x close

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แสงสว่างแห่งนครินทร์



สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา แสงสว่างแห่งนครินทร์


          "ในครอบครัวเรา ความรับผิดชอบเป็นของที่ ไม่ต้องคิด เป็นธรรมชาติ สิ่งที่สอนกันอันดับแรก คือ เราจะทำอะไรให้เมืองไทย"
 
          ...พระดำรัสตอนหนึ่งของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงพระปณิธานอันแน่วแน่ ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อส่วนรวมมาตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ นับแต่เสด็จกลับเมืองไทย ในปี พ.ศ. 2493 จวบจนถึงวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ

          แม้ในยามประชวรต้องเข้าประทับรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดได้ทูลขอให้ทรงงดพระกรณียกิจ เพื่อถนอมพระวรกาย "สมเด็จฯ กรมหลวงฯ" กลับทรงมีรับสั่งว่า "ฉันจะทำงาน เพื่อประชาชนตราบจนถึงวันสุดท้าย..."

          ภาพประทับใจที่ยังตราตรึงอยู่ในความ ทรงจำของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ คือ ภาพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่ ทรงตามเสด็จฯสมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี ไปยังทุกหนแห่ง เพื่อช่วยแบ่งเบาพระราชกิจ รวมถึง การตามเสด็จฯไปเยี่ยมเยือนราษฎรตามท้องถิ่นทุรกันดาร พร้อมกับทรงนำทีมแพทย์อาสาไปให้การตรวจรักษา ผู้เจ็บป่วย โดยทรงรับคนไข้ที่ต้องรับการรักษาทุกคนไว้ในพระราชานุเคราะห์

          นายแพทย์ประมุข จันทวิมล เลขาธิการมูลนิธิแพทย์อาสา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ. สว.) เล่าถึงพระกรณียกิจของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า พระองค์ทรงติดตามสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในงาน พอ.สว.มาเป็นเวลานานแล้ว หลายครั้งที่สมเด็จย่าเสด็จในงาน พอ.สว.เราจะเห็นสมเด็จฯ กรมหลวงฯ ทรงเคียงข้างโดยตลอด


          แม้สมเด็จย่าได้เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ก็ยังทรงรับช่วงสืบสานพระราชปณิธานในทุกด้านของสมเด็จพระบรมราชชนนี โดยทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรต่างๆ และทรงก่อตั้งองค์กรใหม่ๆ ของพระองค์เองรวม 63 มูลนิธิ จนถือได้ว่าทรงเป็นเจ้าฟ้าองค์สำคัญของราชวงศ์ไทย ที่อุทิศพระองค์ในการปฏิบัติพระกรณียกิจมากมายนับไม่ถ้วน เพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงชนชาวไทย

          ในส่วนของ พอ.สว.นั้น สมเด็จฯ กรมหลวงฯ ทรงสืบทอดพระราช ปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนี โดยทรงรับเป็นองค์ประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิฯ นอกจากการเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนตามท้องถิ่นทุรกันดารแล้ว พระองค์ยังทรงติดตามความคืบหน้าในการทำงานของมูลนิธิฯ ทุก 3 เดือน โดยทรงมีพระประสงค์จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพสกนิกรผู้ยากไร้ อีกทั้งยังทรงมีพระอุตสาหะเสด็จไปทรงติดตามความคืบหน้า ทรงเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครด้วยพระองค์เอง ทรงใช้เวลาถึง 2 ปีเต็ม กว่าจะทรงเยี่ยมอาสาสมัคร พอ.สว.ได้ครบทุกจังหวัด ในการเสด็จแต่ละครั้ง จะทรงไต่ถามถึงทุกข์สุขและอุปสรรคในการทำงาน พร้อมกับทรงสร้างบรรยากาศให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาสาสมัครร้องเพลงประจำจังหวัดถวาย ทรงมีรับสั่งเย้าเล่นเป็นกันเองอย่างไม่ถือพระองค์ สร้างความปลาบปลื้มและเติมขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานเป็นอย่างยิ่ง

          เมื่อสมเด็จฯ กรมหลวงฯ ทรงรับตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิขาเทียมฯ สืบต่อจากสมเด็จพระบรมราชชนนี ก็ได้ทรงพระกรุณา เสด็จไปเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยเคลื่อนที่ และพระราชทานขาเทียมที่ทำเสร็จแล้วด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในการระดมทุนเพื่อทำขาเทียมบริจาค โดยทรงขอให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกสลากการกุศล จัดสรรให้แก่มูลนิธิขาเทียมฯ ส่งเสริมให้กิจกรรมการทำขาเทียมพระราชทาน มีความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างมาก



          นอกจากจะทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายแก่ประเทศชาติ เพื่อ แบ่งเบาพระราชภาระของสมเด็จพระบรมราชชนนีแล้ว สมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอฯ ยังทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โครงการต่างๆมากมายหลายร้อยโครงการ ทั้งด้านการศึกษา, สังคมสงเคราะห์, การแพทย์และสาธารณสุข, ปรัชญาและศาสนา, ศิลปวัฒนธรรม, วรรณกรรม, โบราณคดี และประวัติศาสตร์

          ในด้านการศึกษานั้น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงงานเป็นอาจารย์ประจำและอาจารย์พิเศษ ด้านภาษา และวรรณคดีฝรั่งเศสในสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง ตามที่ทรงใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยได้ ทรงสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ และเติบใหญ่มีชื่อเสียงในสังคมนับไม่ถ้วน ไม่เพียงเท่านี้ ยังทรง เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมเยาวชนไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล ได้ทรงอนุเคราะห์โครงการจัดส่งผู้แทนเยาวชนไทย ไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ โดยประทานทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินจากกองทุนการกุศลสมเด็จย่า จัดตั้งเป็น "กองทุนสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เพื่อโครงการโอลิมปิกวิชาการ"

          ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยังทรงอุทิศพระวรกายอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยในการพัฒนาท้องถิ่นชนบท โดยเฉพาะในพื้นที่ยากจนทางภาคอีสาน รวมถึงการแสดงน้ำพระทัยช่วยเหลือเด็กและครอบครัวในชุมชนแออัด ได้เสด็จเยี่ยมชุมชนแออัดหลายแห่งในกรุงเทพฯเป็นการส่วนพระองค์ และยังทรงรับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมมาไว้ในพระอุปถัมภ์ ส่งผลให้เกิดโครงการพัฒนาเด็กเพิ่มขึ้นมากมาย เพื่อช่วยเด็กยากไร้ในชุมชนแออัดให้พ้นจากสภาวะขาดสารอาหาร


          บทบาทสำคัญของสมเด็จฯกรมหลวงฯในด้านศาสนา, ศิลปวัฒนธรรม และวรรณกรรม เป็นที่ประจักษ์ชัดมาตลอดพระชนม์ชีพ นอกจากจะทรงเป็นองค์อุปถัมภ์พุทธศาสนา และทรงเป็นองค์ประธานกิตติมศักดิ์การประดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับสากล อักษรโรมันฉบับแรกของโลก พระองค์ยังทรงส่งเสริมศิลปะการแสดงทางวัฒนธรรมต่างๆ ทั้งของไทย และต่างประเทศ รวมถึงการสนับสนุนดนตรีคลาสสิก ซึ่งทรงสนพระทัยมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์

          ไม่เพียงเท่านี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยังทรงเป็นแบบอย่างให้ประชาชนเห็นความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม โดยโปรดเสด็จเยือนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์, โบราณ คดี, พิพิธภัณฑ์ และแหล่งท่องเที่ยว บ่อยครั้งจะทรงแนะนำเรื่องที่พึงเอาใจใส่อยู่เนืองๆ ทรงเป็นครูชี้นำประชาชนให้ เห็นความสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย และมรดกโลกเสมอมา พระนิพนธ์ส่วนหนึ่งของพระองค์ ก็ล้วนมาจากการเสด็จเยือนสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี โดยทุกครั้งก่อนเสด็จจะทรงศึกษาประวัติศาสตร์ของสถานที่นั้นๆ อย่างละเอียด และเมื่อเสด็จโบราณสถานในประเทศก็มักจะประทานคำแนะนำอันเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ ทรงห่วงใยแนวทางการบูรณะโบราณสถานที่จะต้องทำอย่างรอบคอบรัดกุม ไม่ทำลายหลักฐานความเป็นจริง เพราะเป็นมรดกของชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนุชนรุ่นหลัง

          เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯได้ทรงทำ หน้าที่สำคัญยิ่ง นั่นคือ ทรงแบ่งเบาพระราชภาระอันหนักอึ้ง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตลอดพระชนม์ชีพ โดยมิได้มีความเบื่อหน่ายย่อหย่อนแต่ประการใด ทั้งทรงปฏิบัติพระราชกิจแทนพระองค์ในหลายต่อหลายวาระ และยังทรงช่วย คลายพระราชกังวล ด้วยการรับเป็นพระธุระถวายการดูแลสมเด็จพระบรมราชชนนีอย่างใกล้ชิด สมแล้วที่ทรงได้รับการยกย่องให้ทรงเป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินี ที่ทรงพระคุณานุคุณ และทรงอำนวยประโยชน์แก่ประเทศชาติตลอดมา


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 
ทีมข่าวหน้าสตรี


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แสงสว่างแห่งนครินทร์ อัปเดตล่าสุด 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา 15:46:55 4,992 อ่าน
TOP