หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บนถนนราชดำเนิน ช่วงระหว่างแยก จปร.ไปจนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 2 กันยายน ทำให้เกิดความเสียหายให้แก่บ้านเรือนและทรัพย์สิน ของประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในย่านดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังทำลายขวัญและกำลังใจของประชาชนในย่านนั้นเป็นอย่างยิ่ง
ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ลงสำรวจพื้นที่ปะทะของกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่ม นปช. ตั้งแต่เช้าวันที่ 2 กันยายน พบว่าบ้านเรือนของประชาชนและหน่วยงานราชการสองข้างถนนราชดำเนินปิดเงียบ แม้ว่าพนักงานทำความสะอาดของกรุงเทพมหานครจะเข้าทำความสะอาดพื้นที่ตั้งแต่ ก่อนฟ้าสางไปแล้ว ก็ยังทิ้งร่องรอยของความรุนแรงเอาไว้
อย่างเช่นที่หน้าร้านลิขิตไก่ย่าง ร้านจำหน่ายไก่เจ้าเก่าแก่และชื่อดัง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามมวยราชดำเนิน ข้าวของรวมทั้งโต๊ะเก้าอี้ และกระถางต้นไม้หน้าร้านยังล้มระเนระนาด พนักงานในร้านต้องช่วยกันทำความสะอาดและเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้เข้า ที่เข้าทางเพื่อค้าขายตามปกติ แต่ตลอดทั้งวันแทบไม่มีลูกค้าเข้าร้านเหมือนเช่นปกติ
นางสิริวรรณ ปัณทรุเลิศ เจ้าของร้านลิขิตไก่ย่าง กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุปะทะกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายต่างหยิบฉวยโต๊ะเก้าอี้ที่วางอยู่ หน้าร้านใช้เป็นอาวุธไล่ตีกัน จนข้าวของที่หน้าร้านเสียหายไปทั้งหมด โชคดีที่กระจกหรือตัวอาคารไม่เสียหาย ไม่เช่นนั้นความเสียหายคงรุนแรงมากกว่านี้
"ความเสียหายที่เกิดขึ้นเทียบไม่ได้กับรายได้ที่หายไป ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม เป็นต้นมา หลังจากกลุ่มพันธมิตรบุกยึดทำเนียบ ทำให้ลูกค้าแทบไม่เข้าร้าน เพราะเขากลัว ไม่อยากเดินทางมาที่ถนนราชดำเนิน แต่ละวันพนักงานแทบไม่ได้ทำงาน จะพูดว่านั่งตบยุงก็ว่าได้" นางสิริวรรณกล่าว
นาง สิริวรรณบอกด้วยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกัน ได้กำชับให้พนักงานในร้านติดตามข่าวสารที่รายงานผ่านสถานีโทรทัศน์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวันเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ หากเกิดความรุนแรงขึ้นมาอีกก็ให้พนักงานปิดประตูร้าน และห้ามออกจากร้านอย่างเด็ดขาดเพราะเกรงจะได้รับอันตราย
"ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหยุดกันเสียที ประเทศวุ่นวายมากแล้ว เศรษฐกิจแย่ ค้าขายฝืดเคือง ไม่รู้จะทำมาหากินอะไรกันแล้ว อยากให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงเสียทีแล้วลองหันหน้าคุยกันอย่างปัญญาชนเชื่อ ว่าน่าจะได้ทางออกที่ดีกว่า" นางสิริวรรณกล่าว
นอกจากร้านลิขิตไก่ย่างแล้ว ภายในชุมชนหลังวัดโสมนัส ซอยเพนียง ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน เป็นพื้นที่ปะทะระหว่างกลุ่มพันธมิตรและ นปช.ค่อนข้างรุนแรงอีกจุดหนึ่ง ยังคงทิ้งร่องรอยของความเสียหายไว้เช่นกัน โดยตลอดสองข้างทางบ้านเรือนของประชาชนที่มีอยู่กว่าร้อยคูหา ตลอดช่วงเช้าแทบไม่มีบ้านเรือนหลังใดเปิดประตูหน้าต่าง กระทั่งช่วงบ่ายจึงเริ่มมีประชาชนเปิดประตูบ้านออกมาจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา
เจ๊ สุวรรณ เจ้าของร้านอาหารตามสั่งในซอยเพนียง บอกว่า ยังหวั่นวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่กล้าออกจากบ้านเกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเห็นชายฉกรรจ์ที่คาดผ้าสีเหลืองทุบตีกับฝ่ายที่คาด ผ้าสีแดงกันอย่างดุเดือด ขณะเกิดเหตุกลัวจะโดนลูกหลงต้องแอบอยู่บนชั้นสองของตัวบ้านเพื่อคอยสังเกตการณ์
"ฉันจัดเตรียมสัมภาระไว้แล้ว หากเหตุการณ์ยังคงทวีความรุนแรง หรือเกิดเหตุบานปลายมากกว่านี้ฉันคงไม่อยู่ต่อ คงพาสมาชิกในบ้านรวม 4 คน กลับ จ.นครปฐม เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย" เจ๊สุวรรณกล่าว
ส่วนที่ร้านอาหาร "จันทร์แจ่มศรี" ซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงก็ได้รับความเสียหายไม่แพ้กัน พนักงานในร้านต้องช่วยกันเก็บกวาดข้าวของหน้าร้านที่กระจัดกระจาย
"ฉันกลัวจะมีใครบุกเข้ามาในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร อีกใจก็ห่วงลูกที่เป็นตำรวจอยู่ สน.นางเลิ้ง ซึ่งเข้าเวรดูแลความเรียบร้อยม็อบ อยากให้เหตุการณ์ต่างๆ ยุติเสียที" เจ้าของร้านจันทร์แจ่มศรีกล่าว
ส่วนรถยนต์ที่จอดไว้ริมถนนราชดำเนินซึ่งได้รับความเสียหายจาก เหตุการณ์การปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับ นปช.นั้น ได้มีการย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้ว เช่นเดียวกับคราบเลือด เศษกระจกที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ปะทะ พนักงานความสะอาดได้ทำความสะอาดแล้ว ส่วนถนนราชดำเนินตั้งแต่แยก จปร.จนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ แม้จะเปิดการจราจรตามปกติแต่ก็แทบจะไม่มีรถยนต์สัญจรผ่าน มีเพียงกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่ไม่ขาดระยะ โดยมีการ์ดของกลุ่มพันธมิตรรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
