นายกฯ ยัน2พันบาทถึงมือแน่ รอสรุปจ่ายเป็นเช็คหรือไม่ (ไทยรัฐ)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ว่า ต้องขอขอบคุณสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ผ่านงบประมาณกลางปี โดยขั้นตอนต่อไปจะนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา กำหนดไว้วันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ หวังว่าจะผ่านวุฒิสภาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหากเป็นไปตามตารางเวลา งบประมาณจะพร้อมใช้ในเดือนมีนาคม
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม โดยกลุ่มเกษตรกรจะแทรกแซงราคาพืชผลต่อไป เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง โดยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการลงพื้นที่รวบรวมปัญหา ส่วนปัญหาหนี้สินเกษตรกร ที่อยู่ในกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จะค่อยๆ ทยอยโอนหนี้สินเข้ามาจัดการ คาด จะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ นี้ ในส่วนของที่ดินทำกิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กำลังดำเนินการ นำพื้นที่ของราชการไปจัดสรรให้กับประชาชนและเกษตรกร ส่วนโครงการชุมชนพอเพียงคาดว่าเงินก้อนแรกจะลงไปได้ในเดือนมีนาคม
ส่วนผู้ใช้แรงงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้ส่งตัวเลขผู้ตกงานมาให้ ทุก 1-2 สัปดาห์ ว่ามีการเลิกจ้างมากน้อยแค่ไหน และจะมีการสำรวจในเรื่องตำแหน่งงานที่ว่าง เพื่อจะได้ป้องกันการเลิกจ้าง และหากเลิกจ้าง รัฐบาลจะนำแรงงานมาอบรม ซึ่งมีโครงการอบรมประมาณ 500,000 คน ในส่วนเงินชดเชยสำหรับผู้ถูกเลิกจ้าง จะขยายเป็น 8 เดือน นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าจะได้ข้อยุติเรื่องงบเรียนฟรี ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้รับฟังความคิดเห็นจากพื้นที่ต่างๆ เชื่อว่าจะทันเปิดเทอม สำหรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่มีอายุ เกิน 60 ปี และไม่มีบำเหน็จบำนาญ จะเสร็จปลายเดือนนี้ โดยสามารถมาลงทะเบียนได้ ในครึ่งเดือนหลังของเดือนมีนาคม
สำหรับเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีความคิดหลากหลาย เพราะมีคนหลายกลุ่ม ซึ่งในส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ จะให้พร้อมเงินเดือน ส่วนลูกจ้างประกันสังคม ขอเรียนว่าไม่ต้องห่วง ได้ตามเกณฑ์ทุกคน แต่ขณะนี้กำลังดูว่าจะสามารถช่วยเหลือเพิ่มเติมได้หรือไม่ จึงทำให้รูปแบบการจ่ายเงินจะใช้เวลาซักนิดนึงในการได้ข้อสรุป ซึ่งหากจ่ายเป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ขณะนี้เริ่มมีเอกชนสนใจช่วยเหลือ โดยหากเป็นเช็ค และเอาเช็คไปใช้จ่ายในส่วนของเขา เขาอาจจะมีส่วนลดให้ ดังนั้นแทนที่จะเป็น 2,000 บาท อาจจะได้มากกว่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลนำมาพิจารณาว่า จะจ่ายเป็นเช็คดีหรือไม่
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
