นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสรุปบทเรียนการพัฒนาเครือข่ายคนทำงานเอดส์ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย เพื่อส่งเสริมการป้องกันโรคเอดส์และเข้าถึงการดูแลรักษาว่า วิธีการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ที่ดีที่สุด คือ กลุ่มชายรักชายจะต้องตื่นตัวรู้จักดูแลสุขภาพของตนเอง มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ไม่รุนแรงจนเกินไปทำให้เกิดบาดแผล นอกจากนี้ควรใช้ถุงยางอนามัย และสารหล่อลื่นทุกครั้งหากมีเพศสัมพันธ์ จากการสำรวจ พบว่า แนวโน้มการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มชายรักชายมีอัตราสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มชายขายบริการ หรือ สถานบริการซาวน่า
"วิธีปฏิบัติที่กลุ่มชายรักชายนิยมล้างลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง หรือเรียกว่าการทำแท้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ โดยการฉีดน้ำอย่างรุนแรงเข้าไปในช่องทวารแล้วเบ่งออกมานั้น แม้ว่าจะทำเพื่อความสะอาดไม่ให้มีสิงปฏิกูลติดออกมา หรือที่เรียกว่า "แถมทอง" แต่ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากทำให้เนื้อเยื่อของลำไส้ใหญ่ฉีกขาด หรือบอบบางลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออาการอักเสบต่างๆ ดังนั้น เพื่อสุขภาพทางเพศที่ดี สะอาดอย่างเดียวไม่พอแต่ต้อปลอดภัยด้วย จึงไม่แนะนำให้ทำในลักษณะดังกล่าว" นพ.มล.สมชาย กล่าว
นพ.มล.สมชาย กล่าวอีกว่า แม้ประเทศไทยจะประสบผลสำเร็จในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ได้ โดยในช่วงปีพ.ศ. 2547-2548 จากที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ถึงปีละ 140,000 ราย ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณปีละ 17,000-18,000 ราย แต่จากการสำรวจสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายพบว่ามีแนวโน้มค่อนข้างสูงขึ้น ยังพบว่า กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ฉาบฉวย หรือคนรักต่ำกว่าร้อยละ 50
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
"วิธีปฏิบัติที่กลุ่มชายรักชายนิยมล้างลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง หรือเรียกว่าการทำแท้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ โดยการฉีดน้ำอย่างรุนแรงเข้าไปในช่องทวารแล้วเบ่งออกมานั้น แม้ว่าจะทำเพื่อความสะอาดไม่ให้มีสิงปฏิกูลติดออกมา หรือที่เรียกว่า "แถมทอง" แต่ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากทำให้เนื้อเยื่อของลำไส้ใหญ่ฉีกขาด หรือบอบบางลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออาการอักเสบต่างๆ ดังนั้น เพื่อสุขภาพทางเพศที่ดี สะอาดอย่างเดียวไม่พอแต่ต้อปลอดภัยด้วย จึงไม่แนะนำให้ทำในลักษณะดังกล่าว" นพ.มล.สมชาย กล่าว
นพ.มล.สมชาย กล่าวอีกว่า แม้ประเทศไทยจะประสบผลสำเร็จในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ได้ โดยในช่วงปีพ.ศ. 2547-2548 จากที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ถึงปีละ 140,000 ราย ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณปีละ 17,000-18,000 ราย แต่จากการสำรวจสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายพบว่ามีแนวโน้มค่อนข้างสูงขึ้น ยังพบว่า กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ฉาบฉวย หรือคนรักต่ำกว่าร้อยละ 50
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
