กระทรวงสาธารณสุขประกาศเพิ่ม 14 จังหวัดรอบกรุงเป็นพื้นที่เสี่ยงไข้หวัดนก แม้ไทยปลอดผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนกมากว่า 2 ปี ระบุเพราะยังพบการแพร่ระบาดของเชื้อในสัตว์ปีก 61 ประเทศทั่วโลก เผยสภาพอากาศเอื้อต่อการกระจายของเชื้อ จึงต้องเฝ้าระวังเข้มข้น หวั่นหากควบคุมโรคไม่ดีพอ ส่อแววเชื้อหวัดนกผสมเชื้อไข้หวัดใหญ่ในคนกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ ด้านคนบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เริ่มผวาแล้ว จู่ๆ นกปากห่างนับหมื่นตัวอพยพหนีหนาวมาอาศัยในป่าใกล้ชุมชน ห่วงนำเชื้อข้ามถิ่นมาด้วย หนำซ้ำยังขี้เรี่ยราด ส่งกลิ่นเหม็น จนสุดทน
จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติในระยะนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการประชุมผู้บริหารกระทรวง เกี่ยวกับการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนก โดย นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมผู้บริหารและมิสเตอร์ไข้หวัดนกในพื้นที่เสี่ยง 14 จังหวัด เพื่อเร่งรัดการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและการดูแลผู้ป่วยไข้หวัดนกได้อย่างมีประสิทธิภาพว่า ปัจจุบันโรคไข้หวัดนกยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่ใน 61 ประเทศทั่วโลก เชื้อมีโอกาสแพร่กระจายระหว่างภูมิภาค หากไม่มีการควบคุมโรคที่ดี อาจนำไปสู่การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่เกิดจากการผสมของเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ในคน
รองปลัด สธ.กล่าวอีกว่า สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในคนของไทย ตั้งแต่ปี 2547-ปัจจุบัน มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 25 ราย เสียชีวิต 17 ราย รายสุดท้ายพบเมื่อกรกฎาคม 2549 และแม้ไทยจะปลอดจากโรคไข้หวัดนกในคนมากว่า 2 ปี แต่จากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งทำให้การกำจัดเชื้อเป็นไปได้ยาก รวมทั้งสภาพภูมิอากาศที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนกในคนได้อีก จึงต้องควบคุมป้องกันอย่างต่อเนื่อง หากมีสัตว์ปีกติดเชื้อ จะต้องป้องกันไม่ให้คนติดเชื้อหรือป่วย และหากมีผู้ป่วยต้องดูแลรักษาไม่ให้เสียชีวิต โดยประสานการทำงานกับปศุสัตว์และฝ่ายปกครองในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ในปีนี้กรมควบคุมโรคได้ปรับเกณฑ์จังหวัดพื้นที่เสี่ยงโรคไข้หวัดนกใหม่ เพื่อเพิ่มความครอบคลุมในการควบคุมเฝ้าระวังโรค ได้แก่จังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดนกตั้งแต่ปี 2547-2551 จังหวัดที่มีพื้นที่เสี่ยงซ้ำซากของกรมปศุสัตว์ และจังหวัดที่เคยมีความเสี่ยงรองลงมาของกรมปศุสัตว์และมีผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกมากที่สุด ซึ่งจะทำให้สามารถจัดการปัญหาได้ตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณการระบาด โดยมีจังหวัดที่เข้าข่ายพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก 14 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ชัยนาท ปราจีนบุรี นครนายก สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น และหนองบัวลำภู
ส่วนที่ จ.สุพรรณบุรี เวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณป่าสะแกข้างวัดปากคลองกุ่ม หมู่ 7 ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พบนางจำลอง สุดใจ อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 7 ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า อาชีพทำสวนมะม่วง สวนกล้วย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการที่มีนกปากห่างนับหมื่นตัวมาอาศัยอยู่ในป่าละเมาะ ที่ติดอยู่กับสวนมะม่วงของตน เนื่องจากทำให้ต้นไม้ตาย ส่งกลิ่นเหม็นและที่สำคัญเกรงว่าจะมีโรคไข้หวัดนก หรือโรคติดต่อที่มากับนกปากห่าง
นางจำลองกล่าวอีกว่า นายประเทือง สุดใจ อายุ 67 ปี สามี ขณะนี้ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เพิ่งได้รับการผ่าตัดต้องเจาะคอ เกรงว่าจะติดเชื้อจากนกปากห่างที่มาอาศัยอยู่ใกล้บ้านพัก ซึ่งนกปากห่างฝูงนี้มาอาศัยอยู่ใกล้กับไร่ของตนมาประมาณ 15 วัน โดยคาดว่านกฝูงนี้จะอพยพหนีอากาศหนาวมาจากประเทศไซบีเรีย หรือประเทศโซนหนาว เช่น ขั้วโลกเหนือ นอกจากนี้ ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงยังกลัวโรคไข้หวัดนกระบาด โดยเฉพาะวัดปากคลองกุ่ม ซึ่งอยู่ติดกับฝูงนกดังกล่าวก็ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเช่นกัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบพระครูโอภาสพัฒนากร หรือพระอาจารย์จำเริญ เจ้าอาวาสวัดปากคลองกุ่ม ซึ่งกล่าวตรงกันว่า พระลูกวัดต่างได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นมูลนก ฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศทำให้ระบบทางเดินหายใจติดขัด
เช่นเดียวกับนายผล อยู่รอด อายุ 65 ปี บ้านอยู่ ใกล้เคียงกันก็กล่าวว่า นกปากห่างฝูงนี้ไม่เคยมาอาศัยอยู่ที่นี่ ปีนี้เป็นปีแรกที่ชาวบ้านแถบนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะข้าวปลาอาหารแทบจะกินกันไม่ได้เลย เพราะฝุ่นที่คลุ้งอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งกลิ่นมูลนกนั้นเหม็นอย่างมาก หากมีฝนตกลงมายิ่งส่งกลิ่นแรงขึ้นไปอีก จึงอยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อแก้ไขด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
