x close

วิศาล แจ้งข้อหาเพิ่ม ชูวิทย์ ดูหมิ่น

วิศาล ดิลกวณิช



          ความคืบหน้ากรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ฟิวส์ขาดระงับอารมณ์ไม่อยู่ ตีศอกใส่กกหู นายวิศาล ดิลกวณิช พิธีกรรายการทีวีจนล้มคว่ำแล้วกระทืบช้ำ ภายหลังไปออกรายการ "เที่ยงวัน ทันเหตุการณ์" ทางช่อง 3 เมื่อเที่ยงวันที่ 2 ตุลาคม เนื่องจากไม่พอใจคำถาม อ้างว่า ผู้ดำเนินรายการย้อนถามกวนประสาท วกวน หยามศักดิ์ศรี ไม่มีจรรยาบรรณ โดยเหยื่ออารมณ์เข้าแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สน.ทองหล่อ ในขณะที่นายชูวิทย์เปิดแถลงข่าวยอมรับผิดและจะเข้ามอบตัว 

          เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ตุลาคม พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยถึงคดีว่า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 3 ปาก เป็นพนักงานของช่อง 3 ทั้งหมด ขณะนี้รอผลการวินิจฉัยของแพทย์ว่านายวิศาลได้รับบาดเจ็บมากน้อยระดับใด เพื่อจะเรียกคู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป แต่ในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาไว้ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วันคงจะเรียบร้อย คดีนี้ไม่น่ามีปัญหาและไม่หนักใจ ว่าไปตามพยานหลักฐานทั้งหมด

          สำหรับอาการของพิธีกรคนดัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมิติเวช ห้อง 4302 ชั้น 4 นายวิศาลเหยื่ออารมณ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีอาการปวดที่ศีรษะ ท้ายทอย และหูทั้ง 2 ข้าง แพทย์ให้ยามากินและแนะนำให้นอนดูอาการต่ออีก 2 วัน เนื่องจากจะตรวจดูสภาวะต่อเนื่องเกี่ยวกับการทรงตัว หรือศัพท์ทางแพทย์ เรียกว่าอาการโลกหมุน ทำให้ต้องลาหยุดงานเพื่อรักษาตัวให้ดีขึ้น เมื่อหายดีแล้วก็จะกลับไปทำงานตามปกติ แต่ก็จะยังคงทำงานในสไตล์เดิม ถามอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวและต้องเปลี่ยนสไตล์การทำงานแต่อย่างใด ด้านคดีขณะนี้มอบหมายให้ทนายความรวบรวมเทปบันทึกภาพที่นายชูวิทย์ไปให้ สัมภาษณ์ตามทีวีช่องต่างๆ ว่าตนไม่ใช่ลูกผู้ชายและไม่มีจรรยาบรรณในการเป็นสื่อมวลชน เพื่อนำมาฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาต่อไป ทั้งนี้ เพื่อต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองในการทำหน้าที่เป็นสื่อ และเป็นบรรทัดฐาน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน หากปล่อยไปอาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในภายภาคหน้าได้อีก

          พิธีกรคนดังกล่าวด้วยว่า ภายหลังเกิดเหตุยังไม่ได้รับการติดต่อ และขอโทษจาก นายชูวิทย์ ทั้งสิ้น มีเพียงการขอโทษผ่านสื่อเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่นายชูวิทย์พูดก็ยังไม่แน่ใจว่ามาจากใจจริง หรือพูดเพียงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง สำหรับคำถามที่สัมภาษณ์ไปนั้นถือเป็นการทำงานไม่ได้มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าได้มี พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.น.5 มาเยี่ยม พร้อมสอบถามว่าต้องการเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความปลอดภัยหรือไม่ ในขณะที่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ก็นำกระเช้ามาเยี่ยมให้กำลังใจด้วยเช่นกัน

          ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เมื่อเวลา 09.00 น. เดินทางไปทำบุญที่วัดศรีบุญเรือง ย่านบางกะปิ พร้อมกับปล่อยเต่า 19 ตัว โดยเขียนชื่อและนามสกุลไว้ใต้ท้อง ปล่อยนก 7 ตัว ปลาไหล 7 ตัว และหอยขมอีก 600 ตัว ให้สัมภาษณ์ว่า ทำไปเพื่อความสบายใจ ทำบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร และ นายวิศาล ก็ถือว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรคนหนึ่ง ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวิศาลติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายชูวิทย์ตอบว่า ไม่ได้ติดต่อมา ซึ่งตนก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะขอโทษหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังวันลงคะแนนเลือกตั้งที่ 5 ต.ค. หากไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเสียใจหรือไม่ นายชูวิทย์ตอบว่าไม่เสียใจ การที่ประชาชนจะเลือกตนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ แต่สิ่งที่ตนทำลงไป เพราะคู่กรณียั่วยุตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม การกระทำของตนนี้ไม่อยากให้เยาวชนเอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง 

วิศาล ดิลกวณิช



          ในเย็นวันเดียวกัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องการทำร้ายนายวิศาล ดิลกวณิช ถึงสมาคม นักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย พร้อมสำเนาส่งโทรสารไป ตามกองบรรณาธิการ นสพ.และวิทยุโทรทัศน์สถานีต่างๆ ความยาว 1 หน้ากระดาษ ระบุว่า ขอชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้นหลังการออกอากาศรายการ "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อเที่ยงวันที่ 2 ตุลาคม ด้วยความสัตย์จริงดังนี้ 

          1. ผมขอยอมรับผิดในเหตุการณ์ที่ใช้กำลังและขอโทษต่อสมาคมสื่อ ผู้สื่อข่าวทุกท่าน ผมไม่เคยมีพฤติกรรมใช้กำลังมาก่อน หรือแสดงอำนาจบาตรใหญ่ โดยพฤติกรรมที่ผ่านมาได้ใช้ความอดกลั้นมาตลอด 

          2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจอ ไม่มีใครเห็น แต่มีช่างกล้อง ผู้กำกับ หรือผู้เกี่ยวข้องอยู่ในห้องส่งหลายคน โดยพิธีกร (นายวิศาล) หลังจบรายการได้วางไมค์และหุนหันลุกขึ้น ก่อนผมด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ซึ่งตามปกติพิธีกรหลังจบรายการ จะต้องมีมารยาทขอบคุณผู้มาร่วมรายการ รวมทั้งพิธีกรก็มีอายุน้อยกว่า ถือเป็นรุ่นน้อง เพราะจบสถาบันเดียวกัน แม้จะต่างคณะ 

          3. เมื่อพิธีกรวางไมค์และลุกเดินออกไปหลังกล้อง ขณะที่ผมลุกขึ้น พิธีกรได้หันหลังกลับมาและใช้กระดาษที่อยู่ในมือม้วนและชี้มาที่ผมโดยกล่าว ว่า "ผมให้เกียรติคุณ แล้วนะคุณชูวิทย์" เมื่อผมถูกตอกย้ำความรู้สึก จึงหมดความอดกลั้นและบันดาลโทสะด้วยการใช้กำลัง 

          4. ในระหว่างการสัมภาษณ์ออกอากาศ คุณวิศาลใช้วาจาไม่สุภาพกับผมหลายครั้ง เช่น เรียกผมด้วยชื่อไม่มีคำว่าคุณนำหน้า ตรงข้ามกับผมที่เรียกคุณวิศาลว่าคุณตลอด แสดงว่าคุณวิศาลไม่ให้เกียรติและไม่มีมารยาทกับผม รวมทั้งใช้คำถามที่ยั่วยุและชี้นำ เช่น จุดด้อยของคุณคืออะไร 

          5. การตั้งคำถามของคุณวิศาลเป็นไปในลักษณะไม่ให้เกียรติเย้ยหยัน โดยในตอนจบยังพูดอีกว่า "เบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างไรก็ฉายให้ผู้ชมได้ดู"

          หนังสือของนายชูวิทย์ลงท้ายว่า "ผมถูกข่มเหงทางความรู้สึกอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจากพิธีกรที่ ยั่วยุปลุกปั่นอารมณ์โต้กันไปมา ทำให้อารมณ์ทั้งของผมและพิธีกรไม่เป็นปกติ ผมจึงบันดาลโทสะ ทั้งที่ผมไม่มีเจตนายั่วยุแต่อย่างใด การดำเนินรายการของคุณวิศาลจะต้องควบคุม ตั้งคำถามและประเด็น ไม่ใช่ยัวยุให้ ผู้มาร่วมรายการเกิดความรู้สึกกว่าไม่ให้เกียรติ กระผมเป็นปุถุชนธรรมดา การกระทำของผมยอมรับผิด แต่ขอความเป็นธรรมจากพฤติกรรมของคุณวิศาลที่กระทำไม่ ถูกต้องด้วย"



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิศาล แจ้งข้อหาเพิ่ม ชูวิทย์ ดูหมิ่น อัปเดตล่าสุด 4 ตุลาคม 2551 เวลา 18:00:17 20,608 อ่าน
TOP