x close

เสี่ยเจียง ให้อภัย จา ลั่น รักเหมือนลูก ขอแค่หนังถ่ายเสร็จ

เสี่ยเจียง


         "เสี่ยเจียง" ลั่นรัก "จา" เหมือนลูกชาย อยากให้กลับมาทำงานต่อให้เสร็จ พร้อมให้อภัย ไม่คิดฟ้องร้องเอาเรื่อง เชื่อแก้วร้าวสามารถสมานได้ เผยเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะพระเอกนักบู๊ไม่เข้าใจในระบบเงินในการทำงาน โอดการถ่ายทำล่าช้า ทำให้เสียหายมาก 

         หลังหายจากกองถ่าย "องค์บาก 2" อย่างลึกลับไปร่วม 2 เดือน ด้วยปัญหาความเครียดจากงานถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ มูลค่า 300 ล้านบาท กระทั่ง นายพนม ยีรัมย์ หรือ "จา พนม" และที่รู้จักในต่างประเทศว่า "โทนี่ จา" ได้ออกมาบอกว่า ไม่ได้หายไปไหน แต่มีปัญหากับสหมงคล ฟิล์ม เรื่องงบประมาณในการลงทุน 

         ล่าสุด เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 25 กรกฎาคม ที่หน้าโรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอ นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสิรฐ หรือ "เสี่ยเจียง" ประธานกรรมการบริหารบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นายพันนา ฤทธิไกร นายปรัชญา ปิ่นแก้ว สองผู้ควบคุมงานสร้างองค์บาก 2 และนายอัคพล เตชะรัตนประเสิรฐ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ครั้งแรกหนังเรื่องนี้ขอเงินลงทุนไว้ 198 ล้านบาท และเริ่มถ่ายทำตั้งแต่ก่อนตนเข้าโรงพยาบาลเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ระหว่างถ่ายทำก็ขอเงินลงทุนเพิ่มอีกเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท 

เสี่ยเจียง



         "ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น จาเข้ามาขอเงินเพิ่มอีก ซึ่งบริษัทก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เนื่องจาก เราไม่เคยทำหนังไม่จบ ไม่เคยทำหนังไม่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะต้องใช้งบเท่าไรก็ตาม หนังเรื่องนี้จะเสียเท่าไรผมก็ยอมเสีย แต่เรื่องที่เกิด มันเป็นเพราะจาไม่เข้าใจระบบเงินที่ใช้ในการถ่ายทำ เพราะจาไม่เคยทำ แต่เรามีหลักฐานทุกอย่าง เรื่องที่เขาบอกว่านำเงินตัวเองออกไปจ่ายก่อนนั้น ผมไม่รู้ เพราะบริษัทเราไม่มีประวัติเรื่องการไม่จ่ายเงิน เพราะถ้าไม่จ่ายก็แสดงว่าฝ่ายบัญชีโกง แต่ทุกอย่างที่บริษัททำ มีหลักฐาน ให้จาสบายใจ โดยเฉพาะหนังเรื่อง องค์บาก 2 นี้ เมื่อผมรู้ว่าเงินลงทุนต้องบานปลาย ผมยังไปทำเรื่องขอกู้เงินธนาคารเพิ่มมาอีก 150 ล้านบาทเลย" เสี่ยเจียง กล่าว 

         นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า หนังเรื่องนี้ทำให้เสียหายไปเยอะ เพราะสัญญาที่ขายหนังไว้กับประเทศญี่ปุ่นก็ถูกยกเลิก เพราะการถ่ายทำล่าช้า แต่ก็ไม่คิดฟ้องร้องจา เพราะเปล่าประโยชน์ 

         "ผมรักมัน ซึ่งก็แล้วแต่เขา หากอยากทำต่อผมก็ให้ทำ ให้อภัย ผมอยากให้หนังมันเสร็จ เพราะเหลืออีกเพียงนิดเดียว อีกอย่างจาเองก็เคยบอกว่ารักหนังเรื่องนี้มาก ผมขอให้จริงอย่างนั้นเถอะ แก้วมันร้าวมันก็สมานได้ ผมเป็นคนให้อภัยคน เรื่องที่ก่อนหน้านี้จาให้สัมภาษณ์ว่าอยากยกสัญญากับทางสหมงคลฟิล์ม เรื่องนี้ทำไม่ได้ เพราะสัญญามีอายุ 10 ปี เซ็นพร้อมอีกหลายคน แต่เขาเคยบอกว่า หากหนังเรื่องนี้เสร็จจะไปบวช และไปเลี้ยงช้างอยู่บ้าน ถ้าทำเช่นนั้นจริงก็ให้ไป แถมจะส่งเงินให้ทุกเดือนอีกด้วย แต่ถ้าจะไปเล่นหนัง หรือทำหนังกับคนอื่นนั้นไม่ได้ เพราะบริษัทเสียชื่อ ถามว่าที่ผ่านมาเลี้ยงดูจาดีไหม คือมันเป็นลูกชาย" เสี่ยเจียงกล่าว 

องค์บาก2



         ด้านนายปรัชญากล่าวว่า กรณีที่จาออกมาบอกว่าหนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างไปแล้ว 117 ล้านบาท ซึ่งต่างจากที่สหมงคลฟิล์มเคยแจ้งไปว่าใช้เงินลงทุนไป 200-300 ล้านบาทนั้น ตนเดาว่าจาคงเข้าใจผิด เนื่องจากงบประมาณในการทำภาพยนตร์จะแบ่งตัวเลขเงินทุนเป็นสองประเภท คือ 1.เป็นเงินสดที่จ่ายออกไปแต่ละครั้ง และ 2.เป็นเรื่องของเครดิต ซึ่งจะใช้ในส่วนของค่าเช่าอุปกรณ์ และการซื้อฟิล์ม จา อาจจะเข้าใจผิด คิดถึงแต่เงินสดที่จ่ายออกไปหน้ากองเท่านั้น ตัวเลขจึงไม่ตรงกัน เกี่ยวกับตัวเลขและเรื่องเงินเหล่านี้ นายอรรคพลจะรู้ทั้งหมด เนื่องจากในช่วงหลังสหมงคลเข้าไปดูแลเรื่องเงินให้กับบริษัท ไอยรา ฟิล์ม 

         "ที่ผ่านมา จาได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มาถึงวันที่ 29 เมษายน โดยถ่ายทำที่ จ.ระยอง หลังจากนั้น วันที่ 5-6 พฤษภาคม ทีมงานได้เตรียมกองถ่ายไว้แล้ว แต่จาก็หายไป และไม่พร้อมที่จะถ่ายทำ ก่อนจะมาถ่ายทำครั้งสุดท้ายวันที่ 11 มิถุนายน จากนั้นมาจาก็ไม่พร้อม และหายไปเลย สิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ไปว่าผมกับพันนาจะไม่เอาจาแล้วนั้น เนื่องจากหากติดต่อจาไม่ได้ก็ต้องแก้ปัญหากันไป หากไม่กลับมาทำ หรือมาทำแล้วหายไปอีก ซึ่งเป็นแบบนี้หลายครั้ง จะส่งผลให้ผู้ลงทุนอาจไม่แน่ใจ ในฐานะโปรดิวเซอร์จึงจำเป็นจะต้องหาทางออกด้วยการยึดงานขึ้นมาทำเอง ทั้งที่ผมและพันนาไม่อยากทำเลย" นายปรัชญา กล่าว



ข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เสี่ยเจียง ให้อภัย จา ลั่น รักเหมือนลูก ขอแค่หนังถ่ายเสร็จ อัปเดตล่าสุด 26 กรกฎาคม 2551 เวลา 17:21:10 31,395 อ่าน
TOP