พรรคร่วมแถลงข่าวร่ายยาว ยอมรับสมชายเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อวานนี้ (16 กันยายน) เวลาประมาณ 20.25 น. ที่โรงแรมเจดับบิวมาริออท กรุงเทพฯ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นางอุไรวรรณ เทียนทอง แกนนำพรรคประชาราช และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนการเสนอให้นายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ การแถลงข่าวเริ่มต้นโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนขอแจ้งว่า พรรคพลังประชาชนมีมติจะเสนอชื่อ "นายสมชาย" เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแก่หัวหน้าพรรคและผู้บริหารของพรรคทั้ง 5 พรรค ซึ่งทุกท่านได้เห็นชอบและพร้อมจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ต่อมานายสมชาย กล่าวว่า ทั้ง 6 พรรคนี้ เคยร่วมรัฐบาลกันมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยเป็นการดำเนินการโดยราบรื่นและประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่เนื่องจากมีความจำเป็นโดยที่อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นจากตำแหน่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและคณะรัฐบาลต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาการ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่พรรคพลังประชาชนได้รับการเลือกตั้งเป็นเสียงจำนวนมากที่สุด และได้รับเกียรติจากทั้ง 5 พรรคในการให้เสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตนก็ต้องขอขอบคุณที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชาชนได้เห็นชอบที่จะให้ตนได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้าไปขอความเห็นชอบจาก ส.ส. ในสภาฯ ในวันที่ 17 กันยายน และต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคและ ส.ส. ทุกพรรคทั้ง 5 พรรคที่ได้ยืนยันจะให้การสนับสนุน
รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า ตน นพ.สุรพงษ์ และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ร่วมกันเป็นตัวแทนพรรคพลังประชาชนในการขอเรียนเชิญทั้ง 5 พรรคเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันอย่างเช่นที่เคยปฏิบัติมา และขณะนี้ก็ได้รับความอนุเคราะห์ ความร่วมมือจากทั้ง 5 พรรคด้วยดีในการยืนยันร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ซึ่งหวังว่าการดำเนินการต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ คงจะประสบความสำเร็จด้วยดีและคิดว่า การดำเนินการต่อไปนี้ อะไรที่ขาดตกบกพร่องในรัฐบาลชุดก่อน ที่เป็นพรรคการเมืองเดียวกันนี้ คงจะได้นำมาปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งนโยบายต่างๆ ที่ดำเนินการมาโดยจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ระเบียบราชการต่างๆ ก็คงจะได้รับการปรับปรุง
นายสมชาย กล่าวต่อว่า โชคดีที่พรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคที่มาร่วมกับพรรคพลังประชาชนนั้น ล้วนแต่มีหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคที่มีอาวุโสทางการเมือง และมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงทั้งสิ้น จึงมั่นใจว่าจากการที่มีบุคลากรทรงคุณค่าเช่นนี้ คงจะได้ช่วยกันดูแลและให้คำแนะนำแก่รัฐบาล ในการที่จะดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินในเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในการจะดำเนินการอย่างไรเพื่อพัฒนาชาติบ้านเมืองและประชาชน ไม่ใช่เป้าหมายที่ผู้ใดจะเป็นรัฐมนตรีหรือดำรงตำแหน่งใดๆ
รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวอีกว่า คิดว่าในวันนี้ คงเป็นที่ยืนยันแน่นอนว่า 6 พรรคจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและจะมีการให้ความเห็นชอบผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็คงดำเนินกิจกรรมต่อไป
เมื่อถูกถามว่า ถ้าเป็นรัฐบาลขึ้นมาจะมีนโยบายอย่างไรในการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย และคิดว่ากล้าหาญพอจะยกเลิกหนังสือเดินทางทางการทูต (พาสปอร์ต) แดงของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เบื้องต้นเรียนว่า ขณะนี้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีก็คิดว่า รัฐบาลไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อปกป้องผู้ใดผู้หนึ่ง เราจะมีนโยบายร่วมกันในการปกป้องดูแลประชาชน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องส่วนบุคคล และมีกระบวนการยุติธรรมดำเนินการอยู่ โดยทุกอย่างเห็นว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของกระบวนการนั้น รัฐบาลเองมีเป้าหมาย คือสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปโดยตามกฎหมาย ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ด้านนายบรรหาร กล่าวถึงคำถาม ณ ขณะนี้ ทั้ง 5 พรรคเห็นชอบที่จะให้นายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีว่า โดยเฉพาะพรรคชาติไทยมีจุดยืนมา 30 กว่าปีแล้ว ที่หลังการเลือกตั้งถ้าพรรคใดมีเสียงข้างมากก็เปิดโอกาสให้พรรคนั้นจัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้พรรคที่ 2 ก็จัดตั้งรัฐบาลต่อไป โดยเป็นหลักการที่ยึดถือว่า อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 พรรคพลังประชาชนมีเสียงมากก็ยอมให้จัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคชาติไทยเข้าร่วม แต่คราวนี้ เมื่อนายสมัครต้อนพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชาชนมาขอร้องพรรคร่วมรัฐบาลและมีพรรคชาติไทยอยู่ด้วยเราก็ยังยืนยันในจุดยืนเดิม ว่าเมื่อ ส.ส. มากถึงสองร้อยกว่าก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลและเสนอนายกรัฐมนตรี
"ดังนั้น ในวันที่ไปเชิญพรรคชาติไทยที่พรรคชาติไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ก็บอกไปว่า ขอฝากทางพรรคพลังประชาชนเอาไว้ว่า จะเลือกสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งในพรรคเองก็มีบุคลากรหลายคนหลายท่าน ขอให้พยายามดูคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำรัฐบาลต่อไปในอนาคต ต้องเป็นผู้ที่มีความอ่อนโดย มีอัธยาศัยดีเข้ากับทุกฝ่าย แก้ปัญหาความขัดแย้ง สร้างความสมานฉันท์คนในชาติ เพราะในขณะนี้สังคมบางส่วนมีความแตกแยก มีความเห็นไปคนละทิศคนละทางด้วยกัน แต่ถ้าได้ผู้นำอย่างที่ว่าไว้ก็จะเกิดผลดีต่อส่วนรวม เกิดผลดีต่อประเทศชาติ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ วันนี้จะไม่ก้าวก่าย" หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าว และว่า บังเอิญวันนี้ พรรคพลังประชาชนมาบอกว่า พรรคพลังประชาชนมีมติแล้วที่จะเสนอชื่อนายสมชาย พรรคชาติไทยก็ไม่ขัดข้องในตัวนายสมชาย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก