ฟุตบอลโอลิมปิก รอบรองชนะเลิศ วันที่ 19 สิงหาคม "แซมบ้า"บราซิล ลงสนามพบกับ "ฟ้าขาว"อาร์เจนตินา แชมป์เก่า ที่สนามกรรมกร โดยเกมนี้ คาร์ลอส ดุงก้า กุนซือแซมบ้ายังคงเน้นความรัดกุมเหมือนเดิมส่ง ราฟาเอล โซบิส ยืนหอกเดี่ยวและมี โรนัลดินโญ เล่นเป็นหน้าต่ำ ส่วนอาร์เจนตินา ใช้ดาราลงเต็มทีมทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, เซอร์จิโอ อเกร์โร่, ฮวน โรมัน ริเคลเม่ และ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่
ครึ่งแรกทั้งสองทีมเปิดเกมรุกเข้าใส่ โอกาสพอๆ กัน แต่ว่ากองหลังยังไม่พลาดหมดครึ่งแรกเสมอกันแบบไม่มีสกอร์ 0-0 เริ่มครึ่งหลัง นาที 53 กองเชียร์ อาร์เจนตินาก็ได้เฮลั่นเมื่อ แองเจล ดิมาเรีย เปิดจากกรอบเขตโทษด้านซ้ายเข้า กลางประตูให้ เซอร์จิโอ อเกร์โร่ วิ่งเข้ามาชาร์จแต่ว่าใช้แขนปัดบอลเข้าประตูไป กรรมการไม่เห็น อาร์เจนตินาขึ้นนำ 1-0
ถัดมาอีก 4 นาที ฟ้าขาวหนีห่าง 2-0 จาก อเกร์โร่ เจ้าเก่า และอาร์เจนตินามาได้จุดโทษจากฮวน โรมัน ริเกลเม่ นาที 76 หนีไปเป็น 3-0 ส่วนบราซิลแม้จะมีโอกาสแต่ไม่มีโชค ทั้งล้ำหน้า ทั้งยิงโดนเสา แถมช่วงท้ายเกมบราซิลเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนหลังจาก ลูคัส เลว่า กับ ติอาโก้ เนเวส โดนใบแดงไล่ออก หมดเวลาอาร์เจนตินาชนะ 3-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศอีกสมัยที่ เซี่ยงไฮ้
"อินทรีมรกต" ไนจีเรีย เจ้าของเหรียญทองฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ แอตแลนต้า 1996 ลงสนามพบกับ เบลเยียม ที่ขาดผู้เล่นตัวหลักไปหลายราย ขณะที่ "อินทรีมรกต" ขนดาวดังที่ค้าแข้งต่างแดนมาเต็มพิกัด เริ่มเกมขึ้นมา ไนจีเรีย มีเกมรุกที่เฉียบคมกว่าอย่างเห็นได้ชัด ยิงนำไปก่อนถึง 4 ประตูจาก โอลูบาโย อเดเฟมี นาทีที่ 18, ชิเนดู โอบาซี นาทีที่ 60 กับ 73 และ โซโลมอน โอโครอนโว นาทีที่ 79 ก่อนที่ เบลเยียม จะมาตีไข่แตกในนาทีที่ 89 จาก โลรองต์ ซิมอง ทำให้จบเกม ไนจีเรีย ชนะขาดลอย 4-1 เข้าไปชิงชนะเลิศ
ด้านแซมซั่น เซียเซีย กุนซือไนจีเรียเผยอย่างดีใจว่า "แทบไม่อยากเชื่อ เราดูที่สกอร์บอร์ด เราทำได้ ต้องชื่นชมนักเตะทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม"
สำหรับรอบชิงชนะเลิศ อาร์เจนตินา พบ ไนจีเรีย วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม ที่สนามรังนก เวลา 11.00 น.
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
