แม้ว่าภาวะการเงินโลกจะอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงตัว และส่งผลกระทบต่อการแข่งขันกีฬาทั้งทางตรงและทางอ้อม จนมีสปอนเซอร์หลายเจ้าขอถอนตัวจากการเป็นผู้ให้การสนับสนุนในบางชนิดกีฬา
... (อย่าเอาจุดออกค่ะ) แต่สำหรับการแข่งขันเทนนิส ดับเบิลยูทีเอทัวร์ ในฤดูกาลหน้า กลับสวนกระแสที่ว่านี้ เพราะในปี 2009 ฝ่ายจัดการแข่งขันเตรียมปรับรูปแบบใหม่เพื่อให้การแข่งขันเข้มข้นและยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรวมถึงการเพิ่มเงินรางวัลสูงเป็นสถิติด้วย โดยยอดรวมของเงินรางวัลในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เป็น 86 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,010 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ในรายการใหญ่ๆ 4 รายการ ประกอบด้วย อินเดียนเวลส์ (สหรัฐอเมริกา), โซนี่ อิริคส์สัน โอเพ่น (สหรัฐอเมริกา), มาดริด โอเพ่น (สเปน) และไชน่า โอเพ่น (จีน) จะเพิ่มเงินรางวัลรวมแต่ละรายการเป็น 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (157.5 ล้านบาท) เท่ากับรายการแกรนด์สแลม 4 รายการ (ออสเตรเลียน โอเพ่น, เฟร้นช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน, ยูเอส โอเพ่น) และรายการปิดท้ายฤดูกาล "โซนี่ อีริคส์สัน แชมเปี้ยนชิพส์" ด้วย
"การปรับแผนกลยุทธ์ใหม่นี้ ทำให้ในปี 2009 เราจะได้เห็นผลิตผลที่แข็งแกร่งที่สุดของวงการเทนนิสหญิงอาชีพ และแฟนๆ ก็จะได้ดูพวกสตาร์ดังหวดกับคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันยิ่งขึ้น" แลร์รี่ สกอตต์ ประธานบริหารของดับเบิลยูทีเอทัวร์กล่าว
เหลือเพียง 20 รายการ เพื่อให้นักกีฬาได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันจะปิดฤดูกาลลงในเดือนตุลาคม ทำให้มีเวลาพักราวๆ 7-3 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากเดิม 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะส่งผลดีในแง่ของนักกีฬาที่จะลงเล่นได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้น ขณะเดียวกันจำนวนนักหวดที่ถอนตัวจากการแข่งขัน อันเนื่องจากอาการเจ็บและอาการล้าก็จะลดน้อยลงไปด้วย
ส่วนจำนวนทัวร์นาเมนต์ที่บังคับให้นักหวดที่มีมืออันดับต้นๆ ของโลกลงแข่ง ก็ลดลง 23 เปอร์เซ็นต์ จาก 13 รายการ เหลือ 10 รายการ พร้อมทั้งจำกัดจำนวนรายการที่นักหวดเหล่านั้นจะลงเล่นในรายการอื่นที่นอกเหนือจาก 20 รายการของพรีเมียร์ด้วย แต่หากนักหวดในอันดับท็อป 10 คนใดถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ของพรีเมียร์จะมีบทลงโทษปรับเงินในจำนวนที่สูงขึ้นกว่าเดิม
"ทั้งแฟนเทนนิส, นักกีฬา และสปอนเซอร์ ต่างก็ได้รับผลประโยชน์กันถ้วนหน้า และปฏิทินแข่งขันใหม่ก็ทำให้นักหวดมีสุขภาพที่ดีขึ้น, มีสนามที่ได้มาตรฐานระดับเวิลด์คลาส บวกกันมีเงินรางวัลที่เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้จะช่วนยกระดับเทนนิสให้สูงขึ้น"
ด้านนักหวดดังอย่าง วีนัส วิลเลียมส์ อดีตมือ 1 โลกซึ่งมีชื่อเป็นสมาชิกสภานักหวด และมีส่วนร่วมในการปรับรูปแบบการแข่งขันครั้งนี้ เผยว่าปฏิทินแข่งขันใหม่นี้ถือเป็นตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกันระหว่างนักหวด กับฝ่ายจัดการแข่งขัน เพื่อให้วงการเทนนิสดีขึ้นทั้งกับแฟนๆ เทนนิส, นักกีฬา และฝ่ายจัดการแข่งขันเอง
ไม่เพียงแค่ปรับรูปแบบ เพิ่มเงินรางวัล และทุ่มงบฯ ดูแลสนามเท่านั้น แต่ดับเบิลยูทีเอยังเพิ่มสีสันในสนามแข่งขันด้วยการอนุญาตให้โค้ชสอนนักกีฬาในสนามได้ในทุกรายการด้วย หลังจากประเด็นดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการดับเบิลยูทีเอ ซึ่งตามกฎใหม่ที่บัญญัติขึ้นมานั้น จะอนุญาตให้นักหวดขอเรียกโค้ชได้เซ็ตละ 1 ครั้ง ในช่วงที่เปลี่ยนฝั่งหรือจบเซ็ต แต่สามารถขอเรียกโค้ชในช่วงที่คู่แข่งขอเวลานอกเพื่อรักษาอาการเจ็บ หรือไปเข้าห้องน้ำได้ ซึ่งโค้ชทุกคนต้องติดไมโครโฟนไว้กับตัวด้วย เพื่อให้แฟนกีฬาที่รับชมการแข่งขันทางทีวีได้ฟังเสียงสนทนาของโค้ชไปพร้อมๆ กัน
... เรียกว่าเป็นการ "ยกเครื่อง" เพื่อปรับโฉมวงการเทนนิสหญิงโลกให้โดนใจทุกฝ่ายอย่างแท้จริง!
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
