x close

อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับแบบ กมลา สุโกศล



         เวลามีใครถามว่า "ทำไมถึงไม่เครียด ทำไมไม่แก่ ทำไมถึงเก่ง" ดิฉันอยากบอกเคล็ดลับเหมือนกัน แต่ตอบยาก เพราะเกิดมาก็เป็นคนแบบนี้ แต่ถ้าจะให้คิดจริงๆ คงจะแยกออกเป็นส่วนๆ ได้แบบนี้ค่ะ

         ส่วนแรก ในด้านการใช้ชีวิต ดิฉันยึดหลักใช้ชีวิตอย่างขวนขวาย การขวนขวายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้ชีวิตสนุก มีสีสัน มีคุณค่า ถ้าเรานิ่งๆ อยู่ ชีวิตก็จบแค่นั้น ฝรั่งเรียก richer ไม่ใช่ร่ำรวยเงินทอง แต่หมายถึงใช้ชีวิตอย่างมีสีสัน มีคุณค่าอย่างที่บอก

         เริ่มตั้งแต่เล็กๆ คุณแม่ของดิฉันอยากให้ลูกเก่ง เห็นลูกมีพรสวรรค์ด้านดนตรี ก็จับให้เรียนเปียโน พอเราเล่นได้ดีก็ให้เล่นให้คนโน้นคนนี้ฟัง แล้วคุณแม่ก็จะยิ้มกริ่มภูมิใจว่า "ลูกฉันเก่ง"

         คุณแม่เห็นว่าสมัยก่อนบ้านเรายังไม่มีสิ่งส่งเสริมการเรียนรู้เหมือนสมัยนี้ และอยากให้ลูกพูดภาษาอังกฤษเก่ง จึงส่งดิฉันไปเมืองนอกตั้งแต่สิบขวบ ดิฉันเองเป็นนักผจญภัย ชอบขวนขวายหาความรู้ ชอบไปรู้ไปเห็นอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นถึงแม้การติดต่อระหว่างบ้านกับอังกฤษจะลำบาก ต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง แต่ก็เป็นเด็กที่ไม่เคยเศร้า ไม่เคยมีปัญหา

         อาจบอกได้ว่า ทุกสิ่งที่ทำมาในชีวิต ดิฉันไม่เคยวางแผนมาก่อน บางวันสมองสั่งบ้าง...หัวใจสั่งบ้าง ถึงได้เป็นคนไม่เครียด เครียดเป็นอย่างไรชีวิตนี้ไม่เคยรู้จัก ทำอะไรแม้จะไม่สำเร็จบ้างก็ไม่เป็นไร

         ขอเพียงแต่ทุกวันต้องได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อย่างทุกวันนี้ ถ้าวันไหนไม่ได้อ่าน บางกอกโพสต์ กับ เดอะเนชั่น จะรู้สึกว่าตัวเองโง่เหลือเกิน และอ่านแมกกาซีนเช่น ไทม์ หรือ นิวสวีค เสริมบ้าง เปิดทีวี ดูข่าวและรายการต่างๆ เช่น บีบีซี ซีเอ็นเอ็น เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิ หรือฮิสทรี่แชนแนล ฯลฯ ได้ความรู้ดีๆ ทั้งนั้นเกิดอะไรขึ้นก็รู้ก่อนคนอื่น

         ส่วนที่สอง ด้านการงาน ดิฉันยึดหลัก Put the right man in the right job. คือ บริหารพนักงานด้วยการเลือกสิ่งที่เขาชอบให้เขาทำ แล้วเขาจะทำได้ดี ดิฉันบอกได้เลยว่า สาเหตที่ธุรกิจการงานเจริญมาได้อย่างทุกวันนี้ เพราะเรามีผู้จัดการและสต๊าฟที่ทั้งเก่งและดีเยอะมาก ดิฉันเชื่อว่า ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ถ้าไม่มีทีมเวิร์คที่ดี นอกจากนั้น ลูกสาวสองคน คือ มาริสา กับ ดารณี (คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี และคุณเดารณี สุโกศล แคลปป์) ก็มาช่วยดูแลทั้งในส่วนของมาร์เกตติ้งและการเงิน ซึ่ง ถ้าเปรียบบริษัทเป็นเหมือนช้างหนึ่งเชือก มาร์เก็ตติ้ง ก็เปรียบได้กับเท้าคู่หน้าการเงินเปรียบได้กับเท้าคู่หลัง ถ้าจะให้ธุรกิจยืนอยู่ได้ ก็ต้องทำให้ทั้งสองส่วนนี้แข็งแกร่ง

         ส่วนที่สาม ด้านการเลี้ยงดูลูก ดิฉันใช้วิธีให้อิสระกับลูกปล่อยให้เขาเรียนรู้และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น สมัยที่มาริสายังเล็ก ดิฉันเคยบังคับให้เรียนเปียโน ขี่ม้า ว่ายน้ำ...สารพัด ซึ่งเขาทำได้ดีมาก แต่การปล่อยให้ลูกๆ ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำต่างหากที่ทำให้เขามีความสุขมากกว่า พอเลี้ยงคนที่สองดิฉันจึงเลิกบังคับ เวลาลูกคนไหนมาปรึกษาว่าอยากทำโน่นอยากทำนี่ ดิฉันจะบอกว่า "ทำได้ แต่ขอให้เรานับถือคุณได้จากสิ่งที่คุณทำ" จากนั้นก็ทั้งช่วยทั้งเชียร์เต็มที่อีกอย่าง ดิฉันจะหาเวลาทานข้าวกับลูกๆ อย่างน้อยวันละหนึ่งมื้อ เพื่อสร้างความอบอุ่นในครอบครัว การที่ลูกจะเป็นคนดีหรือเปล่าไม่ได้อยู่ที่พ่อแม่เท่านั้น เพื่อนฝูงก็สำคัญมาก

         สมัยก่อนบ้านดิฉันเหมือนสถานีหัวลำโพง ใครหาลูกไม่เจอก็มาหาที่นี่ บางวันมีเด็กอยู่ใน 30-40 คน เพราะลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ วัฒนธรรมของฝรั่งเขาจะชอบไปนอนค้างตามบ้านเพื่อน แล้วที่บ้านก็มีสระว่ายน้ำ มีที่ให้วิ่งเล่น สุกี้กับน้อย (คุณกมลสุโกศล และคุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์) จะชอบพาเพื่อนมาค้างบ่อยๆ ข้อดีคือ เราได้รู้จักเพื่อนของลูกด้วย

         สุกี้เป็นคนที่เด็กแล้วแก่เลย คือเขาจะมีแต่เพื่อนที่แก่กว่าตอนเขาอายุ 14 ก็คบกับเพื่อนอายุ 17-18 บางคนเป็นเด็กเกเร บางคนครอบครัวมีปัญหา มีอยู่คนหนึ่งหน้าตาท่าทางดีมาก แต่เป็นเด็กซึมเศร้า พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง เพื่อนเหล่านี้พอได้มารู้จักกับสุกี้ก็จะเห็นเขาเป็นที่พึ่ง มีเรื่องมาให้ช่วยสารพัด ดิฉันไม่เคยห้ามลูกเรื่องการคบเพื่อน เพราะจริงๆ แล้วเราห้ามเขาไม่ได้ และดิฉันไม่กลัวว่าเพื่อนจะเสีย เพราะ เชื่อว่าไม่มีใครมีความกับเรื่องไม่ดีเด็กส่วนใหญ่เกเรเพราะขาดความรักความอบอุ่น

         สิ่งที่ดิฉันขอจากลูกมีอย่างเดียวคือ เรียนให้จบมหาวิทยาลัย แล้วจะหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็เชิญ...มหาวิทยาลัยไม่ได้ทำให้เป็นคนเก่ง เป็นคนดี หรือทำงานเก่ง แต่การเรียนทำให้มีความรู้ ซึ่งเป็นรากฐานที่ดีให้ต่อยอดไปได้

         สิ่งที่ลูกทุกคนมีเหมือนกันคือ ความเฉลียวฉลาด พวกเขาไม่เคยก้าวร้าว และตัดสินใจเป็น คนตัดสินใจไม่เป็นจะไม่ก้าวหน้าเขาอาจจะตัดสินใจไม่เร็วเท่าดิฉัน แต่ในที่สุดเขาต้องกล้าที่จะตัดสินใจบางทีผิด บางทีถูก...ก็ไม่เป็นไร

         เรามีเวลาเรียนรู้ชั่วชีวิต เพียงแต่ต้องรู้จักยอมรับผลของการกระทำด้วยเท่านั้นเอง

SecretBox

เคล็ดลับสู่ความสุขความสำเร็จแบบกมลา สุโกศล

         • สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดชีวิต
         • ใช้คนให้เหมาะกับงาน
         • สอนลูกให้เรียนรู้ชีวิต ให้อิสระในการคิดและทำสิ่งในที่ชอบพร้อมทั้งให้คำแนะนำและอยู่เคียงข้างเสมอ

 

 

 

 

 




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ Secret ฉบับวันที่ 10 พฤศจิกายน 2551
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก hiclasssociety.com

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับแบบ กมลา สุโกศล อัปเดตล่าสุด 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา 11:32:24 25,952 อ่าน
TOP