x close

เตือนภัยหมอกลงจัด 22-23 ม.ค. สุวรรณภูมิ เที่ยวบินจอดไม่ได้

หมอก



เตือนภัยหมอกลงจัด 22-23 มกราคม สุวรรณภูมิป่วน 11 เที่ยวบินจอดไม่ได้

          อุตุฯ ประกาศเตือนภัยหมอกลงจัด 22-23 มกราคม เดินทางระวังอุบัติเหตุ สนามบินสุวรรณภูมิป่วน 11 เที่ยวบินจากหลายชาติลงไม่ได้ ร่อนจอดชั่วคราวที่ดอนเมือง-เชียงใหม่-ภูเก็ต ขณะที่รถทัวร์อุบลฯ-ระยอง เสยท้ายพ่วง 18 ล้อ เจ็บ 24

          เมื่อวันที่ 22 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 26/2552 เรื่อง "ประเทศไทยตอนบนมีหมอกหนาในหลายพื้นที่" ความว่า เนื่องจากในช่วงวันที่ 22-23 มกราคม 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลงมาก ประกอบกับมีลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีหมอกเพิ่มมากขึ้น 

          โดยจะมีหมอกหนาและหมอกลงจัดในหลายพื้นที่ในช่วงเวลา 01.00-08.00 น. ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นในแนวราบต่ำกว่า 500 เมตรลงมา ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง การคมนาคมและขนส่งในช่วงเวลาดังกล่าวได้ จึงขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะและผู้เดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ ระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกลงจัด โดยการเปิดไฟตัดหมอกสีเหลือง และลดความเร็วลงในขณะขับขี่ยานพาหนะในบริเวณที่มีหมอกหนาหรือหมอกลงจัดไว้ด้วย

 11 เที่ยวบินลงสุวรรณภูมิไม่ได้ 

          จากสภาวะอากาศซึ่งมีหมอกหนาจัดที่บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในช่วงเช้าวันเดียวกัน นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ในช่วงเวลา 07.00-08.00 น. กัปตันไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ทั้งสิ้น 11 เที่ยวบิน จึงเปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดชั่วคราวที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง 8 เที่ยวบิน ได้แก่ สายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 975 จากโดโมดีโดโว สายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 518 จากดูไบ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ พีจี 100 จากสมุย สายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ซีไอ 066 จากอัมสเตอร์ดัม สายการบินการ์ตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ คิวอาร์ 612 จากโดฮาร์ สายการบินกัลฟ์แอร์ เที่ยวบินที่ จีเอฟ 150 จากบาห์เรน สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค เที่ยวบินที่ ซีเอ็กซ์ 2700 จากการาจี และสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ เอฟดี 880 จากกัวลาลัมเปอร์ 

          นอกจากนี้ ยังบินไปลงที่ท่าอากาศยานนานชาติภูเก็ต 2 เที่ยวบิน ได้แก่ สายการบินเอธิฮัดแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ อีวาย 402 จากอาบูดาบี และสายการบินเจ็ตแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ 9 ดับเบิลยู 062 จาก มุมไบ ขณะที่สายการบินซาอุดีอาระเบียน เที่ยวบินที่ เอสวี 999 จากเซี่ยงไฮ้ ไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ 

          ต่อมาเวลา 09.00 น. เมื่อสภาวะอากาศดีขึ้น ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ สามารถให้บริการเที่ยวบินขึ้น-ลงได้ตามปกติ โดยเที่ยวบินที่ไปลงจอดชั่วคราวที่ท่าอากาศยานแห่งอื่นนั้น ได้ทยอยบินกลับมาลงตามเดิม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในระยะนี้ เป็นช่วงที่มีหมอกลงจัดซึ่งอาจทำให้เกิดทัศนวิสัยต่ำได้อีก ดังนั้นผู้ใช้บริการไปรับ-ส่งผู้โดยสาร ขอให้ติดต่อสอบถามรายละเอียดเที่ยวบินล่วงหน้าได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ทอท. โทรศัพท์ 0-2132-1886-7 หรือ 0-2132-1888

 ทัวร์ชนท้ายพ่วง 18 ล้อ เจ็บ 24 

          เมื่อเวลา 03.30 น. ร.ต.ท.ไพรวัลย์ รัตนปัญญา ร้อยเวรสอบสวน สภ.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนที่ กม.42-43 ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ฝั่งขาเข้า หมู่ 1 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม ไปตรวจสอบพบรถโดยสารปรับอากาศ สายอุบลราชธานี-ระยอง ทะเบียน 10-2331 ระยอง ของบริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ชนติดอยู่ที่ด้านท้ายรถยนต์บรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียนหัวลาก 82-7893 หางพ่วง 82-7894 นครราชสีมา ของบริษัท เก่ง เฮง ขนส่ง จำกัด โดยมีหน่วยกู้ภัยพนมสารคาม กำลังช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บ 24 คน ส่งโรงพยาบาลพนมสารคาม ซึ่งส่วนใหญ่มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย ในจำนวนนี้มี 2 คน อาการสาหัสติดอยู่ภายในรถโดยสาร ทราบชื่อว่า นายครรชิต สิงห์เปี้ย คนขับรถโดยสาร อายุ 41 ปี บาดเจ็บขาขวาท่อนล่างหัก และ น.ส.ปรียาวรรณ เพพัง อายุ 27 ปี พนักงานต้อนรับบนรถโดยสาร บาดเจ็บขาซ้ายหัก 

          จากการสอบสวน นายสมศักดิ์ กลิ่นศรีสุข อายุ 37 ปี คนขับรถบรรทุกพ่วงให้การว่า ขับรถบรรทุกกากแป้งมันสำปะหลังมาจากเขต อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อไปส่งยังท่าเทียบเรือในเขตพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีหมอกลงจัดมาก กระทั่งมองเห็นท้ายรถคันหน้าได้ไม่เกินระยะ 10 เมตร จากนั้นรถพ่วง 18 ล้อ อีกคันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเบรกกะทันหัน ตนหักหลบไม่พ้นจึงชนท้ายอย่างแรง ทันใดนั้นรถโดยสารคันดังกล่าวก็พุ่งเข้าชนท้ายรถของตนอีกที ส่วนรถคันหน้าหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุครั้งนี้ รถหลายคันที่สัญจรไปมาบนเส้นทางดังกล่าว ทั้งรถโดยสารและรถบรรทุกแก๊สต่างเปิดไฟให้สัญญาณและเปิดไฟฉุกเฉิน เนื่องจากเกือบเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง บางคันหักหลบคันหน้าอย่างกระชั้นชิดจนเกือบตกถนน 

          ร.ต.ท.ไพรวัลย์ กล่าวว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากมีหมอกลงปกคลุมพื้นผิวจราจรบนท้องถนนอย่างหนาแน่น จนทำให้ทัศนวิสัยในการใช้รถใช้ถนนไม่ดี คนขับรถมองไม่เห็นเส้นทางจึงเกิดอุบัติเหตุชนกันขึ้น แต่รถทั้งสองคันมีประกันภัยชั้นสาม ของบริษัทวิริยะประกันภัย ซึ่งตัวแทนเดินทางมาแล้ว ส่วนรถพ่วงอีกคัน ซึ่งเป็นรถต้นเหตุ ขณะนี้ได้วิทยุแจ้งให้พื้นที่ข้างเคียงสกัดจับ ทราบว่ามุ่งหน้าไปยังเส้นทางเข้า อ.พนมสารคาม 

          ส่วน นายชัยยา ศิลย์กิจโกศล นายท่าของบริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ประจำสถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.พนมสารคาม กล่าวว่า ในเบื้องต้นบริษัทจะได้สำรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้โดยสารไปก่อน รายละ 300-1,000 บาท โดยขณะเกิดเหตุมีผู้โดยสารบนรถ 32 คน พนักงานบนรถ 2 คน แต่ได้รับบาดเจ็บ 24 คน เป็นชาวแคนาดา 2 คน คือ Mr.Matert Mustapha อายุ 59 ปี และ Mr.Nigle Hellyek อายุ 68 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ

 นักบินชี้สุวรรณภูมิเสี่ยง  

          นายกรณ์ แมนสุมิตร์ชัย รองประธานสหพันธ์สมาคมนักบินนานาชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบความปลอดภัยทางการเดินอากาศ เมื่อวันที่ 21 มกราคม สมาคมนักบินไทยได้นำปัญหาเรื่องความปลอดภัยทางการบินเข้าหารือในที่ประชุม โดยเฉพาะประเด็นอันตรายจากฝูงนกจำนวนมากที่บินเข้ามาในพื้นที่รอบๆ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่นักบินทุกคนเป็นห่วงมาก 

          การบินขึ้นลงของสนามบินแห่งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าฝูงนกชนิดต่างๆ ที่มาอาศัยพื้นที่แอ่งน้ำ ร่องน้ำ ที่มีอยู่หลายแห่งรอบๆ สนามบินเป็นแหล่งอาหาร มักจะเป็นอุปสรรคต่อการบังคับเครื่องบินขึ้นลงของนักบินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนกที่มีขนาดใหญ่ เช่น นกปากห่าง นกยาง นกแอ่นทุ่งใหญ่ นกชายเลนต่างๆ ที่มักจะบินเข้ามาในบริเวณสนามบิน และบางส่วนก็บินเข้าชนเครื่องบิน ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง 

          สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ ฝูงนกอาจจะเข้าไปในเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินของสายการบินยูเอสแอร์เวย์ ที่นักบินจำเป็นต้องนำเครื่องลงจอดในแม่น้ำฮัดสัน มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังจากมีฝูงนกบินเข้าชนเครื่องยนต์ของเครื่องบิน เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว 

          และเมื่อปี 2551 มีเครื่องบินของสายการบินไทย ที่จะไปลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประสบปัญหาเครื่องบินชนฝูงนกหลังจากที่วิ่งขึ้นทำให้เครื่องยนต์เสียหาย แต่นักบินก็สามารถนำเครื่องลงได้อย่างปลอดภัยแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทิ้งน้ำมันและซ่อมเครื่องยนต์ไปหลายล้านบาท ล่าสุดก็มีเครื่องบินของสายการบินเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับความเสียหายที่เกิดจากนกมูลค่าหลายล้านบาทด้วย 

          "เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นักบินทุกคนที่ต้องใช้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นประจำเป็นห่วงอย่างมาก และยอมรับว่าทุกคนกลัวอันตรายจากนกเหล่านี้ และเราได้เคยนำเสนอไปยังการท่าอากาศยานมาแล้วหลายครั้ง ให้มีการจัดการสภาพแวดล้อมบริเวณสนามบินเพื่อไม่ให้เหมาะสมกับการเข้ามาพักหาอาหารของนก เพราะลำพังแค่การใช้วิธีไล่ที่ตัวนกคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวร อย่างไรก็ตามก็ได้รับคำชี้แจงจาก ทอท.ว่าได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ที่ช้าเพราะติดขัดงบประมาณ" นายกรณ์ ระบุ 

          รองประธานสหพันธ์สมาคมนักบินนานาชาติ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ต้องยอมรับว่าสนามบินแห่งนี้ในความเห็นของนักบินส่วนใหญ่เห็นว่ามีจุดอันตราย ที่อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงอยู่หลายจุดด้วยกัน โดยมีปัญหาเรื่องนกอยู่ในลำดับแรก ตามด้วยเรื่องของสภาพของสนามบิน เช่น ความพร้อมของระบบไฟตามจุดต่างๆ ทั้งบนทางวิ่งและทางขับที่เสียหายมาตั้งแต่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเริ่มเปิดใช้งาน แต่ก็ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมเสียที 

          "ขณะนี้นักบินทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักบินชาวไทย หรือต่างประเทศ ทุกคนกังวลเพราะนกที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นปัญหาจริงๆ จึงอยากให้ ทอท.เร่งแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะมีโครงการสร้างรันเวย์ที่ 3 เพราะถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนกเหล่านี้ได้ก็คงต้องรอเพียงวันที่จะมีเครื่องบินเกิดเหตุชนฝูงนกจนเครื่องยนต์ดับเหมือนในอเมริกาเท่านั้น" นายกรณ์ กล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เตือนภัยหมอกลงจัด 22-23 ม.ค. สุวรรณภูมิ เที่ยวบินจอดไม่ได้ อัปเดตล่าสุด 23 มกราคม 2552 เวลา 09:25:33 8,129 อ่าน
TOP