เอเน็ต ลงมติไม่เยียวยานักเรียน แจงไม่ใช่ความผิดของระบบ (คมชัดลึก)
คณะกรรมการแก้ปัญหาเอเน็ตมีมติไม่เยียวยานักเรียน ชี้ไม่ใช่ความผิดพลาดของระบบ เผยมียอดผู้ร้องเรียนทั้งหมด 572 คน เปิดช่องให้สกอ.พิจารณานักเรียน 12 คน ที่อ้างเหตุบาร์โค้ดผิดพลาดเป็นพิเศษ หากพบข้อบกพร่องให้ชำระเงินภายหลังได้ เลขาธิการกกอ.คาดรู้ผล 16 ก.พ.นี้ ด้าน "จุรินทร์" แจงไม่มีอำนาจสั่งยืดเวลาสมัคร"เอเน็ต"
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เวลา 20.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการสมัครสอบการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (เอเน็ต) ซึ่งมีเด็กจำนวนหนึ่งเสียสิทธิ์เนื่องจากไม่สามารถชำระเงินค่าสมัครสอบได้ทันตามกำหนด โดยมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยทั้ง 21 แห่งเข้าร่วมการประชุม อาทิ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในฐานะประธานคณะอำนวยการ ศ.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ทั้งนี้ที่ประชุมใช้เวลาหารือร่วมกันนานกว่า 3 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 20.00 น. นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางมายังสกอ.เพื่อร่วมรับฟังผลการประชุมครั้งนี้ด้วยโดยดร.สุเมธ กล่าวว่า สกอ.ได้เปิดรับเรื่องร้องเรียนสำหรับนักเรียนที่ไม่สามารถชำระเงินตามกำหนดตั้งแต่วันที่ 8-13 กุมภาพันธ์ ซึ่งสกอ.ได้รับแฟกซ์ใบสุดท้ายในเวลา 17.00 น.ปรากฏว่ามียอดผู้มาร้องเรียนทั้งหมด 572 คน แบ่งเป็นจากต่างจังหวัด จำนวน 139 ราย ซึ่งคณะกรรมการได้จำแนกข้อมูลเป็นกลุ่มตามสาเหตุที่ผู้มาร้องเรียนบันทึกไว้ ออกเป็น 7 กลุ่มดังนี้
1.จำเวลากำหนดชำระเงินคลาดเคลื่อนจนไม่ได้ชำระเงิน/หรือชำระเงินไม่ทันตามกำหนด จำนวน 411 ราย
2.กลุ่มที่ต้องการสมัครสอบเพิ่มเติมในบางรายวิชา จำนวน 10 ราย
3.กลุ่มที่อ้างว่ามีปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ต จำนวน 12 ราย
4.กลุ่มที่อ้างว่าในใบสมัครไม่ระบุวันหมดเขตการชำระเงิน จำนวน 58 ราย
5.กลุ่มที่อ้างว่าชำระผ่านเอทีเอ็ม จำนวน 4 ราย
6.กลุ่มที่อ้างว่ามีปัญหาเรื่องบาร์โค้ด
7.กลุ่มที่ไม่ได้สมัครสอบเอเน็ตตามกำหนดเวลา 65 ราย
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอำนวยการได้นำข้อเสนอของส.ว.และจากอธิการบดีที่แนะนำมาร่วมในการพิจารณาครั้งนี้ด้วย จากสถิติการรับสมัครเอเน็ตตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 พบว่า มีผู้ไม่ชำระเงิน จำนวน 18,084 ราย ปี 2551 จำนวน 17,037 ราย และปี 2552 จำนวน 22,071 ราย
ดร.สุเมธกล่าวต่อว่า การพิจารณาเด็กที่ร้องกรณีบาร์โค้ด 12 รายนั้น คาดว่าจะสรุปผลได้ว่าจะช่วยเหลือหรือไม่ ในวันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ โดยจะให้นักเรียนที่ร้องส่งหลักฐานมาให้เพื่อนำมาให้คณะกรรมการพิจารณาต่อไป ซึ่งหากพบว่าปัญหาเกิดจากระบบจะพิจารณาเยียวยาให้เด็กได้ชำระค่าสมัครสอบเอเน็ต และยืนยันว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะประกาศเลขที่นั่งสอบสำหรับเด็ก 1.9 แสนราย และจะจัดสอบเอเน็ตในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ตามกำหนดเวลาที่วางไว้
ศ.ดร.สุรพล กล่าวว่า คณะกรรมการได้พิจารณา เฉพาะตัวเลขผู้มาร้องเรียนขอยื่นเวลาชำระค่าสมัครเอเน็ต ตั้งแต่วันที่ 8-13 กุมภาพันธ์ ทั้งหมด 572 คน ซึ่งเป็นข้อมูลจริงผู้ที่เดือดร้อนและกระทบสิทธิ์ ดังนั้นปัญหาจริงๆ ขณะนี้ไม่ใช่เด็กจำนวน 22,071 คนที่ไม่ชำระเงิน ทั้งนี้ หากดูจากสถิติผู้ที่ไม่มาชำระเงินจะเห็นได้ว่า ตัวเลข 22,071 รายในปีนี้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะมีคนจำนวนหนึ่งเข้าสู่มหาวิทยาลัยได้แล้ว และมาทดลองระบบสอบ ดังนั้น คณะกรรมการขอยืนยันว่าปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ปัญหา 22,071 คน แต่เป็นปัญหา 572 คน ดังนั้น หลักการในการพิจารณาของคณะกรรมการนั้นได้พิจารณากรณีที่มีผลกระทบต่อกลุ่มไม่ได้ชำระเงิน 22,071 คนนั้น มีผู้ร้องเรียนเพียง 572 คน
"ดังนั้น กรณีดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ กรณีที่ไม่ทราบวันชำระ ระบบไม่ได้บอกนั้น ขอยืนยันว่า การสมัครเอเน็ตได้นั้น ต้องผ่านระบบ 8 หน้า ซึ่งในหน้าที่ 4 และ7 มีการบอกกำหนดชำระค่าสมัครเอเน็ต โดยเฉพาะในหน้าที่ 7 นั้นเป็นหน้าสุดท้ายก่อนที่เด็กจะปริ๊นท์ใบสมัครเพื่อนำไปชำระเงินได้ มีไว้อย่างชัดเจน เพียงแต่อาจเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยที่ไม่ได้บอกไว้ในใบสมัครอย่างชัดเจน ดังนั้น ที่บอกว่าไม่บอก ไม่ใช่ความจริง" ศ.ดร.สุรพลกล่าว
ศ.ดร.สุรพล กล่าวอีกว่า หลักการในการพิจารณา แยกตามกรณีที่มีผู้มาร้องเรียน จำนวน 572คน ทั้ง 7 กรณีนั้น จะพิจารณาบนพื้นฐานระบบการสอบเอเน็ต วัดความรู้ความสามารถทางวิชาการ ซึ่งระบบนี้ถือเป็นระบบเดียวที่ใช้ในการสมัครวิชาเฉพาะ เอเน็ต แทนระบบเอนทรานซ์ และเป็นระบบในปีการศึกษา 2553 หรือความถนัดทางวิชาชีพ หรือจีเอที และความถนัดทางวิชาการหรือพีเอที รวมไปถึงเป็นระบบที่เดียวที่ใช้คัดเลือกคนเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่เป็นธรรม และยุติธรรม การพิจารณาครั้งนี้ จึงไม่ได้ดูที่จำนวนว่ามีเข้ามาร้องเรียนมากหรือน้อย แต่พิจารณาว่าเกิดความผิดพลาดจากระบบหรือไม่ ซึ่งกรณีที่ 1, 2, 3,4, 5 และ7 คณะกรรมการพิจารณาเห็นว่า เหตุผลของผู้เรียนไม่เกี่ยวข้องกับระบบ ดังนั้น จะไม่เยียวยา หรือเปิดรับสมัครค่าชำระให้แก่เด็กดังกล่าว ส่วนกรณีที่ 6 เรื่องของกลุ่มที่อ้างว่ามีปัญหาเรื่องบาร์โค้ด ซึ่งมี 12 ราย กลุ่มนี้ คณะกรรมการพิจารณาว่าอาจเกี่ยวข้องกับระบบได้ จึงจะทำการตรวจสอบเป็นรายกรณีไป และหากพบว่า ปัญหาที่เด็กไม่สามารถชำระค่าสมัครได้ทันกำหนดเวลาเกิดจากระบบจริงๆ สกอ.จะเยียวยาช่วยเหลือให้เด็กสามารถสอบเอเน็ต
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ในเชิงหลักการแล้ว รมว.ศึกษาธิการไม่มีอำนาจเข้าไปสั่งการใดๆ ในเรื่องนี้ เพราะเรื่องการรับนักศึกษานั้นเป็นสิทธิขาดของมหาวิทยาลัยเพราะแต่ละมหาวิทยาลัยมีพ.ร.บ.ของตัวเองอยู่ อย่างไรก็ตาม ได้ใช้อำนาจในเชิงบริหารนโยบายให้ สกอ. เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากนักเรียนที่จ่ายเงินค่าสมัครสอบเอเน็ตไม่ทัน โดยกำชับว่า หากสาเหตุที่นักเรียนจ่ายเงินค่าสมัครไม่ทันมาจากความผิดพลาดของระบบกระทรวงแล้ว ต้องคืนสิทธิให้เด็กได้มีโอกาสสอบเอเน็ต แต่ถ้าสาเหตุมาจากความผิดพลาดของนักเรียนเอง ก็ขอให้คณะกรรมการอำนวยการพิจารณาหาทางช่วยเหลือดูแลนักเรียน ซึ่งก็ต้องอยู่กับความกรุณาของคณะกรรมการอำนวยการ ตนไม่มีสิทธิไปสั่งการใดๆ
ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะเลขานุการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ. ) กล่าวว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 09.00-12.00 น. ห้องประชุม 202 อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะประชุมสามัญ ทปอ. ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะมามอบนโยบายการพัฒนาอุดมศึกษาของประเทศ ส่วนประเด็นที่จะหารือใน ทปอ เช่น ระบบแอดมิชชั่นส์ ปีการศึกษา 2553 และระบบรับตรง การช่วยเหลือบัณฑิตผู้ว่างงานอันเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจ และแจ้งผลการตัดสินของคณะกรรมการอำนวยการคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษากรณีปัญหาสมัครสอบเอเน็ต เพื่อทปอ.จะนำข้อมูลไปประกอบการดำเนินการแอดมิชชั่นส์ปีการศึกษา 2553 ที่ทปอ.จะต้องรับงานจาก สกอ.มาดำเนินการ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก