ถูกหวย...รูปธรรมที่ใครๆก็ต้องการ โดยเฉพาะอุปนิสัยและสังคมของชาวไทยเกือบทั่วประเทศชอบเกมการพนัน ประเภทนี้มาก จนรัฐบาลต้องสนองด้วยการเปิดออนไลน์ให้ในเดือนหน้า
และ...ด้วยความปรารถนาที่อยากจะรวย (เพราะถูกหวย) เมื่อมีข่าวว่าที่ไหนมีเลขเด็ด หรือบันดาลโชคลาภบนเส้นทางนี้ ก็จะพากันแห่ไปอย่างไม่คิดถึงความเหนื่อยยาก...
....ไม่ว่าจะ ใช้นิ้วมือขัดถู (เปลือกไม้) หรือ กราบ ไหว้ (จอมปลวก เนินดิน หรืออื่นใดที่ผิดธรรมชาติ) ก็ไม่ขวยเขิน.....เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
อย่างที่ ศาลเจ้าพ่อเสือ บริเวณสี่แยกถนนรามอินทรา ซอย 5 ตัดกับพหลโยธิน 48 พอ ใกล้วันที่หวยจะพากันแห่ไปจุดเทียนธูปกราบไหว้ขอโชคลาภ เลขเด็ดกันจนแทบจะเรียกว่าเป็นมหกรรม...
...ส่วนจะขลังแค่ไหนนั้นก็จะ มีรูปปั้นตัวเสือมาแก้บนวางเรียงรายกันตาม 2 ข้างถนนยาวยืด ...แถมยังมีหนังมาฉายกันที่ท้ายตลาดบ่อยครั้งเป็นการการันตี
ณ สถานที่ตั้งศาลแห่งนี้เป็นจุดแบ่งแขวงถึง 3 แห่งของเขตบางเขน คือ แขวงอนุสาวรีย์ คลองถนน และ ท่าแร้ง ในอดีตชาวบ้านเรียกตรงนี้ว่า สี่แยกโรงปุ๋ย...แต่ต่อมาเป็นที่รู้กันว่าคือ สี่แยกเจ้าพ่อเสือ โดยมีสัญลักษณ์คือรูปปั้นเสือวางกันเป็นแถวเป็นแนว
เหนือฟ้า ใต้บาดาล.....ได้รับสื่อสารข่าวลือเรื่อง นี้มาจนหูแทบอื้อ จึงไปพิสูจน์แรงศรัทธาของบรรดานักเสี่ยงโชค(เผื่องวดนี้จะแจ็กพอต) เพลานั้น แม้ยังเช้าผู้คนก็พากันมาจุดธูปกราบไหว้ที่หน้าศาลเจ้าพ่อเสือกันอย่างหนาตา
แล้ว.....ก็ได้พบกับ ป้ากัลยา คงสมบุญ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147/1 อนันต์สุขสันต์ 8 หมู่ 1 แขวงท่าแร้ง มาให้บริการดอกไม้ธูปเทียน
....กับ ป้ากงใจ เชิดชูพงค์ อายุ 63 ปี อยู่บ้าน เลขที่ 49/7 หมู่บ้านไปรษณีย์ หมู่ 4 แขวงอนุสาวรีย์ นั่งร้อยมาลัยดอกดาวเรืองอยู่... จึงทักทายถามไถ่ถึงความเป็นมา
ซึ่ง... ป้ากัลยา บอกเป็นการเริ่มต้นว่า ด้วยศรัทธาจึงปวารณาตนมาช่วยงานที่ศาลแห่งนี้ และมาทุกวันหากวันไหนไม่ว่างหรือติดธุระป้ากงใจก็จะมาแทน หรือ หากไม่มีใครติดธุระก็จะมากันทั้งคู่
เหตุที่ ป้ากัลยา เลื่อมใสจน ยอมถวายตัวอุทิศตนเป็นคนรับใช้เจ้าพ่อ เสือ ด้วยว่าครั้งหนึ่งเมื่อ 10 ปีมาแล้ว มีปัญหาเกี่ยวกับข้าวของคนใกล้ชิดหาย แล้วกล่าว โทษว่าลูก(บุญธรรม)ของป้ากัลยาเป็นขโมย
ด้วยฐานะที่นั่งระหว่างกลาง ผู้กล่าวหาก็นับถือ ผู้ถูกกล่าวหาก็รับ จึงสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจมาก และก็หาทางออกไม่ได้ ที่พึ่งสุดท้ายคือเข้าหาเจ้าพ่อเสือแล้วก็จุดธูปบอกว่าขอให้ทุกอย่างคลี่คลายภายใน 3 วัน...
....แล้วก็เป็นไปด้วยดี ภายใน 3 วัน เจ้าหน้าที่ ตำรวจจับขโมยตัวจริงได้ สามารถนำของที่หายมาคืนได้ เหตุการณ์ต่างๆก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ผู้กล่าวหากับผู้ถูกใส่ร้ายกลับมาคืนดีอย่างเดิม...
เมื่อความสันติสุขกลับคืนมาจึงศรัทธาเลื่อมใส จากนั้นก็มาปฏิบัติตนดูแลศาลแห่งนี้ตั้งแต่ บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้
แล้ว ป้ากัลยา เล่าถึงความเป็นมาว่า...สถานที่แห่งนี้ที่ดินเป็นของกทม. ใช้เก็บซากรถที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเชื่อกันว่าบางคันวิญญาณได้ติดตามมาด้วย (ในอดีตมีคนเคยพบวิญญาณมานั่งร้องไห้ในซากรถ) และด้วยในอดีตบริเวณตรงนี้เป็นทางเปลี่ยว ที่ตัดกันผู้คนขับยานพาหนะไปมาขาดความระมัดระวังจึงเกิดอุบัติเหตุรถชนกันบ่อยครั้ง และมีการเสียชีวิตไปหลายราย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งเป็น ร่างทรงของปู่พรหมอยู่ในซอยเสือเอก จึงได้ตั้งศาลด้วยไม้แบบง่ายๆขึ้น ห่างจากบริเวณศาลปัจจุบัน นี้ราวๆ 2 เสาไฟฟ้า...เป็นศาลแรกโดยไม่มีชื่ออะไร
ต่อมาชาวบ้านเห็นว่าตรงบริเวณสี่แยกนั้นเป็นจุดชุมชนที่ขึ้นลงรถ จึงได้สร้างที่พักและตั้งศาลขึ้นจึงได้ย้ายจากที่เดิมมา และในช่วงที่ขุดนั้น พบหุ่นเสือทำด้วยพลาสติก 2 ตัว จากนั้นจึงเรียกศาลนี้ว่า...เจ้าพ่อเสือ
แล้ว ศาลเจ้าพ่อเสือก็สร้างปาฏิหาริย์...ช่วงนั้น ชายคนหนึ่งเสียการพนันฟุตบอล แล้วพบกับทางตันไม่มีเงินจะใช้หนี้ จึงได้ไปขอเจ้าพ่อเสือให้ช่วยปลดเปลื้องด้วย จะว่าบังเอิญหรือฟลุคไม่มีใครฟันธง
เมื่อในนัดต่อจากนั้น ชายคนเดียวกันนี้ก็ชนะในเกมพนันได้เงินล้างหนี้ และเหลือไว้อีก ส่วนหนึ่งไว้เป็นกำไร...เขาจึงแก้บนด้วยการนำศาลเจ้าอันใหม่มาตั้งให้ จากนั้นข่าวก็ฮือฮาเป็นไฟลามทุ่ง
ดร.สมิท (ไม่ทราบนามสกุล) นักการกุศลท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงว่า ชอบบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนต่างๆ ได้บริจาคเงินให้ 30,000 บาท เป็นทุนก้อนแรกในการสร้างศาล
แต่ทุนก้อนแรกไม่พอ อาจารย์บุษกร กับ นางอรวรรณ อุ่มกุศลภัคดี เลยสานงานต่อจนกระทั่งเป็นเรือนหลังใหญ่ดั่งที่เห็นในปัจจุบัน
ศาลเจ้าพ่อที่ใหญ่โตได้สร้างความขลัง กระแสข่าวเจ้าพ่อเสือก็ยิ่งกระพือไปไกล และมีผู้ถูกหวยด้วยได้โชคจากเจ้าพ่อเสือติดต่อกันมาหลายงวดหลายราย อย่างต่อเนื่อง แม้ทุกวันนี้ก็ยังมีข่าวแพลมออกมาบ้างเป็นระยะ
จากนั้นก็มีข่าวต่างๆเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อเสือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเกี่ยวกับการสอบเข้าทำงานและเข้าเรียนในด้านการทหาร.... ซึ่งชาวบ้านเชื่อมั่นว่าใครอยากจะสอบติดมาบนบานที่นี่แล้วไม่พลาด...
ป้ากัลยา เล่าทิ้งท้ายว่า...ในการแก้บนนั้นไม่รู้ว่าเขาไปตกลงกับเจ้าพ่อเสือว่าอย่างไร มีทั้งภาพยนตร์เป็นการรื่นเริง มีทั้งเอาหุ่นรูปเสือมาวางไว้ หรือเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆหลายรูปแบบ
และที่ น่าสยองคือเอาเนื้อสดๆ เลือดหยดติ๋งๆ มาวางไว้ที่หน้าศาล....
แต่ก็ดีไปอย่างหนึ่งมันคือเนื้อวัวเนื้อหมูที่ฆ่ามาจากโรงฆ่าสัตว์ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เป็นเนื้อคน ที่โดนอุบัติเหตุเอาชีวิตสังเวยสี่แยกแห่งนี้กันแทบทุกปี...!!!
บทความโดย ก้อง กังฟู
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
