ภูฏานจัดพิธีราชาภิเษกกษัตริย์องค์ใหม่ซึ่งมีพระชนมายุน้อยที่สุดในโลกเพียง 28 พรรษาเท่านั้น "สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัม เกล วังชุก" เสด็จขึ้นครองราชย์โดยจัดยิ่งใหญ่อลังการตามขัตติยะราชประเพณีโบราณ โดยพระราชบิดาทรงยอมสละราชสมบัติเมื่อสองปีก่อน เพราะเห็นว่าดินแดนเล็กๆ แห่งเทือกเขาหิมาลัยสมควรแก่เวลาในการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ท่ามกลางพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเฝ้าถวายพระพร
งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมีขึ้นที่พระราชวังและศาสนสถานในกรุงทิมพู โดยจัดอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ พิธีสำคัญ คือ พิธีสวมมงกุฎกษัตริย์ขององค์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ที่รับพระราชทานจากพระราชบิดา องค์จิกมี ซิงเย วังชุก กษัตริย์พระองค์ก่อน ที่ทรงสละราชสมบัติเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ด้านประชาชนทั่วประเทศจัดงานเฉลิมฉลองในโอกาสนี้
รายงานข่าวระบุว่า พิธีราชาภิเษกจัดขึ้นที่พระราชวังในกรุงทิมพูเมื่อเวลา 08.31 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ซิงเย วังชุก พระราชบิดาซึ่งมีพระชนมายุ 52 พรรษา ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกให้แก่พระราชโอรส เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ด้วยการพระราชทานมงกุฎนกกาเหว่าให้แก่พระราชโอรส พร้อมพระราชอิสริยยศ กษัตริย์มังกร
พิธีราชาภิเษกเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซึ่งหยั่งรากลึกอยู่ในดินแดนแห่งนี้ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ถูกจำกัดและควบคุมอย่างเคร่งครัด และปัจจุบันนี้ได้ผ่อนคลาย เปิดประเทศสู่ความทันสมัยและการปกครองระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรง ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์มาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2549 แต่พิธีราชาภิเษกต้องล่าช้าและเลื่อนออกมาเพราะโหรหลวงได้ทำนายว่ายังไม่มีฤกษ์ดีสำหรับพระราชพิธียิ่งใหญ่
พิธีราชาภิเษกจัดขึ้นภายในวังโบราณตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ซึ่งป้อมปราการกำแพงขาวประดับสีสัน เป็นทั้งศูนย์ราชการและอารามหลวง โดยการประกอบพิธีนั้นตรงตามพิธีการทางศาสนาพุทธ มีขบวนนาฏลีลาระบำฟ้อนและดุริยางค์ประกอบพิธี ซึ่งมีหัวหน้าหน่วยราชการและพระสังฆราชาร่วมพิธี สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ใหม่ทรงรับการถวายผ้าไหมและแพรต่วนประดับมงกุฎนกกาเหว่าจากสมเด็จพระราชบิดา ก่อนที่จะขึ้นประทับบนพระราชอาสน์ทองคำ จากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ใหม่ ทรงตรวจแถวทหารกอง เกียรติยศ เสด็จพระราชดำเนินผ่านธงสัญลักษณ์สูง 4 ชั้น แสดงภาพพุทธประวัติผู้ทรงตรัสรู้นำความซื่อสัตย์มาสู่ประเทศภูฏาน
สมเด็จพระสังฆราชา เจ เคห์นโบ แห่งภูฏานและพสกนิกรเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายผลไม้ เมรัย และอาหารแด่สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ใหม่ รวมถึงสิ่งของ 8 ชิ้น ซึ่งมีพระเศวตฉัตรและปลาที่แสดงถึงสติปัญญา สัญลักษณ์ที่องค์พระประมุขควรมีในการบริหารราชการแผ่นดิน ในตอนบ่ายวันเดียวกันนี้ก็ยังมีพิธีราชาภิเษกซึ่งเหมือนกับในตอนเช้าแต่พสกนิกรจากหลายชนเผ่าแม้จะอยู่ในชนบทที่ห่างไกลนั้นได้มีโอกาสถวายพระพร เฝ้ารับเสด็จและร่วมพระราชพิธี สำคัญนี้ด้วย
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ซิงเย วังชุก ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อปี 2517 ได้ตรัสเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า พระองค์จะสละราชสมบัติให้กับพระราชโอรส เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ออกซฟอร์ด เพราะเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศดินแดนเล็กๆ แห่งเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ควรจะได้มีการปฏิรูปและปรับปรุงระเบียบการบริหารราชการบ้านเมือง โดยจะทรงชี้แนะอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้บังเกิดความทันสมัยก้าวไปพร้อมกับโลกยุคปัจจุบัน จึงจำต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ภูฏานก็เพิ่งจัดให้มีการเลือกตั้งตามแบบระบอบประชาธิปไตยขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อสรรหาสมาชิกรัฐสภา และนายกรัฐมนตรีคนใหม่
รวมข่าวกษัตริย์จิกมี พร้อมพระราชกรณียกิจ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
- หนังสือพิมพ์ข่าวสด
- kuenselonline.com
- bhutan.gov.bt
- bhutanobserver.bt
- หนังสือพิมพ์เดลินิวส์