สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และ มติชนออนไลน์
ความคืบหน้าหลังจาก นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำตัวนายธีระชัย หรือ อู๊ด มูลรัตน์ อายุ 28 ปี นายวิชาญ หรือ โด้ ปะกิระนันท์ อายุ 34 ปี และนายรุ่งโรจน์ หรือตี๋ ตันศิริ ที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับการถ่ายคลิปวีดิโอฉาว "โฟร์ - มด" 2 นักร้องสาวขวัญใจวัยรุ่น ขณะอาบน้ำในห้องพัก โรงแรมรื่นรมย์ อ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2550 ไปมอบให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.) ดำเนินการนั้น
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (25 กันยายน) พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ปดส.กล่าวว่า จะขอแถลงเป็นครั้งสุดท้าย อยากให้ประชาชนที่สนใจคดีนี้ทราบว่า คดีนี้ไอ้โม่งคือใคร ผู้ที่มามอบตัว เป็นผู้กระทำความผิดใช่หรือไม่ การสอบสวนที่ผ่านมาคือการรวบรวมหลักฐาน เอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่จากการสอบปากคำพยานทั้งหมด รวมไปถึงเจ้าของโรงแรม มีข้อสังเกตดังนี้
1. จากการสอบปากคำผู้แอบอ้างเป็นผู้กระทำความผิดให้การไม่สอดคล้องกัน
2. คำให้การของผู้รับสมอ้างกระทำผิด พยายามให้ร้ายตนเองผิดวิสัยผู้ต้องหาทั่วไป เมื่อสอบถามถึงพยานหลักฐานที่ให้ร้ายตนเอง ก็ไม่ยืนยันหรือนำมาแสดงได้
3. เรื่องความสม่ำเสมอ หมายความว่าคนเราโดยวิสัย ขณะเกิดเหตุนายธีระชัย ใช้โทรศัพท์ ยี่ห้อโนเกีย รุ่น N72 ราคาประมาณ 14,000 - 15,000 บาท แต่ขณะนี้กลับใช้โทรศัพท์ มือถือ ยี่ห้อโนเกีย รุ่น 3310 หรือ 3315 ซึ่งมีราคาห้าร้อยถึงพันบาท หลังอ้างว่าได้ทำหายไปแล้ว และเมื่อถามผู้ที่มีความรู้ทางเทคนิค โทรศัพท์โนเกีย รุ่น N72 ไม่น่าจะมีความละเอียดพอที่จะใช้ถ่ายคลิปดังกล่าวได้
4. ขณะสอบปากคำนายธิติ พูนนิติพร เจ้าของโรงแรม ถึงเรื่องความเกี่ยวพันกับนายธีระชัย แต่ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่ง เรียกให้ไปคุยนอกห้องประมาณ 5 นาที เมื่อเสร็จแล้วกลับมาพบพนักงานสอบสวน อ้างว่า เครียดและมีอาการป่วย ไม่ขอให้การต่อ
5. คำให้การของผู้อ้างเป็นผู้ทำความผิด มีข้อเคลือบแคลงสงสัยหลายประเด็น อาจต้องนำเข้าสู่กระบวนการเข้าเครื่องจับเท็จ
6. ต้องมีการพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี โดยจะนำโทรศัพท์โนเกีย รุ่น N72 ที่ใช้ในการกระทำความผิด ไปตรวจสอบทางเทคนิคด้านประสิทธิภาพว่า ใช้ถ่ายได้ตามเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้มากน้อยเพียงใด เพื่อเปรียบเทียบกับคลิปวีดีโอดังกล่าว
7. จะตรวจสอบประวัติเบื้องหน้าเบื้องหลังของผู้สมอ้างกระทำความผิดทั้ง 3 คนโดยละเอียด
8. เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา บริษัทอาร์เอสฯ ได้เข้ามาแจ้งความกับตำรวจ ปดส. แต่คืนนั้นเองนายวิชาญ หรือโด้ ปะกิระนันท์ พ่อครัวของโรงแรม ได้ถูกอุ้มตัวไปจากโรงแรม โดยภรรยา ไม่ทราบว่าหายไปไหน จนช่วงบ่ายของวันที่ 24 กันยายน จึงเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เป็นข้อสงสัยว่า หากจะเข้ามอบตัวสู้คดีหรือไปหามูลนิธิปวีณาฯ ควรจะบอกกับภรรยาเสียก่อน แต่พอช่วงเย็นกลับมาเห็นสามีออกรายการโทรทัศน์ ตรงนี้ทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง
ทั้งนี้ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ เผยต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งที่ทางมูลนิธิปวีณาฯ จะมาแจ้งความช่วยเหลือเด็กเยาวชนหรือสตรีครั้งใด จะต้องพาผู้เสียหายมาด้วยเพื่อให้ทาง ปดส.สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด แต่คดีนี้ทางมูลนิธิปวีณาฯ กลับพาผู้กระทำความผิดไปดำเนินการเอง ส่วนการสอบปากคำผู้กระทำความผิดทั้ง 3 คน สรุปตามที่ทั้งหมดอ้างว่าได้ร่วมกระทำความผิดนั้น ตำรวจยังไม่สามารถแจ้งข้อหาได้ แต่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวการที่แท้จริง จากเดิมที่บอกว่ามี 5 คน อาจมีแค่เพียง 1 - 2 คน เท่านั้นที่รู้เห็นจริงๆ และผู้กระทำความผิดที่แท้จริงไม่ใช่ทั้ง 5 คนนี้ นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 - 5 ประเด็นที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้
"ผมถามนิดว่า เมื่ออุ้มนายโด้มาแล้ว ทำไมไม่แจ้งปดส.เก็บตัวไว้ 3 วัน ไม่สังเกตกันหรือว่า ถ้านายโด้ สำนึกผิดแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกให้ภรรยาทราบจนต้องไปแจ้งความคนหาย ผมฟันธงได้เลยว่า เรื่องนี้เป็นการจัดฉาก แม้ว่าสิ้นเดือนกันยายนนี้ ผมจะต้องย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.อ่างทอง แต่พนักงานสอบสวน ปดส. จะยังเดินหน้าทำคดีนี้ต่อไป เพื่อให้เกิดความกระจ่าง" พล.ต.ต.วิสุทธิ์กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก