อาการผื่นแดงที่ใบหน้าร่วมกับเป็นขุยรอบที่แก้ม ข้างจมูก คิ้ว ไรผม ที่เรียกว่า โรคเซ็บเดิม (Seborrheic dermatitis) นั้นพบในคนไทยบ่อยขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว เซ็บเดิมเป็นโรคในกลุ่มเดียวกับรังแคและโรคสะเก็ตเงิน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ โรคเซ็บเดิมแสดงอาการเป็นผื่นแดงตามหน้าผาก ข้างแก้ม คิ้ว หรือเป็นผื่นมีขุยที่เหนือคิ้ว ร่องจมูก แนวไรผม
นอกจากพบผื่นที่ใบหน้าแล้วยังอาจพบผื่นที่หนังศีรษะคล้ายรังแค แต่หนังศีรษะจะมีผื่นแดงและยังพบตามตำแหน่งอื่นๆ ที่มีต่อมไขมันมาก ได้แก่ ในรูหู หลังหู ในสะดือ และหัวเหน่า เป็นต้น ในบางรายอาจมีอาการคัน ตำแหน่งที่พบเซ็บเดิมเป็นตำแหน่งเดียวกับที่พบโรคสิว เพราะพบในบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมากเช่นกัน
ในอดีตโรคเซ็บเดิมนี้พบบ่อยในฝรั่ง แต่ปัจจุบันคนไทยมีสภาพความเป็นอยู่คล้ายชาวตะวันตกและมีความเครียดสูงขึ้น จึงทำให้พบอาการเช่นนี้มากขึ้นด้วย ปัจจัยที่ทำให้โรคเซ็บเดิมหรือรังแคของผิวหน้ากำเริบ ได้แก่ ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวหน้าแห้ง ล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยครั้งเกินไปหรือใช้น้ำอุ่นล้างหน้า การโดนแสงแดดจัด ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัด
แนวทางในการรักษาโรคนี้คือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นดังกล่าว รวมทั้งเลือกใช้ครีมบำรุงให้เหมาะสมกับสภาพผิว หากเป็นมากควรพบแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาทาที่เหมาะสม เช่น ครีมทาลดเชื้อยีสต์ หรือครีมสเตียรอยด์อย่างอ่อน เนื่องจากโรคนี้มักเป็นๆ หายๆ คุณจึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไปเพราะทำให้เครียดและโรคจะยิ่งกำเริบขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
โดย : พญ.สุวรรณา เจริญพุทธคุณ
นอกจากพบผื่นที่ใบหน้าแล้วยังอาจพบผื่นที่หนังศีรษะคล้ายรังแค แต่หนังศีรษะจะมีผื่นแดงและยังพบตามตำแหน่งอื่นๆ ที่มีต่อมไขมันมาก ได้แก่ ในรูหู หลังหู ในสะดือ และหัวเหน่า เป็นต้น ในบางรายอาจมีอาการคัน ตำแหน่งที่พบเซ็บเดิมเป็นตำแหน่งเดียวกับที่พบโรคสิว เพราะพบในบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมากเช่นกัน
ในอดีตโรคเซ็บเดิมนี้พบบ่อยในฝรั่ง แต่ปัจจุบันคนไทยมีสภาพความเป็นอยู่คล้ายชาวตะวันตกและมีความเครียดสูงขึ้น จึงทำให้พบอาการเช่นนี้มากขึ้นด้วย ปัจจัยที่ทำให้โรคเซ็บเดิมหรือรังแคของผิวหน้ากำเริบ ได้แก่ ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวหน้าแห้ง ล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยครั้งเกินไปหรือใช้น้ำอุ่นล้างหน้า การโดนแสงแดดจัด ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัด
แนวทางในการรักษาโรคนี้คือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นดังกล่าว รวมทั้งเลือกใช้ครีมบำรุงให้เหมาะสมกับสภาพผิว หากเป็นมากควรพบแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาทาที่เหมาะสม เช่น ครีมทาลดเชื้อยีสต์ หรือครีมสเตียรอยด์อย่างอ่อน เนื่องจากโรคนี้มักเป็นๆ หายๆ คุณจึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไปเพราะทำให้เครียดและโรคจะยิ่งกำเริบขึ้น
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
โดย : พญ.สุวรรณา เจริญพุทธคุณ