เผยโทษจำคุก3ปี แม่สับศพลูกแท้ง (ข่าวสด)
ตำรวจปล่อยตัวชั่วคราวแม่สาวมือหั่นศพลูกที่ทำแท้งขับออก หวั่นได้รับอันตรายจากทำแท้ง ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพ จากนั้นก็จะนำตัวส่งฟ้องศาลข้อหาทำแท้งมีโทษสูงสุดจำคุก 3 ปี ด้านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ชี้ปัญหาทำแท้งมาจากปัญหาเศรษฐกิจ เตรียมประสานกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา ขณะที่จิตแพทย์ระบุแม่ที่ฆ่าสับลูกไม่ถือว่ามีปัญหาทางจิต แต่เป็นการกระทำเพื่อหนีความผิด
จากกรณีคดีสะเทือนขวัญคนเก็บของเก่าเก็บถุงชิ้นเนื้อได้ คิดว่าเป็นเนื้อไก่ จึงนำมาหมักเครื่องเตรียมทอด แต่เอะใจเห็นนิ้วมือเด็กโผล่มา จึงแจ้งตำรวจพิสูจน์ กระทั่งสืบทราบว่าเป็นฝีมือแม่วัย 20 ปี ที่กินยาขับทำแท้งลูกแล้วสับเป็นชิ้นทิ้งท่อระบายน้ำของหอพัก หลังรวบตัวสอบปากคำ ผู้ต้องหารับสารภาพเครียดสามีตาย ทำงานเงินเดือนน้อย กลัวไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกจึงคิดทำแท้ง แต่ไม่กล้านำศพทิ้งขยะทั้งตัว จึงสับเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาทิ้ง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 26 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ส่ง พ.ต.ท.สมาน ล้อมเศรษฐี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี สอบ สวนอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เนื่องจาก น.ส.เอให้การรับสารภาพ จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และปล่อยตัวไปชั่วคราว ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าร่างกาย น.ส.เอมีสภาพอ่อนเพลีย เกรงว่าจะเกิดจากการเสียเลือดมากจากการทำแท้งด้วยตนเอง จึงนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลปทุมธานี แพทย์ได้รักษา ขูดมดลูก เนื่องจากการทำแท้ง ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นหลังการทำแท้ง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวให้ น.ส.เอกลับบ้านนอนพักรักษาตัวได้ เบื้องต้นน.ส.เอถูกตั้งข้อหาทำให้ตนแท้งลูก มีความผิดต้องระวางโทษจำคุก 3 ปี ควบคุมตัวไว้ และจะได้นำตัวส่งฟ้องศาลต่อไป
นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นปัญหาสังคม โดยเฉพาะจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มีส่วนทำให้เกิดปัญหาลักษณะนี้ขึ้นจำนวนมาก เพราะแม่ของเด็กเองอาจจะมีความไม่พร้อมในเรื่องส่วนตัว ในการที่จะดูแลอีกชีวิตของลูกที่จะเกิดมา จึงยอมตัดสินใจทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ แต่หากจะแก้ไขปัญหาแบบนี้จำเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือในการทำงานกับหลายฝ่าย ทั้งกระทรวงพม. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาด ไทย ในการร่วมกันสอดส่องและหาแนวทางช่วยเหลือ ซึ่งพบว่าปัจจุบันปัญหาท้องไม่พร้อมและฆ่าทำลายลูกมีให้เห็นเกือบทุกวัน
ด้านน.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กล่าวถึงกรณีวัยรุ่นอายุ 20 ปีทำแท้งและสับลูกเป็นชิ้นๆ ว่า การทำแท้งเกิดจากปัญหาความยุ่งยากทางจิตใจ ส่วนใหญ่เป็นการตัดสินใจแก้ปัญหาชีวิตในสภาพที่จิตปกติ บางรายเท่านั้นที่อาจมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งอาจมาจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะปัญหาทางการเงิน หรือไม่มีพ่อเด็ก หรือปัญหาทางครอบครัว ทำให้ตัดสินใจดังกล่าวได้ ปัญหาการทำ แท้งเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่ไม่สามารถใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวแก้ปัญหาได้ ควรใช้ข้อห้าม ความเชื่อทางศาสนามาใช้ เพื่อเป็นการบังคับจิตใจตนเองตั้งแต่แรก ปัญหาการทำแท้งส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร จนเป็นเหตุให้ตั้งครรภ์ และเมื่อไม่พร้อมก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการทำแท้ง
"กรณีการหั่นศพเชื่อว่าเป็นการตัดสินใจในขณะที่ยังมีสติ ผ่านการคิดไตร่ตรองมาแล้ว เพราะต้องการทำลายหลักฐาน ทราบดีว่าตัวเองมีความผิด จึงต้องการหนีความผิดที่ตัวเองทำไว้ ดูได้จากมีการแบ่งชิ้นเนื้อขนาดเล็กทิ้งลงท่อ ส่วนชิ้นที่ไม่สามารถทิ้งลงท่อได้ก็ห่อพลาสติกไปทิ้ง ดังนั้น รายดังกล่าวไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ามีอาการผิดปกติทางจิต" น.พ.ทวีศิลป์กล่าว
น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลายประเทศมีการแก้ปัญหาด้วยการเปิดให้ทำแท้งเสรีอย่างถูกกฎหมาย มีหลายประเทศที่ใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดการทำแท้ง เช่นเดียวกับประเทศไทย ดังนั้นการแก้ปัญหาควรมีหลายระดับ อาทิ การปลูกฝังให้คนมีจริยธรรมหรือมีมโนสำนึก โดยไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หรือไม่แก้ปัญหาด้วยการทำแท้ง มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ และต้องมีการให้ความรู้ด้านอนามัยเจริญพันธุ์ การคุมกำเนิด การป้องกันโรค โดยเฉพาะเพศหญิง ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และสังคมควรให้การยอมรับหญิงที่ตั้งท้องเดี่ยวไม่มีพ่อ โดยจัดสวัสดิการทางสังคม หรือการช่วยเหลือฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้เกิดการทำแท้ง และตรวจสอบว่าระบบมีความเพียงพอหรือไม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
