ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ตุลาคม รองศาสตราจารย์วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ทางหน่วยงานชันสูตรโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ฯ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ได้รับตัวอย่างลูกไก่เนื้อเพื่อเลี้ยง เป็นพ่อแม่พันธุ์ อายุอยู่ในช่วง 3-7 วัน แสดงอาการซึม อ่อนเพลีย บางตัวชักและตายภายในระยะเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง ส่วนตัวที่รอดชีวิตจะแคระแกร็น ไม่สมบูรณ์ ไม่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม ยืนหัวตก อุจจาระที่ถ่ายจะมีสีน้ำดีปน อาหารไม่ย่อย หลังผ่าซากพิสูจน์พบว่า มีการอักเสบ มีจุดเลือดออกของตับและตับอ่อน
ด้าน รศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ ส่งเสริม กล่าวว่า หลังได้รับการรายงานว่า มีการแพร่กระจายของโรคดังกล่าวในโรงเรือนที่ใช้สำหรับทำพ่อแม่พันธุ์ ซึ่งอยู่ในภาคกลาง 3 จังหวัด ภาคตะวันออก 2 จังหวัด และภาคตะวันตก 2 จังหวัด ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทางคณะทีมงานจึงเก็บซากไก่เพื่อผ่าพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการ ได้ผลว่า อาการป่วยที่เกิดขึ้นในไก่ เรียกกันว่า โรคอินคลูชั่นบอดี เฮปาไตติส (Inclusion body Hepatitia) ซึ่งมีต้นเหตุจากไวรัส เอเวียน อะดีโนไวรัส กลุ่ม 1 (Avian Adenovirus group1) โดยเชื้อชนิดนี้จะอยู่ฝังตัว ก่อโรคตลอดเวลา ซึ่งจะอยู่ทนนานกว่าเชื้อไข้หวัดนกได้นานนับเดือน
ส่วนกรณีที่ห่วงว่าจะติดสู่คนหรือไม่นั้น รศ.น.สพ. ดร.ทวีศักดิ์กล่าวว่า ประชาชนยังคงสามารถบริโภคไข่และเนื้อไก่ได้ตามปกติ เนื่องจากโรคนี้ไม่ติดต่อสู่คน เพียงแต่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมไก่เนื้อ ซึ่งการกระจายของเชื้อโรคนั้นจะส่งผ่านทางอาหาร น้ำดื่ม ผู้เลี้ยง รวมทั้งจากนก หนู แมลงปีกแข็ง ที่จะเป็นพาหะนำโรคไปยังแหล่งใหม่ รวมทั้งการถ่ายทอดจากแม่ไก่พันธุ์ไปยังรุ่นลูกผ่านทางไข่
สำหรับแนวทางป้องกันนั้น รศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องของการผลิตวัคซีน ต้องเตรียมการไว้ แต่วัคซีนไม่ใช่เครื่องมืออันดับแรกที่ใช้แก้ไขโรคนี้ แต่สามารถทำได้โดยการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หมั่นตรวจพ่อแม่พันธุ์ว่าแสดงอาการของโรคหรือไม่ หากพบให้ทำลายซากไก่ที่ตายด้วยการเผา หรือฝังอย่างมิดชิด และเกษตรกรสามารถนำส่งซากเพื่อพิสูจน์หาโรคได้ที่หน่วยงานชันสูตรโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ฯ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ในวันเวลาราชการ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
