x close

ดอกไม้..ในงานวิวาห์

ดอกไม้


          คงไม่ผิดอะไรถ้าจะบอกว่าความสดชื่นของงานวิวาห์สร้างได้ด้วยการประดับประดาดอกไม้ ซึ่งสามารถสร้างบรรยากาศของงานให้ดูดีขึ้นได้ ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ รวมไปถึงสีสันที่สวยหวานต้องตา หรือหากงานครั้งนี้มีคอนเซ็ปต์ที่ต้องการให้ออกมามีอารมณ์เป็นแบบสดใส แบบอ่อนหวาน หรือโฉบเฉี่ยวทันสมัย ลองนึกถึงการใช้ดอกไม้ดูซิคะ แต่จะเลือกใช้ดอกอะไร และนำมาจัดแบบไหนถึงจะดูดี เรามีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเรื่องดอกไม้มาฝากค่ะ...

          ในการจัดดอกไม้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ นักจัดดอกไม้ ที่จะมาเป็นผู้ออกไอเดียเสนอความคิด และลงมือเนรมิตจัดแจงตกแต่งให้ออกมาสวยถูกใจ แต่จะชอบใจฝีมือนักจัดดอกไม้คนไหนนั้นต้องลองเลือกเฟ้นดู

          การเฟ้นหานักจัดดอกไม้ คุณสามารถถามได้ทั้งจากเพื่อนฝูงที่ผ่านงานแต่งงานมาแล้ว หรือตามโรงแรมแรมใหญ่ๆ ที่มีนักจัดดอกไม้ประจำโรงแรม หรือจากร้านดอกไม้ทั่วไป รวมทั้งสืบหาได้ตามเว็บไซต์ ก็มีนักจัดดอกไม้ฝีมือดีมากมาย จากนั้นเลือกนักจัดดอกไม้ไว้สักสองสามชื่อ เพื่อนัดแนะพูดคุยถึงสไตล์ที่คุณต้องการ หรือถ้าคุณเป็นคนอธิบายไม่เก่งสามารถเลือกตัวภาพตัวอย่างจากนิตยสารไปให้ช่างดอกไม้ดูด้วยก็ได้ยิ่งดี

          ในการจัดดอกไม้ให้กับงานวิวาห์ ช่างจัดดอกไม้ส่วนใหญ่ ไม่ได้ยึดถือเรื่องเทรนด์เป็นสำคัญ แต่จะยึดความพึงพอใจของคู่บ่าวสาว ฤดูกาลของดอกไม้ และงบประมาณมากกว่า ดังนั้น ก่อนจะไปพบกับนักจัดดอกไม้ของงาน คุณควรต้องเตรียมตัวกันซักเล็กน้อย ในเรื่องของการให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานกับนักจัดดอกไม้ให้มากที่สุด เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

          เริ่มจากการ "กำหนดงบประมาณ" ในส่วนของดอกไม้ก่อน เพราะนักจัดดอกไม้ส่วนใหญ่ชอบให้ลูกค้าบอกงบประมาณที่แน่นอนก่อน จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าควรจะครีเอทงานออกมาได้มากน้อยแค่ไหน แต่ใช่ว่างบประมาณไม่สูงแล้วจะไม่ได้งานที่ครีเอทีฟนะคะ เพราะโดยทั่วไปนักจัดดอกไม้จะผสมดอกไม้เก่ง รู้ว่าควรจะเลือกดอกอะไรมาแทนดอกอะไร ขึ้นอยู่กับว่าฤดูกาลนั้นดอกไม้ชนิดไหนราคาไม่แพง ก็อาจจะนำมาจัดรวมกับดอกไม้ราคาแพง หรืออาจจะใช้ผักและผลไม้เสริมเข้าไป การใช้ใบช่วยก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่จะช่วยประหยัดค่าดอกไม้ได้ นักจัดดอกไม้เก่งๆ จะสามารถผสมผสานดอกไม้ได้อย่างสวยงามกลมกลืน และที่สำคัญคือดูมีรสนิยมด้วย

          เมื่อมีงบประมาณในใจแล้ว การขอความเห็นจากญาติผู้ใหญ่ ก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะท่านเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณของเรา ดังนั้น เลือกแบบการจัดอกไม้ที่ชอบไว้ชัก 2-3 แบบ และขอความเห็นท่านก่อน เมื่อได้แบบที่คุณและท่านเห็นพ้องต้องกัน จึงค่อยตัดสินใจเลือกคอนเซ็ปต์นั้น หากขัดแย้งในเรื่องความคิดก็ควรพูดคุยกันให้เข้าใจ ดีกว่าที่จะต้องมารื้อหน้างาน จะเป็นเรื่องวุ่นวายโดยใช่เหตุ จากนั้นจึงนำคอนเซ็ปต์นั้นไปเสนอกับช่างจัดดอกไม้อีกที
จากนั้นลองหาคอนเซ็ปต์ชัดเจนที่สอดรับกับสิ่งที่ญาติผู้ใหญ่เราเห็นชอบอีกครั้ง เมื่อได้แล้วคุณควรเริ่มเตรียมข้อมูลเพื่อบอกกับนักจัดอกไม้ว่า อยากได้ดอกไม้แบบไหน สีอะไร และจุดไหนบ้างที่คุณอยากให้มีดอกไม้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีผลต่อการวางแผนใช้ดอกไม้ของนักจัดดอกไม้ แล้วลองนับดูซิว่างานแต่งงานของคุณอยู่ในฤดูไหน และฤดูนั้นมีดอกไม้ตามแนวคิดหลักที่คุณวางไว้หรือไม่ หากไม่มีคุณก็ยังมีเวลาที่จะปรับเปลี่ยนแนวคิดเพื่อใช้ดอกไม้อื่นได้บ้าง

          อย่างไรก็ตาม เมื่อให้ข้อมูลกับนักจัดดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เวลาช่างจัดดอกไม้ในการทำงานอย่างน้อยชัก 1 เดือนในการทำงานนะคะ เพราะนักจัดดอกไม้จำเป็นจะต้องไปดูสถานที่จัดงานด้วยตัวเอง เพื่อดูขนาดของห้องจัดเลี้ยง แล้วนำมาออกแบบพร้อมกับคิดคำนวนว่าต้องใช้ดอกไม้มากน้อยแค่ไหนถึงจะกำลังสวย จากนั้นจึงสั่งดอกไม้ ซึ่งดอกไม้บางชนิดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แล้วยังต้องเตรียมงานโครงสร้างต่างๆ เช่น ซุ้มหน้างาน โครงเหล็ก ดังนั้น เวลาไปคุยก็อย่าลืมบอกระยะเวลาในการทำงานด้วยล่ะ อย่างน้อย 1 เดือนก่อนมีงานกำลังดีค่ะ

          ทีนี้เมื่อเลือกนักจัดดอกไม้ได้แล้ว ก็ควรขอให้เขียนหรือสเก็ตช์แบบมาให้ดูเลยว่า มีดอกไม้จุดไหนบ้าง อะไรบ้าง แบบไหน เขาจะมาติดตั้งกี่โมง และมีค่าเบ็ดเตล็ดอะไรอื่นๆ อีกที่เราต้องจ่ายเพิ่ม ก็ให้รีบสรุปราคาไปเลย เพื่อที่งบของคุณจะได้ไม่บานปลายทีหลัง

          สำหรับข้อมูลที่เราต้องเตรียมให้กับนักจัดดอกไม้ เราเองถ้าพอจะมีความรู้บ้างก็ดีนะคะ เพื่อที่จะได้เสนอแนะกับนักจัดดอกไม้ ให้จัดได้อย่างถูกใจที่สุด ส่วนข้อมูลที่มีความจำเป็นก็เริ่มจากเรื่องของมุมหรือจุดต่างๆ ของสถานที่จัดเลี้ยง ที่คุณอยากให้นักจัดดอกไม้จัดให้คุณ ก็ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องคิดทบทวนถึงสิ่งที่คุณต้องการอย่างละเอียด ดังนั้น ลองมาดูกันนะคะว่าส่วนไหนของงานเลี้ยงฉลองวิวาห์ ที่คุณควรจะต้องมีดอกไม้มาเป็นตัวช่วยเสริมบรรยากาศบ้าง

Flower



ดอกไม้บริเวณหน้างาน

          ดอกไม้หน้างานจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องของการต้อนรับขับสู้เข้าสู่ภายในงาน ส่วนใหญ่จะประดับอยู่ตรงประตูทางเข้าทั้งสองด้าน หรือจัดเป็นซุ้มหน้างาน แนะนำว่าถ้าจัดดอกไม้หน้างานเป็นซุ้มไหน หรือดอกไม้ที่จัดจะเป็นสไตล์ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ Theme งานที่คู่บ่าวสาวได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก

บริเวณโต๊ะลงทะเบียนและเซ็นอวยพร

          ตรงจุดนี้เราอาจจะใช้เป็นแจกันทรงสูงหรือจัดดอกไม้บนฟลอร่าโฟม แล้วนำมาตั้งโดยมีภาชนะสวยๆ รอง จากนั้นก็นำมาตั้งไว้บนโต๊ะเลยก็ได้ ดอกไม้ที่ประดับบนโต๊ะเซ็นอวยพรนี้ อาจจะวางที่กลางโต๊ะใกล้กับกล่องรับเงินหรือบริเวณสมุดเซ็นชื่อก็ได้ ซึ่งถ้าไม่มีดอกไม้บริเวณนี้การลงทะเบียนครั้งนี้คงหมือนกับการมาลงทะเบียนเพื่อเข้างานสัมนามากกว่ามางานแต่งแน่ๆ

Archway หรือมุมถ่ายภาพ

          มุมถ่ายภาพถือว่าเป็นมุมเด่นมุมหนึ่งของงานเลยก็ว่าได้ เพราะใครที่มีโอกาสได้มาร่วมงาน ต้องได้มารวมตัวกันถ่ายภาพตรงจุดนี้ทุกคน ส่วนใหญ่ก็จะจัดให้เข้ากับ Theme งาน โดยจะเน้นที่ความสวยงามหรือสื่อถึงความรัก การจัด Archway ส่วนใหญ่จะจัดแค่เพียงจุดเดียว แต่ถ้าครอบครัวไหนมีงบประมาณให้กับดอกไม้มากหน่อย แถมคุณพ่อคุณแม่ของคู่บ่าวสาวอยากจะต้อนรับแขกในมุมที่ดูพิเศษอีกนิด ก็อาจจะบอกให้นักจัดดอกไม้จัด Archway เพิ่มอีกจุดหนึ่งก็ได้ แต่ต้องเป็นมุมที่ไม่ใหญ่มากจนไปขโมยซีนมุมหลักนะคะ

บริเวณเวที

          บนเวทีคือสถานที่ดำเนินพิธีการต่างๆ แขกทุกคนที่มาร่วมงานพร้อมที่จะมุ่งสายตาไปบริเวณเวทีได้ทุกเมื่อ หากพิธีการบนเวทีเริ่มขึ้น จึงจำเป็นจะต้องมีการประดับประดาบริเวณเวทีให้สวยงามด้วย โดยนักจัดดอกไม้ต้องจัดดอกไม้ให้เข้ากับ Theme งาน การจัดดอกไม้บริเวณเวที ไม่จำเป็นต้องจัดดอกไม้ให้เต็มพรึบพรับก็ได้ เราสามารถแต่งออกมาอย่างเรียบๆ แต่ดูดี อาจจะเสริมด้วยอุปกรณ์การตกแต่งอื่นๆ มาช่วยให้ดูเก๋ อย่างกิ่งไม้ เชิงเทียน ลูกบอล ผ้า ผืนผ้าพริ้วๆ ริบบิ้นสีต่างๆ ก็ดูเก๋ไก๋แถมประหยัดค่าดอกไม้ได้ด้วย

ดอกไม้ตามซุ้มอาหาร

          หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Flower station ในที่นี้จะหมายถึงรูปแบบงานเลี้ยงแบบบุฟเฟ่และค็อกเทล เพราะงานเลี้ยงแบบโต๊ะจีนจะจัดเป็นแจกันดอกไม้ตั้งไว้กลางโต๊ะ จึงไม่เรียกว่า Flower station ซึ่งงานเลี้ยงแบบบุฟเฟ่และค็อกเทล จะแยกโต๊ะกับจุดวางอาหารไว้คนละที่ การจัดดอกไม้บริเวณจุดวางอาหารนี้จึงมีความสำคัญ ในแง่ของการทำให้บริเวณที่วางอาหารดูไม่แห้งแล้งจนเกินไป

รอบๆ บริเวณงาน

          การจัดดอกไม้ในงานแต่งงาน เราไม่จำเป็นต้องจัดดอกไม้ให้เต็มไปทั้งงานก็ได้ เพราะแม้ว่าการจัดดอกไม้เยอะๆ จะช่วยสร้างบรรยากาศของงานให้ดูอ่อนหวานมีชีวิตชีวา แต่การที่มีดอกไม้มากเกินไปจะทำให้งานเลี้ยงดูคับแคบลงถนัดตาทีเดียว ดังนั้น จัดดอกไม้ในปริมาณที่ไม่ต้องมากนัก แต่มีไว้หลายๆ จุด จะช่วยสร้างความต่อเนื่องให้อารมณ์ในการมองได้มากกว่า หรืออาจจะใช้เทคนิคในการจัดดอกไม้ให้เป็นรูปทรงอย่าง ฟลาวเวอร์บอล ฟลาวเวอร์แสตน แบบทรงสูงก็ดูดีทีเดียว
          
          สำหรับการประดับประดางานวิวาห์ด้วยดอกไม้มีข้อจำกัดอยู่นิดหน่อยก็คือ ถ้าคู่บ่าวสาวเลือกสถานที่แต่งงานในห้องจัดเลี้ยงที่มีบริเวณที่ไม่กว้างขวางมากนัก ต้องระวังอย่าเลือกดอกไม้ที่มีกลิ่นมากๆ เพราะกลิ่นที่อบอวลไปทั่วห้อง อาจทำให้แขกบางท่านที่แพ้กลิ่นดอกไม้มีอาการไม่สบายได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากกลิ่นดอกไม้ไปผสมกับกลิ่นอาหารเข้าล่ะก็ อาจทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงเสียไปเลยก็ได้

          นอกจากเรื่องของการจัดดอกไม้ให้กับสถานที่จัดงานแล้ว อีกจุดสำคัญที่ทางนักจัดดอกไม้จำเป็นต้องเตรียมให้ด้วยก็คือ ดอกไม้ติดหน้าอกและช่อดอกไม้ถือ

          สำหรับ "ดอกไม้ติดหน้าอก"” หรือที่เรียกว่า Boutonniere หรือ Corsage จะใช้ติดให้กับประธานและคุณพ่อคุณแม่ของฝ่ายเจ้าบ่าว-เจ้าสาว โดยทั่วไปจะมีไม่เกิน 6-8 ช่อ การติดดอกไม้ที่อกเสื้อนั้น นอกจากจะเป็นการให้เกียรติประธานในพิธีแล้ว ยังใช้เป็นสัญลักษณ์ให้พิธีกรบนเวทีเชิญประธานขึ้นกล่าวอวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ผิดคน ด้านคุณพ่อคุณแม่เจ้าสาวก็เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานได้เข้ามาทักทายสวัสดีกันอย่างไม่ผิดคนด้วยเช่นกัน

          ส่วน "ช่อดอกไม้ถือ" หรือ Flower Bouquet จะใช้สำหรับเจ้าสาวที่เข้าพิธีแบบคริสต์ แต่ถ้าเป็นเจ้าสาวที่ทำพิธีแบบไทยพุทธแล้ว การใช้ดอกไม้ถือก็เพียงเพื่อสำหรับถือถ่ายภาพหน้างาน หรือถ้าสลับให้เจ้าบ่าวถือบ้างก็น่ารักทีเดียว นอกจากนี้ธรรมเนียมยอดฮิตในการให้ประโยชน์จาก Flower Bouquet อีกอย่างก็คือ การโยนช่อดอกไม้ เพื่อเสี่ยงทายว่าใครจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป

          ในการถือช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ใช่ว่าจะเป็นช่อสวยมีสีสันโดนใจแล้วจะดูดีเข้ากับชุดเจ้าสาวเสมอไปนะคะ แต่การเลือกช่อดอกไม้ที่เข้ากับชุดเจ้าสาว จะช่วยเสริมให้เจ้าสาวดูเด่นมากยิ่งขึ้นมากกว่า ซึ่งในการเลือกทุกครั้งเจ้าสาวควรคำนึงชุดแต่งงานของคุณก่อนเป็นอันดับแรก

          ข้อแนะนำง่ายๆ สำหรับการเลือกช่อดอกไม้ให้เข้ากับชุดก็คือ คุณจำเป็นต้องทราบสีชุดแต่งงานของคุณเสียก่อน เพื่อจะเลือกสีของดอกไม้ให้เข้ากัน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นดอกไม้ที่เข้ากับสีของธีมงานก็ได้ เพราะจะดูจำเจเกินไป แค่เข้ากับสีชุดเจ้าสาวก็เพียงพอ หากชุดเจ้าสาวคุณเป็นสีขาว คุณอาจจะถือดอกลิลลี่สีขาวหรือสีชมพู หากชุดสีชมพูอ่อน คุณอาจถือดอกคาเนชั่นหรือกุหลาบสีชมพูเข้ม แซมด้วยยิบโซหรือกุหลาบขาว หรือดอกลิลลี่สีขาวก็ดูหวานทีเดียว และถ้าชุดของคุณมีรายละเอียดมากพออยู่แล้ว ให้เลือกช่อดอกไม้สีเรียบๆ แต่ถ้าชุดของคุณเป็นแบบเรียบ ช่อดอกไม้ที่สวยงามดีไซน์เก๋ จะช่วยส่งให้ชุดของคุณดูเด่นขึ้น

          ทั้งนี้ อย่าถือดอกไม้ช่อใหญ่เกินไป เพราะการถือดอกไม้ช่อใหญ่นอกจากจะทำให้คุณเมื่อยล้ามือแล้ว ยังขโมยชีนความงามที่คุณอุตสาห์ตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัวแต่เข้าตรู่ด้วย ฉะนั้น ดอกไม้จึงควรมีน้ำหนักเบาและกระทัดรัด ช่วยส่งให้คุณดูเด่นแทนที่จะแย่งเด่นซะเอง


ข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดอกไม้..ในงานวิวาห์ อัปเดตล่าสุด 21 กรกฎาคม 2551 เวลา 17:29:23 9,114 อ่าน
TOP