x close

ทุกย่างก้าวแห่งความรัก ครอบครัวเขมะโยธิน

น็อต - กวาง


          กว่า 10 ปีแล้ว...พรหมลิขิตได้ดลบันดาลให้นักแสดงสาวคนเก่ง กวาง-กมลชนก โกมลทิฐิ และพระเอกหนุ่ม น็อต-นุติ เขมะโยธิน ต้องโคจรมาเล่นละครด้วยกันทางช่อง 7 สี แถมยังเป็นคู่พระนางในละครด้วยกันอีกหลายเรื่อง จนแฟนๆ ละครต่างลุ้นให้ทั้งคู่เป็นคู่รักกันในชีวิตจริง 

          จากความประทับใจและความใกล้ชิดกันของทั้งคู่ในวันนั้น ได้ค่อยๆ ก่อตัวเป็นความผูกพัน เติบโตเป็นความรัก และผลิดอกออกผลเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่นและน่ารักจนถึงทุกวันนี้ 

Sweet memory 

          คุณน็อตเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการบอกความรู้สึกครั้งแรกที่พบคุณกวางว่า เจอกันครั้งแรกในกองถ่ายละครเรื่อง ญาติกา แวบๆ แต่ยังไม่ได้คุยกัน ตอนนั้นผมเล่นละครอยู่ช่อง 3 แล้วย้ายมาเล่นช่อง 7 เป็นเรื่องแรก

          ส่วนคุณกวางที่นั่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆ ได้เล่าความรู้สึกในครั้งนั้นว่า ตอนนั้นเราเป็นแฟนเพลงของเขาด้วยและเห็นเล่นละครทางช่อง 3 มาบ้าง ครั้งแรกที่เจอรู้สึกว่าทำไมดูผอมจัง ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ ขรึมๆ ด้วย (หัวเราะ) พูดน้อย คือไม่พูดเลย กวางเล่นละครกับพระเอกหลายคน อย่างน้อยถ่ายรูปก็ต้องมีทักทายพูดคุยบ้าง แต่เขาเฉยมากๆ พอเล่นละครด้วยกัน เขาเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิง ทั้งๆ ที่มีบทเลิฟซีนเยอะมาก เรียบร้อยและตั้งใจทำงาน

          ด้านพระเอกหนุ่มได้เผยความรู้สึกว่า มากองถ่ายแรกๆ ผมยังไม่รู้จักใคร จนกระทั่งผ่านไปสักระยะหนึ่งถึงได้เข้าฉากด้วยกัน และด้วยสถานการณ์ของการทำงานก็ทำให้เราต้องพูดกัน สนิทกัน แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน เพียงทำตามหน้าที่ และความดังของละครที่เล่นคู่กันก็ทำให้มีงานเข้ามาเยอะมาก แฟนๆ ละครก็ลุ้นให้เป็นแฟนกันจริงๆ

ชีวิตคู่กำหนดไมได้ แต่ตั้งเป้าหมายได้

          ก่อนมีครอบครัวคุณกวางมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตว่า เราอยากมีครอบครัวแบบไหน แล้วเราจะได้แบบนั้น ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร แต่ชีวิตคนเรากำหนดไม่ได้เสมอไป อย่างเรื่องชีวิตคู่กำหนดไม่ได้ แต่เราก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุด คุณน็อตเล่าถึงความในใจว่า พอได้คุยกันบ่อยๆ ทำให้รู้ว่าเรามีพื้นฐานครอบครัวคล้ายๆ กัน ความคิดคล้ายๆ กัน เรามาเจอกันตอนไม่ใช่เป็นเด็กวัยรุ่นแล้ว มาเจอกันตอนอายุพอสมควร ต่างคนต่างมีประสบการณ์ชีวิตมาพอสมควร ยิ่งได้คุยกัน อยู่ด้วยกัน ก็ได้เรียนรู้นิสัยและจิตใจกันเยอะขึ้น

          ด้านนางเอกสาวบอกว่า เราก้าวเข้าสู่ความรักแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ คิดว่าถ้าไม่รู้จักคนที่เราอยากจะแต่งงานด้วยจริงๆ ก็ไม่อยากแต่ง คิดว่าผู้หญิงสมัยนี้อยู่ด้วยตัวเองได้ ถ้ามีวุฒิมากพอ มองโลกกว้างขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น โอกาสพลาดก็ย่อมจะน้อยกว่า แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพราะใจมนุษย์เราคงจะไปกำหนดไม่ได้ คิดว่าถ้าตัดสินใจดีแล้ว น่าจะพาชีวิตคู่ของเราไปได้ดี

Love & Learn

          ด้วยวิถีชีวิตและการเลี้ยงดูของทั้งคู่ที่เติบโตมาคนละแบบ คุณน็อตเติบโตและใช้ชีวิตในต่างแดนนานกว่า 10 ปี มีชีวิตอิสรเสรีทั้งแนวความคิดและการดำเนินชีวิต แตกต่างจากครอบครัวของกวางที่คุณพ่อคุณแม่ดูแลใกล้ชิด มีระเบียบวินัย ทำให้ทั้งสองต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน 

          คุณกวางเล่าถึงความทรงจำดีๆ ในช่วงนั้นว่า เราก็เข้าใจนะว่าเขาเติบโตมาแบบนี้ เป็นคนแบบนี้แต่มันอยู่ที่ว่าพอคบกันแล้ว คุยกันแล้ว จะไปด้วยกันได้ไหม จุดมุ่งหมายที่เราจะเดินไปข้างหน้าเป็นเส้นทางเดียวกันไหม มาพบกันคนละครึ่งทาง และต้องไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป แต่นิสัยที่เราประทับใจอีกอย่างคือเวลาคบกันแล้วเขาเป็นคนชัดเจน ไม่โกหก ไม่ออกนอกลู่นอกทาง

          ด้านคุณน็อตที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ ภรรยาคนสวยก็บอกว่า ช่วงนั้นทุกวันจะโทรศัพท์คุยกันตามปกติ เพราะต่างคนต่างถ่ายละคร ไม่ได้ไปไหน เลิกเที่ยวไปโดยปริยาย เพื่อนๆ ก็หายไปเยอะ มีอะไรก็จะเล่าให้เขาฟัง สร้างความเชื่อมั่นให้เขาด้วย

พลังแห่งความรัก 

          เคยมีคำกล่าวว่า ความรักมีพลังชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ เช่นเดียวกับความรักของคุณน็อต ที่สามารถเอาชนะใจตัวเองด้วยการหยุดสูบบุหรี่เพื่อคุณกวางและครอบครัวได้ 

          คุณกวางเล่าเหตุการณ์ประทับใจในครั้งนั้นว่า พอเริ่มคบกัน เขาก็เปิดเผยตัวจริงกันมากขึ้น ได้เห็นเขาชัดเจนขึ้น แรกๆ ที่รู้จักในกองถ่ายละครไม่รู้ว่าเขาสูบบุหรี่ มีอยู่วันหนึ่งเขาเดินสูบบุหรี่ อ้าว! เราก็ถามว่าพี่น็อตสูบบุหรี่ด้วยเหรอ? เขาก็ตอบว่าทำไม ตอนนั้นรู้สึกผิดหวังมากๆ โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ชอบคนสูบบุหรี่ เพราะกวางเป็นคนแพ้ควันบุหรี่ หลังจากนั้นมาก็ตั้งปณิธานไว้ในใจว่าถ้าเขาชอบเราจริงๆ ถ้าเขาไม่เลิกสูบบุหรี่ เราจะไม่แต่งงานกับคนคนนี้หรอก และก็แฝงความห่วงใยให้เขาทำเพื่อตัวเองและลูกด้วย 

          ด้านคุณน็อตเผยว่า ไลฟ์สไตล์บางอย่างของเราสองคนก็ไม่ค่อยเหมือนกัน ถึงแม้พื้นฐานครอบครัวจะเหมือนกันก็ตาม ในช่วงนั้นผมยอมรับว่ายังใช้ชีวิตสนุกสนาน ไปเที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่กับเพื่อนๆ ก็เลยรู้สึกว่าไม่เห็นจะแปลกตรงไหน แต่ตอนหลังเรารู้ว่าเขาไม่ชอบให้เราสูบบุหรี่ด้วยความปรารถนาดี ซึ่งตัวเองก็พยายามเลิกหลายครั้งแล้ว ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เลิกได้


กวาง - น็อต


จังหวะชีวิตที่เลือกเอง

          หลังจากคบหาและดูใจกันมาเกือบ 5 ปี ในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน 

          คุณน็อตเล่าด้วยรอยยิ้มว่า ก่อนแต่งงาน เราได้วางแผนสร้างบ้านไปด้วย ซึ่งเป็นโอกาสดีที่เราได้ศึกษากัน ใกล้ชิดมากขึ้น ก่อนจะก้าวไปสู่อนาคตในชีวิตคู่ว่าคุยกันแล้วจะทะเลาะกันไหม ถ้าทะเลาะแล้วไปด้วยกันไม่ได้เราจะได้ไม่ต้องแต่ง จะได้ไม่ต้องเสียดายเวลาทั้งสองคน ไม่ใช่คิดว่าคบมานานแล้วต้องแต่ง แต่เราต้องพยายาม คิดว่าเดินมาถึงจุดนี้แล้วเราต้องประคับประคองความรักของเราให้ดีที่สุดซึ่งทุกอย่างก็ราบรื่น ทำให้เรารู้สึกว่าสงสัยจะต้องแต่งงานแล้วล่ะ (หัวเราะ)

          ด้านคุณกวางกล่าวเสริมว่า พอแต่งงานแล้วเราวางแผนว่าจะยังไม่มีลูกทันที อยากให้มั่นใจในชีวิตคู่ของเราสองคนก่อน ไม่ใช่พอมีลูกแล้วหย่ากัน เพราะตอนแต่งงานใหม่ๆ ใช้ชีวิตหวานชื่นอยู่แล้ว ไปเที่ยวกันให้สนุก ทำงานหนักเพื่อเก็บเงินให้เยอะๆ เพราะถ้ามีลูกแล้วเราต้องพร้อม เราเป็นพ่อแม่ต้องดูแลอีกชีวิตหนึ่งที่จะเขาจะเกิดมาให้ดีที่สุด หลังจากแต่งงาน 2 ปี เราก็มีน้องเน็ต (ด.ช. เนตต์ เขมะโยธิน วัย 5 ขวบ) และน้องเนย (ด.ญ. เนตรทราย เขมะโยธิน วัย 2 ขวบ 5 เดือน)     

          "พอมีลูก เราคิดว่าอาจจะไม่เล่นละครแล้ว เพราะสถานภาพเปลี่ยนมาเป็นแม่ ซึ่งเราคิดว่าแม่สมัยใหม่ควรเลี้ยงลูกและจะทำงานไปด้วยก็ดี ทำงานอะไรก็ได้ที่มีเวลาให้ลูก แต่งานบันเทิง งานเล่นละคร ทำแล้วไม่สามารถเลี้ยงลูกอ่อนได้ เพราะมันหามรุ่งหามค่ำ ยิ่งได้อ่านหนังสือแล้วรู้ว่า 3 แรกเป็นวัยทองของลูก เราเลยอยากให้เวลาลูกเต็มที่ ตัดสินใจพักงานบันเทิงไปเลย" คุณกวาง ระบุ     

ความสมดุลของครอบครัว

          สำหรับเคล็ดลับในการดูแลความรักให้หวานชื่นและเข้าใจกันตลอดเวลานั้น คุณกวางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า มีอะไรเราก็จะบอกกันตลอดเลย ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างเราเราสองคน มีปัญหาอะไรก็พยายามเคลียร์กันให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต่างคนต่างคิดและโชคดีที่เราทั้งสองไม่ใช่คนขี้งอน ไม่ชอบอะไรที่เผด็จการ ชอบแชร์ความคิด แสดงความความคิดเห็นกัน พี่น็อตก็เป็นคนช่างสังเกตด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติเขาก็จะถามทันที หรือถ้ากวางมีอะไรที่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แต่เขาไม่พูด เราก็จะถามเลย คุยกันเพื่อหาจุดจบในปัญหา ทุกอย่างจึงลงตัวพอดี

          คุณน็อตเล่าว่า เวลาอยู่ด้วยส่วนใหญ่กวางจะเป็นคนคุย ผมก็จะเป็นคนฟัง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่พูดมาก แต่ไม่ใช่เฉยจนไม่ทำอะไร เราก็ต้องคิดว่าถ้าเรื่องไหนสำคัญก็จะแสดงความคิดเห็น หรือคัดค้าน แต่ถ้าเป็นอะไรเล็กๆ น้อยก็จะไม่ค่อยพูด

ความซื่อสัตย์ = ความรักยั่งยืน

          คุณกวางยังย้ำอีกด้วยว่า ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ชีวิตคู่ยั่งยืนและมั่นคง ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่สำคัญของคนรักกัน ถ้าเรารักเขา รักก็ต้องซื่อสัตย์กับเขา ชีวิตคู่จะเดินไปตลอดรอดฝั่งได้ คนสองคนต้องช่วยกัน คนเดียวทำไม่ได้ ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่ทำ มันก็มีโอกาสพัง ต่อให้อีกคนทำให้ตายก็จะมีวันเหนื่อยล้าเช่นกัน

          ด้านคุณพ่อลูกสองได้บอกว่า ยึดหลักความเป็นธรรมชาติมากที่สุด บางคนอาจคิดว่าถ้าเปิดเผยตัวจริงกันแล้ว อาจจะทะเลาะกันอยู่ด้วยกันไม่ได้ตั้งแต่ต้นแล้ว ก็ไม่ควรจะอยู่ด้วยกัน รู้จักเสียสละ มีอะไรคุยกัน หันหน้าเขาหากัน ยอมรับความจริง ไม่เห็นแก่ตัว เพราะถ้าเราไม่เห็นแก่ตัว เราจะฟังคนอื่นได้ แล้วเราก็คบกันตรงกลาง ใจเขาใจเรา ชีวิตคู่ไปด้วยกันรอดแน่นอน แต่ถ้าใครทิฐิสูง เอาแต่ใจตัวเอง สุดท้ายชีวิตคู่ก็พัง ที่สำคัญต้องให้เกียรติกันในทุกๆ เรื่อง แล้วครอบครัวเราก็จะมีความสุข

          "เป็นธรรมชาติ ตรงไปตรงมานี่แหละค่ะ ทำให้คนเรามีความสุขที่สุดแล้ว" คุณกวาง ทิ้งท้าย


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทุกย่างก้าวแห่งความรัก ครอบครัวเขมะโยธิน โพสต์เมื่อ 20 สิงหาคม 2551 เวลา 17:45:32 31,297 อ่าน
TOP