x close

สภาป่วนให้ สุนัย ออกจากที่ประชุม พท.แห่วอล์กเอาท์ตาม

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ



สภาป่วนไม่เลิก ให้"สุนัย"ออกจากที่ประชุม พท.แห่วอล์กเอาท์ตาม เจอนับองค์ประชุมอีก (มติชนออนไลน์)

          "มาร์ค"โต้ลอกประชานิยม"แม้ว"ปัดข้อหาทุน นิยมสามานย์ แจงเหตุไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน "เฉลิม"ถล่มงบฯกลางคนแรก ชำแหละ 18 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จวกเม็ดเงินไปกระจุกตัวอยู่ที่พรรคแกนนำตั้งรัฐบาล เอาเงินไปเก็บไว้ในมือนายกฯ กว่า 4,000 ล้าน แฉซื้อข้าวสารแจก มีบริษัทหนึ่งซื้อข้าวตามสเป็กที่กระทรวงแรงงานกำหนดไว้รอแล้ว

สภาฯ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ กลางปี 238 ต่อ 1

          เวลา 23.55 น. วันที่ 28 มกราคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวสรุปถึงความจำเป็นการจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติมเพื่อเข้าไปแก้ปัญหาในโครงการต่างๆ ทุกภาคส่วน พร้อมกับขอเพื่อนสมาชิกในสภาช่วยกันผ่านความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552

          เวลา 00.35 น. วันที่ 29 มกราคม มีการเสนอปิดอภิปราย นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ให้เช็คองค์ประชุม ปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมประชุม 258 คนถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง จึงให้มีการลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม 2552 หรือไม่ ผลการลงคะแนน เห็นด้วย 238 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ไม่ลงคะแนน 15 เสียง ถือว่ารับหลักการในวาระที่ 1 และให้ตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา รวม 35 คน แปรญัตติภายในเวลา 5 วันและปิดประชุมสภาในเวลา 00.59 น.

"กรณ์"ยัน เก็บภาษีชดเชย 1.9 หมื่นล้าน
 
          เวลา 22.40 น. นายกรณ์  จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงถึงเหตุผลสำคัญจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติม งบประมาณปี 2552 จำนวน 1.167 แสนล้านบาทว่า  รัฐบาลจำเป็นต้องนำเสนอมาตรการเร่งด่วน ผันเงินไปสู่มือประชาชน เพื่อที่จะได้ให้เงินส่วนนี้หมุนกลับเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจ และยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเสถียรภาพการเงินของรัฐบาล ส่วนความกังวลเรื่องการดำเนินการตามมาตรา 169 ในการตั้งงบประมาณชดเชยเงินคงคลัง จำนวน 1.9 หมื่นล้านบาทนั้น ยืนยันว่า แหล่งรายได้จะมาจากภาษี ไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน เพราะภายหลังจากอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 1.167 แสนล้านเข้าสู่ระบบแล้ว จะส่งผลต่อการขยายตัวของ จีดีพี ในอัตรา 0.9 % คิดเป็นมูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท เกิดการลงทุน นำมาซึ่งรายได้ภาษีที่จะกลับคืนมาสู่รัฐบาล จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท

          "ล่าสุดครม.ก็เพิ่งเห็นชอบการปรับอัตราจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินทั้งสองส่วนน่าจะเพียงพอต่อการชดเชยเงินคงคลัง"

รมว.ศธ.แจงยันจัดซื้อไม่มีทุจริต

          กระทั่งเวลา 21.15 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ได้ชี้แจงว่า กรณีที่สมาชิกสงสัยโครงการเรียนฟรี 15 ปี ที่ต้องมาใช้งบเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 52 แทนที่จะตั้งไว้ในงบปกตินั้น เพราะปีการศึกษาที่จะถึง หากไม่ตั้งงบเพิ่มเติม ก็จะไม่มีงบประมาณในจุดนี้ ทั้งนี้โครงการนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขยายโอกาสทางการศึกษา เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดขั้นต่ำ 12 ปี และการเรียนฟรีนั้น เป็นการจัดให้ฟรี 5 หมวดคือ ค่าเล่าเรียน ตำรา อุปกรณ์ เครื่องแบบ และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ 

          นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนกรณีตำราเรียนที่มีการอภิปรายว่า ราคากลางจากองค์การค้าคุรุสภาแพงกว่าเอกชนเป็นเท่าตัว เมื่อตนขอให้นำเอกสารมาแสดงให้ประธาน สมาชิกที่อภิปรายก็ไม่นำมานั้น ขอชี้แจงว่า การจะเปรียบเทียบต้องดูคุณภาพหนังสือ กระดาษ ปริมาณหน้า ระบบการพิมพ์ ด้วยเกณฑ์ที่เสมอกัน นอกจากนี้ องค์การค้าก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า ราคาไม่ได้สูงกว่าของเอกชนอย่างที่มีการอภิปราย ทั้งนี้ตนอยากให้สบายใจว่า ตำราที่จะจัดให้นั้น กระทรวงจะไม่ใช่ผู้จัดซื้อ เพราะตนไม่ต้องการให้เกิดคำครหานินทา และตนประกาศนโยบายชัดไปแล้วว่า กระทรวงจะไม่จัดซื้อ กรณีนี้จะให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนดำเนินการ เพราะโรงเรียนจะเป็นเจ้าของตำรา โดยจะใช้ระบบให้นักเรียนยืมเรียน 1 ชุด 3 ปี และโรงเรียนสามารถมีทางเลือกจัดซื้อจากไหนก็ได้ เพียงแต่กระทรวงจะตั้งงบในราคามาตรฐานขององค์การค้า ซึ่งดูแล้วราคาต่ำกว่าเอกชนด้วยซ้ำ และราคากลางนี้กำหนดตั้งแต่ปี 46 มาถึงรัฐบาลนี้จะตั้งต่ำลงไปจากราคากลางดังกล่าวอีก 20 % ด้วย

          นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับกรณีเครื่องแบบนักเรียนที่มีการอภิปรายว่า กระทรวงตั้งราคาให้แพงไว้ก่อนนั้น ขอชี้แจงว่า กระทรวงไม่ได้ตั้งแพงไว้ก่อน แต่ตั้งไว้ถูกกว่าด้วยซ้ำ ทั้งนี้เกณฑ์ที่กระทรวงตั้งไว้ ทั้งชุดคือ 150 -250 บาท ขณะที่กางเกงที่สมาชิกเอามาแสดง ตัวละ 200 กว่าบาทแล้ว และราคานี้ตนไม่ได้เป็นคนตั้ง แต่กระทรวงไปสำรวจแล้ว และเป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด และขณะนี้รัฐบาลนี้ยังไม่ได้จัดซื้อ และตนไม่มีนโยบายให้กระทรวงจัดซื้อ แต่กำลังคิดว่า อาจให้แม่บ้านเย็บ หรือแจกเป็นเงินสดให้ผู้ปกครอง หรือวิธีอื่น ซึ่งตนจะฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง โดยวันที่ 30 มกราคม จะจัดฟังความเห็นที่โรงเรียนสตรีวิทยา ตั้งแต่ 11.00 น.ถึงเย็น โดยเน้น หลักประหยัดงบมากสุด โปร่งใสมากสุด ปัญหาตามมาน้อยสุด ยืนยันว่า วันนี้และอนาคตไม่มีทุจริตแน่

"สุนัย" ซัดรมว.ศธ.ไร้ฝีมือท้าออกทีวี

          ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ที่รัฐมนตรีชี้แจง เป็นคำตอบแบบเก่าๆ ที่พยายามทำลายการอภิปรายของตน ทั้งที่ราคาปรากฏชัดเจนว่า ราคากลางที่ตั้งตามองค์การค้าแพงกว่าเอกชนกว่าครึ่ง แม้ตั้งลดลงอีก 20 % ก็ยังแพงกว่า เป็นการใช้เทคนิคชี้แจง และรัฐมนตรีต้องไปตรวจสอบแล้ว ไม่ใช่มาบอกว่า ตนไม่ให้ข้อมูล แสดงถึงความไม่มีฝีมือ ซึ่งตนจะไม่ขอให้ผ่านงบเพิ่มเติม เพราะรัฐบาลไม่พยายามประหยัดเงินงบประมาณเลย และที่บอกว่าตั้งราคาไว้ตั้งแต่ปี 46 ตอนนั้นยังไม่มีโครงการจัดซื้อ แต่ตอนนี้มีโครงการ ก็สะท้อนถึงนโยบายประชาธิปัตย์นิยม อย่างเรื่องเครื่องแบบนักเรียนที่รัฐมนตรีบอกว่า จะให้แม่บ้านเย็บ ถามว่าตามเกณฑ์ที่กำหนดบอกว่า ต้องมี มอก. แล้วแม่บ้านจะหา มอก.อย่างไร ขอให้รับเรื่องไปดู ไม่ใช่มาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ การให้แม่บ้านทำยิ่งเปิดช่องคอรัปชั่น เพราะอาจได้ของคุณภาพต่ำแต่ราคาสูง ฉะนั้น ควรจ่ายเงินให้ผู้ปกครองไปซื้อเองจะดีสุด ทั้งนี้ตนขอท้าว่า ให้ทีวีเชิญตนกับรมว.ศึกษาธิการที่ไหนก็ได้

ถูกปธ.ไล่จากห้องประชุม พท.วอล์กเอาท์ตาม

          ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการใช้สิทธิ์พาดพิงของนายสุนัย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะโดยระบุว่า เป็นการพูดวกวน ซ้ำประเด็น ทำให้บรรยากาศภายในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในตอนท้าย นายสุนัย กล่าวพาดพิงว่า ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ ทำลายคนดีๆ มามากแล้วจากการอภิปรายแบบนี้ ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายคนประท้วงให้นายสุนัยถอน แต่นายสุนัยยืนยันไม่ถอน ทำให้พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมเชิญ นายสุนัย ออกจากห้องประชุม ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมด พากันวอล์กเอาท์ออกจากห้องประชุมตามนายสุนัยไปด้วย

          นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า  ที่มีสมาชิกอภิปรายในช่วงเช้า เกี่ยวกับโครงการถนนไร้ฝุ่นนั้น โครงการถนนไร้ฝุ่นได้งบน้อยจริง แต่จริงๆ โครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล และที่ให้งบมา 1.5 พันล้าน ถือเป็นโครงการนำร่องเท่านั้น และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จะจัดงบให้ดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนที่ไม่ได้ให้อปท.เป็นคนทำ เพราะต้องการให้อปท.เป็นผู้ดูแลหลังจากทำถนนเสร็จ

ซื้อ"ตำรา-ชุดนักเรียน" เปิดช่องทุจริต

          ก่อนหน้านี้ในช่วงบ่าย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้ เพราะ 1.ผิดกฎหมาย เนื่องจากเมื่อเงินไม่มีแล้วต้องไปกู้มา การกู้เงินไม่ใช่รายได้ 2.นายกฯพูดว่า จัดงบฯเพิ่มเติมเพื่อเอาน้ำไปดับไฟ แต่ครั้งนี้เป็นไฟไม่ปกติ เป็นไฟไหม้ในโครงสร้างระบบทุนโลกที่กระทบมาจากสหรัฐ ประกอบกับมีวิกฤตการเมืองในประเทศ 3.ไม่ใช่ประชานิยมธรรมดา แต่เป็นการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ หลายจังหวัดเร่งหาเสียง เหมือนว่าจะมีการยุบสภา เป็นประชาธิปัตย์นิยม และต่างจากประชานิยมที่รัฐบาลทักษิณทำ แจกไม่ทั่วถึง ทำให้คนแตกแยกกัน 4.เงินที่นำมาใช้ ประเทศต้องรับภาระต่อไป ซึ่งการใช้จ่ายนั้นก็ไม่วางใจ ตัวอย่างเช่น กรณีปลากระป๋องเน่า หรืองบฯเพิ่มเติมกระทรวงศึกษาธิการ 1.8 หมื่นล้าน กรณีการจัดซื้อเสื้อผ้านักเรียนและตำราเรียนที่เริ่มมีกลิ่นผิดปกติ 6,400 ล้านบาท ฉะนั้น ต้องรัดกุมไม่ให้มีการทุจริต

          "ได้ข้อมูลมาว่า รายงานการประชุมเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2552 มีประเด็นเรื่องหนังสือที่จะซื้อ ให้กำหนดราคากลางมาจากองค์การค้า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) แต่รู้หรือไม่ว่าหนังสือของ สกสค.แพงกว่าของเอกชนเกือบ 1 เท่า แม้จะลด 20% แต่ก็ยังแพงกว่าของเอกชน อีกปัญหาคือ ต่อไปราคาหนังสือของเอกชนจะปรับขึ้น และมีช่องว่างทุจริตคือ อาจมีการซื้อของเอกชนที่ราคาถูกมาแล้วฉีกปกออก จากนั้น พิมพ์ปกใหม่ให้เป็นขององค์การค้าฯ ส่วนครื่องแบบนักเรียนก็มีปัญา เงื่อนไขระบุว่า 2 ชุดต่อปีตามเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ไปตรวจสอบราคาตลาดพบว่า มีตรา มอก.แพงกว่าไม่มีตรา จึงเป็นประชาธิปัตย์นิยมชัดเจน และเปิดช่องทุจริตเชิงนโยบาย" นายสุนัยกล่าว

          ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอข้อมูลการเปรียบเทียบราคาหนังสือไปตรวจสอบและจะชี้แจงวันหลัง

ฝ่ายค้านยื้อขออภิปราย 2 วัน

          การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2552 เริ่มเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 มกราคม โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระ ส.ส.ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ลุกขึ้นหารือไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลเร่งรัดให้พิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่ม เติมให้เสร็จภายในคืนวันที่ 28 มกราคม เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินไปต่างประเทศ แต่ขอให้มีการขยายเป็น 2 วัน แม้นายกฯไม่อยู่ แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังอยู่

          ทำให้นายชัย ชี้แจงว่ากรอบเวลาการอภิปราย คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และวิปฝ่ายค้านตกลงกันแล้ว ขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันผลการหารือร่วมกันของวิปทั้งสองฝ่ายว่า ให้อภิปรายให้จบวันนี้ จากนั้นนายชัย จึงตัดบทขอให้วิปทั้งสองฝ่ายไปหารือกันอีกครั้ง และแจ้งว่า ตอนนี้ไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน คนที่นำอภิปรายจะถือว่าเป็นผู้แทนของพรรคเพื่อไทย เพราะการพิจารณาผู้นำฝ่ายค้านต้องรอให้ครบ 60 วัน จึงจะพิจารณาเสนอโปรดเกล้าฯ

          ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายชินวรณ์กล่าวว่า ได้ประสานกับฝ่ายค้านว่า จะใช้เวลาอภิปราย 10 ชั่วโมง 30 นาที โดยจะเสร็จสิ้นก่อนเวลา 24.00 น. เพื่อให้นายกฯได้กล่าวขอบคุณสมาชิกทั้งหมด โดยแบ่งเวลาให้ฝ่ายค้าน 5 ชั่วโมง รวมกับเวลาของผู้นำฝ่ายค้านที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ขอใช้สัดส่วนดังกล่าว ฝ่ายค้านจึงมีเวลาอภิปรายรวม 6 ชั่วโมง สำหรับฝ่ายรัฐบาล จะใช้เวลาอภิปราย 2 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนนายกฯและ ครม. จะมีเวลาอภิปราย 2 ชั่วโมง

"มาร์ค" แจงงบฯ 1.167 แสนล้าน

          เมื่อเข้าสู่วาระการพิจารณา นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า หลักการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณจำนวนไม่เกิน 116,700,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นจำนวน 97,560,523,700 บาท และเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 19,139,476,300 บาท โดย

          1.รัฐบาลจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินในการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วน เพื่อเร่งรัดฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระจายไปสู่ระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ ลดค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นใน ชนบท จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ไม่เกิน 97,560,523,700 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1.ค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐ เป็นเงิน 2,652,000,000 บาท 2.ค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพิ่มสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมนุม เป็นเงิน 6,900 ล้านบาท 3.เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน 4,090,448,000 บาท 4. เพิ่มจัดสรรตามแผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและแผน งานเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม ของหน่วยงานต่างๆ เป็นเงิน83,918,075,700 บาท

ชี้ว่างงานรุนแรงไตรมาส2-3

          2.ตามมาตรา 169 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ บัญญัติให้ต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังใน พ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีถัดไป ทั้งนี้ให้กำหนดแหล่งที่มาของรายได้ เพื่อชดใช้รายจ่ายที่ได้ใช้เงินคงคลังจ่ายไปก่อนแล้วด้วย ดังนั้นจึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 19,139,476,300 บาท

          "ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 ภาวะเศรษฐกิจโลกจะถดถอยและส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย การชะลอตัวของกำลังซื้อทั้งในและนอกประเทศ จะส่งผลให้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมลดลง ส่งผลให้มีการเลิกจ้างงาน ดังนั้นการว่างงานจะรุนแรงขึ้นในไตรมาสที่ 2 และ 3 ซึ่งจะส่งผลกระทืบต่อเนื่องต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่น รวมทั้งบรรยากาศการผลิตและการลงทุน และอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะปานกลางได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ไข โดยกำหนดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อดำเนินการในระยะเร่งด่วน สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่ายสิ่งจำเป็นในชีวิตอย่างต่อ เนื่องในระยะแรก และให้มีการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป"  นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายอภิสิทธิ์ชี้แจง นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นพร้อมกล่าวผ่านไมโครโฟนว่า "วันนี้พวกผมไม่อยู่ฟัง" และเดินออกจากห้องประชุม

"เฉลิม" นำทีมฝ่ายค้านชำแหละ

          จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิผู้นำฝ่ายค้ายอภิปรายเป็นเวลา 2 ชั่วโมงว่า ร่างพ.ร.บ.งบฯนี้ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจตามหลักเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นการกระจายรายได้ลงไปไม่ทุกภาคส่วน เม็ดเงินกระจุกตัวอยู่ที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และไม่เห็นด้วยกับการจัดงบฯให้กระทรวงการต่างประเทศ 325 ล้านบาท เพราะมีผู้แจ้งความที่ สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ให้ดำเนินคดีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากล จึงไม่เห็นด้วยที่จะเอาเงินให้ผู้ก่อการร้ายสากล และถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปที่สนามบินแล้วถูกจับกุมจะทำอย่างไร

          ร.ต.อ.เฉลิม ยังระบุว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาทเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า หลายโครงการเป็นงบฯประชานิยม และรัฐบาลไม่อายหรือที่เคยวิจารณ์รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นทุนนิยมสามานย์ แต่กลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียง

"มาร์ค" ไม่สนใครเริ่มประชานิยม

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อภิปราย นายอภิสิทธิ์ ได้ใช้สิทธิชี้แจงเป็นระยะๆ โดยสรุปว่า การแจ้งความดำเนินคดีนายกษิต ที่ สภ.ราชาเทวะ เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่นายกษิต ไปพูดในเวทีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่เกี่ยวกับกรณีกลุ่มพันธมิตรปิดสนามบิน และยอมรับว่า เคยอภิปรายเรื่องนโยบาย 30 รักษาทุกโรค เพราะเห็นว่า งบฯไม่พร้อม แต่การจะดำเนินการตามนโยบายหลักประกันสุขภาพนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำ เงินต้องพร้อม ทั้งนี้โครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เพิ่มงบประมาณต่อหัวเข้าไป ทุกอย่างที่เคยพูดวันนี้ก็ปรากฏตรงตามที่เคยวิเคราะห์ไว้เมื่อ พ.ศ.2544 ทุกประการ

          "บางโครงการถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชน ผมไม่เป็นคุณนายละเอียดหรือคิดเล็กคิดน้อยว่าใครเริ่มต้นไว้ ส่วนนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการก็เพิ่งทราบวันนี้ว่าเป็นความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเข้าใจว่าเป็นความคิดของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เดินต่อ อะไรที่แก้ไขก็ปรับปรุงส่วนที่ไม่ถูกต้องก็ยกเลิก นโยบายรัฐบาลวันนี้จะเรียกประชานิยมหรือไม่ก็แล้วแต่ ผมก็ไม่คิดจะเป็นเจ้าตำรับเศรษฐกิจ ผมรู้จักประมาณตน วันนี้บอกว่าจะพูดประชานิยมแล้วจะไปสู่ทุนสามานย์หรือไม่ ผมตอบว่าไม่ครับ เพราะคนคิดนโยบายนี้ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนั่นคือ หัวใจของทุนสามานย์" นายกรัฐมนตรีกล่าว

แกนนำพธม.ใช้สิทธิถูกพาดพิง

          เวลา 18.15 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพันธมิตร ใช้สิทธิถูกพาดพิงอภิปรายว่า ได้ถูกนายสุนัย จุลพงศธร และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พาดพิงมาหลายวันแล้วและอดทนมาโดยตลอด มีการกล่าวหาว่าพันธมิตรปิดสนามบิน ทั้งที่ข้อเท็จจริงพันธมิตรไม่ได้เป็นผู้ปิด แต่เป็นผู้ว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ที่สั่งการปิดสนามบิน มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แม้แต่บอร์ดยังตำหนิผู้ว่าการ ทอท.ว่า ปิดทำไม เพราะยังมีการยึดหอบังคับการบิน ซึ่งไม่เข้าข่ายเป็นการก่อการร้ายสากล หน่วยงานราชการก็ไม่เคยแจ้งข้อหานี้ มีแต่บุคคลที่แจ้งความและพันธมิตร ซึ่งได้แจ้งความกลับไปหมดแล้ว โดยขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด

          "พวกผมสู้อย่างยืนหยัด แม้จะถูกแผ่นปลิวว่าเป็นกบฏเข้ามาในสภาและมีความพยายามเอาข้อหานี้มาเล่นงาน ผมในสภา ซึ่งผมก็บอกว่า ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่ใช่เอกสิทธิ์ของ ส.ส. ผมไม่หวั่นไหวจะไม่หนีเป็นอาชญากรของสังคมและไม่มีทางจะสยบยอมต่ออำนาจที่ ชั่วร้ายทั้งหลาย" นายสมเกียรติกล่าว

"กรณ์" แจงแก้หนี้สินเกษตรกร

          เวลา 18.45 น. นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องที่ ครม.อนุมัติงบฯ 600 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ว่า เนื่องจากเห็นว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนของเกษตรกร ที่จำเป็นต้องใช้ที่ดินในการประกอบอาชีพ หากปล่อยให้ถูกยึดที่ดิน จะกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับการที่รัฐบาลรับปากจะช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้สินให้ เกษตรกร 4 ภาค รวมวงเงิน 17,500 ล้านบาท โดยคาดว่าในส่วนนี้จะสามารถเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

          "ที่รัฐบาลทำ เพราะตั้งใจจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เกษตรกร ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพรรคเพื่อไทยจึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาหนี้สินให้ เกษตรกร และการที่รัฐบาลยอมช่วยเหลือโดยที่ยังไม่ได้หาแหล่งเงิน ก็ไม่เป็นไร เพราะเราเชื่อว่าจะสามารถจัดหาเงินได้และจะทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ" นายกรณ์กล่าว

ขอนับองค์ป่วน-สั่งพัก10นาที

          จากนั้น นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอให้นับองค์ประชุม ทำให้บรรยากาศการประชุมตึงเครียดขึ้นมาในทันที ซึ่งนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม กดออดเรียกสมาชิก ทั้งนี้ ระหว่างที่รอสมาชิกเข้าห้องประชุม นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ หารือว่า การตรวจองค์ประชุมในการพิจารณางบประมาณไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนเป็นการขัดขวางการอนุมัติงบประมาณไม่ให้ไปช่วยประชาชน ทำให้ นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงอย่างมีอารมณ์ และขอให้ถอนคำว่า "ขัดขวางการอนุมัติงบประมาณ" แต่นายนริศไม่ถอน ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ฝ่ายค้านไม่รู้จะทำอะไร วันๆ เลยเสนอให้นับองค์ประชุม ทำให้บรรยากาศการประชุมและภาพลักษณ์สภาเสียหาย ส.ส.ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นตัวแทนประชาชนด้วย ฉะนั้น ขอให้นับองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อ ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนประท้วง ซึ่งในที่สุด นพ.วรงค์ยอมถอนคำว่า "ฝ่ายค้านไม่ทำอะไร วันๆ เลยเสนอให้นับแต่องค์ประชุม" แต่ยังยืนยันให้นับองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อ อย่างไรก็ดี ส.ส.ทั้งสองฝ่าย ยังประท้วงกันไปมาอีกพอสมควร ทำให้นายสามารถสั่งพักประชุม 10 นาที เมื่อเวลา 19.00 น.

          ภายหลังจากพักการประชุม นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ผลการหารือกับวิปรัฐบาล หากส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจะนับองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อ ฝ่ายค้านก็ยินดี ทำให้ นพ.วรงค์ยอมถอนการนับองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อ จากนั้น เป็นการนับองค์ประชุมด้วยการเสียบบัตรแสดงตนตามที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสนอ ปรากฏว่า มีสมาชิกแสดงตน 257 คน ถือว่าองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งที่ 228 คน และเข้าสู่การอภิปรายต่อไป

พท.เหน็บพรรคร่วมแทะกระดูก

          เวลา 19.30 น. ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การจัดงบฯครั้งนี้น่าประหลาด พรรคร่วมรัฐบาลได้รับน้อยมาก แค่แทะกระดูก โดยพรรคภูมิใจไทยได้เพียง 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ 13.18% พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 2.5 พันล้านบาท คิดเป็น 3% พรรคกิจสังคม 760 ล้านบาท คิดเป็น 0.65% ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 7.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 67.5% นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินคงคลัง 1.9 หมื่นล้านบาท หรือ 16.40% รวมแล้วพรรคประชาธิปัตย์ได้ 9.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 83.99%

          "ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมานั่งปรารภกับผมว่า เขาเล่นอะไรกัน แถมยังอภิปรายงบฯได้แค่ 4 นาที ก็ตอบไปว่าให้นึกถึงโปงลางสะออน โสน้าน่า อยากไปร่วมรัฐบาลกับเขาเอง ดังนั้น การตั้งงบฯปี 2553 ฝากประธานไปถึงสายลมแสงแดด อย่าให้เพื่อนเขาแทะกระดูก เพราะผมอยากให้รัฐบาลทำงานต่อไปอีกนาน" ร.ต.ท.เชาวรินกล่าว

ไล่ "วิฑูรย์" เก็บคัทเอาท์หาเสียงปีใหม่

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.เชาวรินยังได้ชูป้ายคัทเอาท์ขนาดใหญ่ขึ้นมาประกอบการอภิปราย โดยป้ายคัทเอาท์ดังกล่าว มีข้อความ "ครอบครัวสุขสันต์พร้อมกันปีใหม่" มีรูปนายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรี พม. ติดอยู่ด้วย ซึ่ง ร.ต.ท.เชาวรินอภิปรายว่า ไม่ทราบเอางบฯส่วนไหนไปทำ การติดรูปถือเป็นการเอาเงินหลวงไปประชาสัมพันธ์ตัวเอง ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บอกแล้วว่าเป็นเรื่องผิด และในรูปนายวิฑูรย์ยังติดเหรียญราชอิสริยาภรณ์ผิดด้วย ขอให้รีบเก็บป้ายดังกล่าวเพราะเป็นเรื่องเสื่อมเสียต่อสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ยังพบว่านายอภิสิทธิ์ ยังติดเหรียญราชอิสริยาภรณ์ผิดด้วย จึงขอให้แก้ไขด่วน เพราะเสื่อมเสียต่อสภาผู้แทนราษฏร ซึ่ง ร.ต.ท.เชาวรินได้ชูภาพนายอภิสิทธิ์ติดเหรียญผิดแสดงต่อที่ประชุมสภาด้วย และก่อนจบอภิปราย ร.ต.ท.เชาวรินได้อ่านกลอนด้วยทำนองเสนาะว่า "ปลาร้าบรรจุใส่ในกระป๋อง ไปแจกคนหมองเศร้า ชาวบ้านน้ำตานอง ปลาเน่าเหม็นเฮย งบประมาณถูกดึงเข้ากระเป๋าใคร"

          ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงว่า เคารพ ร.ต.ท.เชาวรินในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ เรียกว่า "ลุง"  ทุกคำ จึงไม่อยากให้มาพาดพิงกัน เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาไม่เคยแทะกระดูก ไม่ใช่สุนัข  


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สภาป่วนให้ สุนัย ออกจากที่ประชุม พท.แห่วอล์กเอาท์ตาม อัปเดตล่าสุด 29 มกราคม 2552 เวลา 11:03:18 11,002 อ่าน
TOP