่อน" นายทิวากล่าว
ส่วน สถานการณ์ในพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ยังคงมีทหารไทยและทหารกัมพูชาตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน อย่างไรก็ตามแม้ว่าทหารทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีอาวุธครบมือและอยู่ในลักษณะเผชิญหน้า แต่พบว่าการเผชิญหน้าดังกล่าว ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น เพราะทหารทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ด้วยกันแบบพี่น้อง และพูดคุยกันตามปกติ บางคนนั่งรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเอง
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากชาวบ้านในพื้นที่ด้านล่าง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า ขณะนี้กลุ่มชาวบ้านช่วยกันทำความสะอาดและซ่อมแซมหลุมหลบภัย ที่มีสภาพทรุดโทรม เพื่อเตรียมหลบกระสุนปืนใหญ่หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากพื้นที่ ต.เสาธงชัย เป็นพื้นที่ติดแนวชายแดน หากเกิดการปะทะกันชาวบ้านตำบลดังกล่าวจะได้รับผลกระทบเป็นพื้นที่แรก
ทางด้านนายคาร์ล เทเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่งศูนย์ยุทธศาสตร์และกลาโหมศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์ เอเอฟพี ในสิงคโปร์ว่า การเผชิญหน้าด้วยอาวุธระหว่างไทยและกัมพูชา อาจลุกลามบานปลายได้อย่างง่ายดาย ตนวิตกกังวลในเรื่องการบังคับบัญชาและการควบคุมทหารของทั้งสองฝ่าย เมื่อใดที่กองกำลังทหารเผชิญหน้ากันเช่นนี้ ทหารจะต้องมีระเบียบวินัยอย่างสูง มิฉะนั้นอาจเกิดการวินิจฉัยสถานการณ์ผิดพลาดจนเกิดการปะทะกันขึ้น
ข้อมูลจาก
