สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก, หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
วันนี้ (10 เมษายน) สำนักข่าวเอพี และ ยูเอส นิวส์ รายงานสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทำให้การจราจรในกรุงเทพมหานครกลายเป็นอัมพาตหลายจุด เพื่อหวังจะโค่นรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศว่า พวกเขาจะตั้งเวทีประท้วงในบริเวณสถานที่จัดการประชุมสุดยอดของ 16 ชาติ ในภูมิภาคเอเชีย ที่เปิดฉากขึ้นแล้วที่พัทยาในวันนี้ นอกจากนั้นผู้ประท้วงหลายหมื่นคน ได้หันไปใช้กลยุทธ์ใหม่ ด้วยการปิดกั้นการจราจรที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณที่มีการจราจรคับคั่งอีกหลายจุดในกรุงเทพฯ โดยใช้รถแท็กซี่เป็นเครื่องมือในการกีดขวาง และมีพวกเสื้อแดงที่อื่นมาสมทบ ทั้งนี้ รายงานยังได้ระบุถึงประเด็นความวิตกด้านความปลอดภัย โดยหยิบยกกรณีพวกเสื้อแดงบุกทุบกระจกรถของนายกรัฐมนตรี ที่พัทยา แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 เมษายน วิกฤตการเมืองในไทยยังคงกลายเป็นข่าวใหญ่ต่อเนื่องในสื่อมวลชนต่างประเทศ หลายสำนักข่าวระบุว่า สถานการณ์ขยายตัวลุกลามขึ้นเป็นความพยายามครั้งใหญ่ที่สุด ในการโค่นล้มรัฐบาลที่ทำงานมาได้เพียง 4 เดือน
สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า ภาวะแห่งความกลัวเข้าครอบงำไปทั่วเมืองหลวงของไทย มีข่าวลือสะพัดอีกครั้งว่าทหารจะออกมายึดอำนาจรอบใหม่ จนกระทั่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ต้องออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่น
อลัสแตร์ ไลท์เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซี รายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมประท้วงครั้งนี้คล้ายเป็นงานคาร์นิวาลมากกว่าจะเป็นการเผชิญหน้า มีการเล่นดนตรีสลับกับเสียงเชียร์เป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้วกลุ่มเสื้อแดงได้แสดงให้เห็นถึงการประสานงานที่ดี แม้ว่าก่อนหน้านี้จะถูกมองว่ามีการจัดตั้งด้อยกว่า ไม่เป็นระบบ และมีการสนับสนุนน้อยกว่ากลุ่มเสื้อเหลืองที่ชุมนุมประท้วง
ก่อนหน้านี้ บีบีซีตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บีบีซีระบุว่า เป็นผู้หลบหนีโทษจำคุกจากเมืองไทย คือผู้ที่ยกระดับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงขึ้นมาอย่างที่เป็นอยู่ และชี้ว่ากลุ่มเสื้อแดงกำลังก๊อบปี้กลยุทธ์ที่กลุ่มเสื้อเหลืองเคยใช้ โดยหวังว่าจะบังเกิดผลลัพธ์ในทำนองเดียวกัน คือผลักดันนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งได้สำเร็จ
ด้านทิม จอห์นสตัน แห่งวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณพุ่งเป้าการโจมตีครั้งนี้ไปที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีเป็นพิเศษ ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุเช่นกันว่า การโจมตีองคมนตรีนั้นใกล้เคียงอย่างยิ่งกับการกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นอาญาร้ายแรงในไทย
สำนักข่าวเพรส เอสโซซิเอเต็ดส์ ของอังกฤษ จับประเด็นการเตรียมกำลังทหารพร้อมไว้เพื่อเข้ามาอำนวยความปลอดภัย ถ้าหากการชุมนุมลุกลามไปเป็นการคุกคามต่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่พัทยา ซึ่งยังไม่มีผู้นำประเทศใดเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทางมาร่วมประชุม
ส่วนโอลิเวอร์ สมิธ ผู้สื่อข่าวของเดลี่ เทเลกราฟ หนังสือพิมพ์อังกฤษ ระบุว่า การชุมนุมประท้วงครั้งนี้กลายเป็นการคุกคามต่อการท่องเที่ยวและการขนส่งครั้งใหม่ในไทย และทำให้กระทรวงการต่างประเทศออกประกาศเตือนให้ชาวอังกฤษที่พำนักอยู่ในไทย หลีกเลี่ยงอาคารที่ทำการของรัฐ และระมัดระวังในการเดินทาง รวมถึงการหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุมและให้ระมัดระวังต่อการเกิดการขัดขวางระบบขนส่งมวลชนภายในกรุงเทพฯ อีกด้วย
ขณะที่เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ไอริช อินดิเพนเด๊นท์ หรือ อินดิเพนเด๊นท์ ดอท ไออี รายงาน เมื่อวันที่ 9 เมษายน ว่า ประเทศไทยต้องกลายเป็นอัมพาตจากที่เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา การชุมนุมของพวกเสื้อแดง 1 แสนคน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีว่า เป็นผู้บงการ การก่อรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลของเขา เมื่อปี 2549 โดยผู้ประท้วงเหล่านี้ได้ทำการเรียกร้องให้ประธานองคมนตรีลาออก
รายงานอ้างคำกล่าวของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วยว่า คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มคนที่ต้องการจะก่อความไม่สงบ ถ้าลุกลามถึงขั้นกลายเป็นเหตุจลาจลก็คงต้องดำเนินการบางอย่าง แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นความรุนแรงก่อน