นายณฐกร แก้วดี ประธานสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่าขอเตือนพนักงานรัฐวิสาหกิจที่อาจหยุดงานเพื่อกดดันรัฐบาลว่า อาจเป็นการทำให้เกิดความเดือดร้อนได้และอาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 2543 มาตรา 33 ที่ห้ามพนักงาน รัฐวิสาหกิจและลูกจ้างหยุดงาน ซึ่งหมายถึงการเฉื่อย การถ่วงงาน และทำให้งานได้รับผลกระทบ โดยมีโทษอาญา จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นายณฐกร กล่าวต่อว่า ส่วนพนักงานที่ยุยงปลุกปั่นนั้น ต้องมีโทษ 2 เท่า เป็นจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท และมีผลถึงขั้นให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน ตามพ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐาน สำหรับพนักงานและกรรมการรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550 ที่ให้พนักงานรัฐวิสาหกิจ พ้นจากสภาพการเป็นการจ้างงาน แม้จะมีโทษในกรณีที่จำคุก หรือรอลงอาญา รัฐวิสาหกิจก็ให้พ้นสภาพเช่นกัน
"ขอเตือนพนักงานที่ไม่ทราบข้อกฎหมายว่า การหยุดงานแล้วมีผลกระทบต่องาน สร้างความเดือดร้อน ก็จะมีความผิด หากดูแล้วเป็นลางานตามที่มีผู้ยุยงปลุกปั่น หรือใช้สิทธิโดยสุจริต หรือไม่ก็ตาม ซึ่งมีโทษถึงให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานก็ขอให้คิดให้รอบคอบและคำนึงถึงความ เดือดร้อนของประชาชนด้วย" นายณฐกร กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
