x close

ชูวิทย์ รับชก วิศาล จริง ลั่น!ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้

ชูวิทย์,วิศาล



          "ชูวิทย์" เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ปล่อยหมัดต่อยใส่พิธีกรชื่อดัง "วิศาล ดิลกวณิช" หลังจบข่าว "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" ฉุนถูกด่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ขณะที่ วิศาล อัดชูวิทย์มีอารมณ์ร้อนมาก่อนแล้ว ด้านกกต. บอกไม่กระทบเลือกตั้ง ด้านชาวเน็ตตั้งกระทู้ด่าไฟแล่บ ตำหนิทั้งสองฝ่าย 

          วันนี้ (2 ตุลาคม) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 8 ได้ก่อเหตุชกต่อยนายวิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ภายหลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ โดยล่าสุด นายวิศาลได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อแล้ว  

          ทั้งนี้นายวิศาล ดิลกวณิช ให้สัมภาษณ์ผ่านช่องเนชั่น เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ผมนัดคุณชูวิทย์ มาสัมภาษณ์นโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ก่อนหน้านี้ก็สัมภาษณ์ทุกคนทั้งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน, นายประภัสร์ จงสงวน, นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) และคิวนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็นัดวันนี้ และก่อนสัมภาษณ์ก็เจอนายชูวิทย์ ก่อนขึ้นรายการประมาณ 20-30 นาที ตนก็ถามว่านโยบายที่จะพรีเซนต์ (นำเสนอ) ประชาชนมีเรื่องอะไรบ้าง คือถ้าพูดแล้วเวลามันมีแค่ 45 นาที ให้ชาวบ้านฟังจะมีประโยชน์มากที่สุด มีเรื่องปากท้อง จราจรอะไรก็ว่ามา นโยบายเด่นๆ คืออะไร"

         
 
"คุณชูวิทย์ตั้งแต่ยังไม่เข้ารายการก็ตอบแบบค่อนข้างมีอารมณ์บอกว่า ผมไม่พูดนโยบาย ใครๆ มันก็พูดนโยบาย ตัวเค้าจะพูดเรื่องการตรวจสอบว่าทำไม 4 ปี การจราจร บีอาร์ทียังไม่เสร็จ เรื่องโรงเชิดสัตว์ทำไมยังไม่เรียบร้อย เราก็โอเคไม่เป็นไร เดี๋ยวจะถามประมาณนี้ แต่คุณชูวิทย์ก่อนเข้ารายการเค้าก็อารมณ์เลือดร้อนมาก่อนแล้ว ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไปเอาอารมณ์ร้อนนี้มาจากไหน จากหาเสียงหรือไม่ แต่สภาพเค้าร้อนมาก่อนแล้ว"

          นายวิศาล กล่าวต่อว่า ทีนี้พอก่อนเข้ารายการตนก็ถามเค้าว่า ป้ายหาเสียงที่เป็นรูปส่องกล้องทางไกลแล้วหน้านิ่วคิ้วขมวด พอมาตอนหลังเป็นภาพแบบกอดอกยืนอย่างสุขุม ตนก็เลยถามว่า ทำไมภาพมันเปลี่ยนไป ทำไมเป็นอย่างนี้ แกก็บอกว่า อ๋อต้องปรับภาพลักษณ์ มาสู้กับคุณอภิรักษ์ ก็ประมาณนี้ ก็ไม่มีอะไร

         
 
"สักพักก็เข้ารายการผมก็ถามเลยว่า เมื่อเช้าคุณชูวิทย์ ไปยื่น ป.ป.ช. สอบคุณอภิรักษ์ ไปยื่นทำไม เป้าหมายเพื่ออะไร ทำไมก่อนหน้านี้ไม่สมัครผู้ว่าฯ กทม. ทำไมไม่ยื่น ทำไมมายื่นตอนนี้ เค้าก็ตอบว่าผมไปยื่นก็เพราะว่าถ้าก่อนหน้านี้ไปยื่นก็ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้ผมไปสมัครผมก็ไปยื่น จากนั้นเค้าก็ตอบหลายเรื่อง แต่เวลาที่เค้าตอบเค้ามักใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ฟังไม่ค่อยออก ฟังไม่ค่อยทัน และคำพูดเนี่ยยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าประเด็นว่าจะให้อะไรกับประชาชน ผมก็พยายามจะสโคปลงมาว่า นโยบายที่จะถาม จะให้ประชาชนน่ะ คืออะไร ถ้าใครได้ดูรายการจะรู้ว่า ปากท้องเป็นไง คือ แกก็จะพยายามย้อนกวนประสาทผม คือแทนที่แกจะตอบนโยบายเหมือนผู้สมัครรายอื่น จะทำอะไรให้ประชาชนเรื่องปากท้องหรือการจราจรก็บอกมา แต่แกก็พยายามดิสเครดิตผมเวลาออกอากาศ"

          เมื่อถามว่าแต่ได้ถามเรื่องนโยบายด้วยใช่หรือไม่ นายวิศาล กล่าวว่า ครับได้ถาม คือพอถึงเวลาเข้ารายการตนก็บอกว่า วันนี้คุณชูวิทย์บอกจะไม่พูดเรื่องนโยบายแต่จะพูดเรื่องตรวจสอบ แต่คุณชูวิทย์ก็มาบอกว่า ผมจะพูดเรื่องนโยบาย แกก็เปลี่ยนอีก ตนก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นนโยบายมีอะไรว่ามา แกก็เลยพูดมา คือตนได้พยายามพูดให้เค้าได้ประโยชน์มากที่สุด เวลาไปหาเสียงชาวบ้านจะได้เข้าใจว่านโยบายของเค้าเป็นอย่างไร เหมือนกับที่สัมภาษณ์มาก่อนหน้านี้ 

         
"แต่ท่าทีเค้าเหมือนระเบิดอารมณ์ กวนประสาทตลอดเวลา ซึ่งผมก็ต้องคุมประเด็น บางทีคุณชูวิทย์ไปพูดพาดพิงคนอื่นแล้วถ้าเกิดล่อแหลมต่อการถูกหมิ่นประมาทฟ้องร้อง มันก็ต้องระวังใช่ไหมครับ เพราะมันช่วงเลือกตั้ง จนกระทั่งมาถึงช่วงคำถามสุดท้าย ผมก็ถามเรื่องป้ายที่บอกว่าตอนแรกหน้านิ่ว จนมาปรับภาพลักษณ์ใหม่ แกก็กวนประสาทผมอีก แกก็ถามผมว่า เอ๊ะ! ทำไมคุณถามอย่างนี้ ทำไมคุณไม่ถามอีกเรื่องหนึ่ง ผมก็ไม่เข้าใจว่าคำถามง่ายๆ แกก็แค่ตอบมา แค่ปรับกลยุทธ์สู้คนอภิรักษ์ก็ตอบมา ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ผู้สมัครคนอื่นก็ปรับป้ายกันทั้งนั้น"

         
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีการถามที่กวนอารมณ์หรือยียวนก่อนหรือไม่ นายวิศาล กล่าวว่า นายชูวิทย์กวนอารมณ์ตั้งแต่ก่อนเข้ารายการ หน้าที่ผมก็คือ ต้องควบคุมรายการและเนื้อหา ถ้าเค้ากวนมา ตนก็ต้องควบคุม คือจะนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยปล่อยให้เค้าพูดอะไรไปก็ได้อย่างนี้ไม่ได้ ถ้าเค้าพูดอะไรพาดพิงหรือหมิ่นประมาทมันก็โดนฟ้อง เราเป็นสื่อมวลชนเราก็ต้องระมัดระวัง ต้องไม่ให้ไปพาดพิงคนที่ 2 หรือ 3 

          "แกไม่ตอบแบบตรงประเด็น แกตอบแบบอ้อมไปอ้อมมา แกก็มาย้อนผมบ่อยๆ ผมก็ต้องจี้บางประเด็นว่ามันคืออะไร มันก็เลยออกแนวมีปะทะคารมกันบ้าง แต่มันก็อยู่ในประเด็นนะผมก็พยายามคุมประเด็น"

          เมื่อถามว่าแล้วเรื่องชกต่อยเริ่มขึ้นตอนไหน นายวิศาล กล่าวว่า พอลารายการเสร็จปั๊บ ผมเดินลงเวที ชูวิทย์ถอดไมค์ ผมเดินไปหลังกล้องก็เดินแยกไปไม่คุยกับเค้า ปรากฎว่าเค้าวิ่งตรงเข้ามาต่อยเลยครับ ต่อยหมัดหนึ่งก่อน แล้วค่อยเข้าศอกมาที่ท้ายทอยโดนกกหู ตนล้มลงแล้วศีรษะด้านหลังฟาดพื้น เค้าก็เอาเท้ามากระทืบซ้ำที่ขา

          เมื่อถามว่าไม่มีใครช่วยเลยหรือ นายวิศาล กล่าวว่า มีทีมงานช่วยแยก บอกแยกไปก่อน แต่ผมไม่ตอบโต้อยู่แล้ว ไม่ชอบใช้ความรุนแรง อันนี้มันเป็นวิธีการป่าเถื่อน ที่เจ็บตอนนี้ก็กกหู ท้ายทอย ลำตัวก็ระบม หมอตรวจก็พบว่าใต้ผิวหนังมีเลือดออกที่คางแก้มและหู ที่ขาก็มีรอยถลอก พอแยกกันไปก็ไม่รู้ ทีมงานเค้าก็มาขอโทษขอโพย แล้วก็บอกกับว่าเรื่องนี้ตนเป็นกลางที่สุดแล้ว แต่นายชูวิทย์พยายามหาเรื่องตลอด อันนี้ทีมงานเค้าพูดเอง และยังตกใจว่าไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้

          เมื่อถามว่าจะมีการยอมความได้หรือไม่ นายวิศาล กล่าวต่อว่า อันนี้เป็นคดีอาญา เป็นการคุกคามสื่อมวลชน ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไปว่ากันที่ศาล นักการเมืองอย่างหนึ่งข้างหน้าอย่างหนึ่งมันไม่ได้ ชาวบ้านไม่รู้ หน้าที่สื่อเป็นเรื่องที่จะต้องถาม คุณชูวิทย์ เค้าอธิบายกับคนใกล้ชิดว่า คุยหลังกล้อง ทำไมต้องพูดหน้ากล้อง คือที่ผมถามเพราะจะได้มีเรื่องคุยหน้ากล้องเท่านั้นเอง แกกลับไปกลับมา ข้างหน้าข้างหลังไม่เหมือนกัน

          นายวิศาล กล่าวถึงบทเรียนในเรื่องนี้ว่า คิดว่าประชาชนต้องใช้ดุลพินิจ ตนเป็นสื่อ มีหน้าที่ถามให้ประชาชน ถ้าฉลาดก็ควรตอบให้ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ใช่ชวนทะเลาะหาเรื่อง ประชาชนต้องคิดว่าตัวตนที่ปรากฎข้างหน้าข้างหลังใช่คนเดียวกันหรือไม่

          ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายนายวิศาลจริง เพราะไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไม่มีจรรยาบรรณของสื่อ เพราะว่าขณะที่คุยกันหลังเวทีได้พูดคุยอีกอย่าง แต่ตอนที่ออกอากาศกลับตอบอีกแบบหนึ่ง ซึ่งควรมีการเคารพแหล่งข่าวด้วย อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ กล่าวว่าจะจัดแถลงข่าวที่มูลนิธิชูวิทย์ ในเวลา 16.00 น.

         
"เรื่องนี้ผมยอมขอโทษยอมให้ปรับ 500 บาท แต่สื่อต้องมีจรรยาบรรณด้วย" นายชูวิทย์ กล่าว

          ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์สด นายวิศาล ได้ถามนายชูวิทย์เกี่ยวกับแผนการแข่งขันกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์  ซึ่งประเด็นดังกล่าวนายชูวิทย์ได้พูดคุยกับนายวิศาลก่อนเข้ารายการแล้ว จึงทำให้นายชูวิทย์โมโห และจ้องนายวิศาลด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะพูดว่า "นี่คุณ (วิศาล) เอา เรื่องข้างหลังมาเล่าข้างหน้าเลยเหรอ"

         
จากนั้นนายวิศาลจึงตอบสวนกลับไปว่า "ตกลงชูวิทย์ หน้าจอกับหลังจอ เหมือนกันหรือไม่" นายชูวิทย์ จึงแย้งกลับว่า "ตรงนั้นคือส่วนหลังจอ แต่ทำไมหน้าจอคุณไม่ถามเรื่องแผนหาเสียงหรือนโยบาย"

          นายวิศาล กล่าวต่อว่า "ตกลงชูวิทย์ หน้าจอกับหลังจอเหมือนกันหรือไม่" นายชูวิทย์ จึงกระแทกเสียงกลับไปว่า "เหมือนกันครับ" จากนั้นพิธีกรช่อง ก็ตัดบทจบรายการ และนายชูวิทย์ได้เข้าไปชกนายวิศาล แล้วใช้เท้าเหยียบจนกระทั่งมีคนมาห้ามไว้ 

          ขณะที่ในเว็บบอร์ด พันทิปดอทคอม ในห้องราชดำเนิน มีการตั้งกระทู้เกี่ยวกับข่าวระหว่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับนายวิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 โดยส่วนใหญ่ที่ติดตามการสัมภาษณ์ของนายวิศาล ระบุตรงกันว่าเป็นการสัมภาษณ์ที่ดุเด็ดเผ็ดมัน จนกระทั่งหวั่นว่าอาจเกิดเหตุชกกันได้ และในที่สุดเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

          ทั้งนี้ ผู้ตั้งกระทู้และตอบกระทู้ส่วนใหญ่ เห็นว่าการสัมภาษณ์ของนายวิศาลรุนแรงเกินไป มีการนำข้อมูลที่อยู่หลังเวทีออกมาพูดข้างนอก หรือแม้แต่คำถามที่ระบุว่า จะดูแลคนชั้นกลางที่กินเงินเดือนในกรุงเทพอย่างไร นายชูวิทย์ ก็สวนกันไปด้วยอารมณ์ว่า "ผมสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ไม่ใช่นายกฯ" ซึ่งเหล่านักไซเบอร์ มองว่าเป็นการถามตอบที่ล้วนแต่ใช้อารมณ์ทั้งสิ้น

          ขณะที่นางพิงค์ รุ่งสมัย กรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ ได้ก่อเหตุชกต่อยนายวิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า เรื่องนี้ไม่กระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายชูวิทย์ยังสามารถหาเสียงต่อไปได้ตามปกติ เพราะถือเป็นคดีส่วนบุคคลโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและดุลยพินิจของประชาชนว่า ผู้สมัครแต่ละรายมีพฤติกรรมเหมาะสมหรือไม่ 

          อย่างไรก็ตามล่าสุด นายชูวิทย์ ได้ถึงกรณีก่อเหตุชกต่อยนายวิศาล ที่สวนสาธารณะชูวิทย์ ว่า ยอมรับผิดในสิ่งที่ได้ทำลงไป หลังจากไม่เคยทำอย่างนี้มานาน 20-30 ปี แต่นี่เป็นตัวตนของชูวิทย์ และจะไม่เปลี่ยนด้วย อย่างไรก็ตาม ถามว่าตนคุกคามสื่อหรือสื่อคุกคามตน คุณแรงมาก็แรงกลับ คุณทำในสิ่งที่ตนทนไม่ไหว คุณไม่มีจรรยาบรรณตนก็ไม่มี อย่างไรก็ตาม สื่อเองก็ต้องมีจรรยาบรรณ ต้องให้เเกียรติคนที่เชิญมาด้วย ตนให้สัมภาษณ์หลังเวที เป็นเอ้าท์ ออฟ เรคคอร์ด แล้วนายวิศาลมาเปิดเผยหน้าเวทีได้อย่างไร

          "ทำไมคุณไม่ปกป้องแหล่งข่าว คุณถามกวนมา ผมก็กวนกลับ ไม่ใช่เป็นพิธีกรจะทำอะไรก็ได้ ไม่ได้ให้เกียรติคนที่ไป" นายชูวิทย์ กล่าว

          นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอโทษบรรณาธิการช่อง 3 ขอโทษสื่อมวลชนด้วย และขอโทษสิ่งที่ตนกระทำกับนายวิศาล แต่ส่งที่นายวิศาลทำก็ไม่มีจรรยาบรรณ มาบอกว่าตนไม่ใช่ลูกผู้ชาย  ลูกผู้ชายอย่างตนฆ่าได้ หยามไม่ได้ ฝากสื่อไปบอกคนกรุงเทพฯ ด้วยว่านายชูวิทย์เป็นแบบนี้ 




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
 



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชูวิทย์ รับชก วิศาล จริง ลั่น!ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้ อัปเดตล่าสุด 3 ตุลาคม 2551 เวลา 09:27:04 125,365 อ่าน
TOP