สื่อทั่วโลกตีข่าวรบ.ไทยประกาศภาวะฉุกเฉิน ฟันธงนองเลือดแน่ "ผู้นำกีวี่" ไม่เชื่อจัดประชุมอาเซียนใหม่ได้ (มติชนออนไลน์)
นายกฯ ออสเตรเลียรับผิดหวังประชุมสุดยอดอาเซียนต้องเลิก ชี้สะท้อนถึงปัญหาที่ร้าวลึกของไทย สื่อนอกชี้ผู้นำประเทศต่างๆ ต้องกลายเป็นตัวประกัน นิวซีแลนด์ไม่เชื่อประชุมใหม่ได้ สำนักข่าวทั่วโลกพร้อมใจตีข่าวทันทีที่ "อภิสิทธิ์" ประกาศภาวะฉุกเฉิน เชื่อมีแนวโน้มนองเลือด
นายกฯ ออสซี่ชี้การเมืองไทยร้าวลึก
หลังจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติหรือ นปช. นำมวลชนเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา จ.ชลบุรี อันสถานที่ประชุมสุดยอดอาเซียนและประเทศคู่เจรจา และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 11 เมษายน จนทำให้ต้องยกเลิกการประชุมไปในที่สุดนั้น เมื่อวันที่ 12 เมษายน เอเอฟพีรายงานว่านายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย ระบุว่ารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งที่มีการยกเลิกการประชุมสุดยอดอาเซียนกับ ประเทศคู่เจรจาและการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่พัทยา โดยเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ร้าวลึกของประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม
ทั้งนี้ เครื่องบินของผู้นำออสเตรเลียเดินทางออกจากประเทศได้เพียง 2 ชั่วโมง เท่านั้นก่อนที่จะตัดสินใจให้หันหัวเครื่องบินกลับประเทศเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา หลังทราบว่ากลุ่มผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปถึงสถานที่จัดประชุม โดยการหารือดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการหารือของผู้นำเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่กลับปรากฎภาพผิดปกติที่บรรดาผู้นำประเทศต่างๆต้องถูกนำตัวออกจากสถานที่ประชุมโดยเฮลิคอปเตอร์จากหลังคาของโรงแรมที่พัก
"สิ่งนี้สร้างความผิดหวังให้กับผู้นำทุกประเทศ พวกเขามีธุรกิจสำคัญที่ต้องหารือกันเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจในภูมิภาคซึ่ง ได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก แน่นอนว่าพวกเราต้องการให้จัดประชุมใหม่อีกครั้งในภายหลัง โดยหวังว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะกลับสู่สภาวะปกติในเร็ววัน ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าการเมืองไทยในขณะนี้มีปัญหาร้าวลึกมาก ผมคิดว่ามิตรประเทศของไทยทั้งหมดล้วนต้องการเห็นสถานการณ์การเมืองไทยกลับสู่สภาวะปกติ เพราะสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับอนาคตของไทย และเราขอร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของไทยยึดมั่นในความสงบและสันติ" นายกฯออสเตรเลียกล่าว
นิวซีแลนด์ไม่เชื่อประชุมใหม่ได้
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียยังเรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียในไทยติดตามประกาศเตือน และข้อแนะนำในการเดินทางของรัฐบาลที่ได้ปรับปรุงใหม่หลังเกิดเหตุวุ่นวาย โดยขอให้ชาวออสเตรเลียหลีกเลี่ยงกลุ่มผู้ประท้วงและการเดินขบวนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในไทย
ขณะที่ทางการรัสเซียได้ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียให้หลีกเลี่ยงการ เดินทางมากรุงเทพในช่วงนี้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเมืองพัทยาก็ขอให้พักอยู่แต่ภายในโรงแรม อย่าออกนอกที่พักโดยไม่จำเป็น
นายราฟาเอล ซีกูส์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวกับเอพีว่า "เราจะพูดอย่างไรได้ การประชุมต้องเลื่อนออกไปเพราะไม่มีความสะดวกสำหรับผู้นำประเทศที่จะหารือ ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้น"
ทางด้านเลขาธิการด้านสื่อของฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีเอส-ซีบีเอ็นของฟิลิปปินส์ว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงประท้วงต่อต้านนายกรัฐมนตรีไทย ไม่ทำให้รู้สึกว่าถูกข่มขู่คุกคามแต่อย่างใด
นายโอซามุ ซาคาชิตะ โฆษกของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า นายทาโร่ อาโซะ ระบุว่าน่าเสียดายที่ต้องยกเลิกการประชุม แต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้ว่ารัฐบาลไทยจะพยายามอย่างสูงสุดแล้วก็ตาม ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเวิน เจีย เป่า ของจีน ที่บอกว่า จีนเข้าใจการตัดสินใจของไทยและหวังว่าไทยจะสามารถรักษาความมั่นคงทางการเมือง ความสามัคคีปรองดองในสังคม และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีจอห์น คีย์ ของนิวซีแลนด์ ยังคงไม่แน่ใจว่าไทยจะสามารถจัดประชุมครั้งใหม่ได้ในเร็วๆนี้
ชี้ผู้นำอาเซี่ยนกลายเป็นตัวประกัน
ด้านนักการทูตอาเซียนรายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรวบรวมผู้นำประเทศจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งรวมถึงผู้นำจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย และนี่จะเป็นโอกาสให้ทั่วโลกได้ยินเสียงของเอเชีย การยกเลิกการประชุมสุดยอดอาเซียนแสดงให้เห็นว่าผู้นำอาเซียนได้กลายเป็นตัวประกันในโศกนาฎกรรมทางการเมืองของประเทศสมาชิก
บริเจต เวลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปสกินส์ ของสหรัฐ ระบุว่า สิ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือภาพลักษณ์ของไทย แต่การที่ไม่มีใครได้รับอันตรายถือเป็นเรื่องดี
"ความไม่มั่นคงทางการเมืองของไทยที่ยืดเยื้อเรื้อรังส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อ ประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้ เพราะไทยเคยเป็นประเทศที่ถือเป็นแบบอย่างด้านประชาธิปไตย แต่ขณะนี้กลับแบ่งเป็นฝักฝ่ายและไม่สามารถแม้แต่จัดประชุมสุดยอดระดับ ภูมิภาคขึ้นในแม้แต่พื้นที่ซึ่งถือเป็นฐานที่มั่นของรัฐบาลเอง" เวลส์กล่าว และว่าตราบใดที่ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็น 5 ประเทศที่เป็นกำลังหลักของอาเซียนไม่สามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้ ตราบนั้นอาเซียนก็จะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จใดๆ ที่ยั่งยืนได้
เอเอฟพียังรายงานบทสัมภาษณ์นายโรดอฟโฟ เซอเวอริโน อดีตเลขาธิการอาเซียนที่ระบุว่า การยกเลิกการประชุมสุดยอดอาเซียนทำให้โอกาสที่จะวางมาตรการที่เป็นรูปธรรมต้องสะดุดลง ซึ่งรวมถึงโอกาสของอาเซียนที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกด้วย โดยคาดหวังว่าจะสามารถจัดประชุมครั้งใหม่ได้โดยเร็ว เพราะประเทศในเอเชียมีศักยภาพสูงที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกได้
ทุกสื่อโลกประโคมข่าวภาวะฉุกเฉิน
ทันทีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศภาวะฉุกเฉินทุกสำนักข่าวต่างก็ตีพิมพ์ข่าวไปทั่วโลก เช่นเดียวกับสื่อโทรทัศน์อย่างบีบีซีและซีเอ็นเอ็นที่เสนอเป็นข่าวด่วนทั้งบนจอโทรทัศน์และเว็บไซต์ โดยเอพีระบุว่ารัฐบาลไทยซึ่งแพ้พ่าย และถูกทำให้อับอายจากกลุ่มผู้ประท้วงจนการประชุมสุดยอดอาเซียนต้องยุติลง ได้ตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองหลวงและปริมณฑล พร้อมประกาศให้นำรถถังออกสู่ท้องถนนเพื่อสกัดการชุมนุม
แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้เข้าไปไล่ฟาดรถยนต์ซึ่งเชื่อว่ามีนายอภิสิทธิ์นั่งอยู่ภายในที่กระทรวงมหาดไทย และยึดรถเมล์หลายคันปิดถนนสายหลักในกรุงเทพ อย่างไรก็ดีแม้การประกาศภาวะฉุกเฉินจะห้ามการชุมนุมเกิน 5 คน ห้ามการเสนอข่าวที่เห็นว่าจะเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อย และเปิดทางให้รัฐบาลเรียกกำลังทหารมาปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงได้ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงได้
เอพียังบอกด้วยว่า สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ไม่ต่างจากการนั่งรถไฟเหาะตีลังกาแบบไม่มีที่สิ้นสุด โดยประเทศไทยกำลังเผชิญกับการข่มขู่คุกคามจากความรุนแรงและความเป็นไปได้ของ การเผชิญหน้าทางทหาร แม้ว่าก่อนหน้านี้คนไทยจำนวนมากหวังว่าความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณเป็นศูนย์กลางจะยุติลงเมื่อนายอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ความหวังเหล่านั้นต้องแตกละเอียดไม่มีชิ้นดีเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปในสถานที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา
"ความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นสร้างความไม่มั่นคงต่อภาพลักษณ์อันเปราะบางของประชาธิปไตยไทย และเกรงว่าประเทศไทยกำลังมุ่งไปสู่การนองเลือดจากการเผชิญหน้า" เอพีระบุ
รอยเตอร์วิจารณ์อภิสิทธิ์หนัก
บิล ทาร์เรน ของรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อยุทธศาสตร์ของนายกรัฐมนตรีไทยที่หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มคนเสื้อแดงได้ส่งผลให้การประชุมสุดยอดอาเซียนต้องถูกยกเลิก นายอภิสิทธิ์ได้ประกาศว่าใครที่บอกว่าตนได้รับชัยชนะคือศัตรูของชาติ แต่เมื่อถูกถามว่าจะลาออกหรือไม่จากเหตุการณ์ดังกล่าว เขาตอบว่าจะต้องทำให้เห็นว่ามีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หลังจากที่ในวันที่ 12 เมษายน ได้มีการจับกุมแกนนำของกลุ่มผู้ประท้วง พร้อมกับประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพ ทำให้ผู้ประท้วงตอบโต้ด้วยการรุมสกรำรถที่เชื่อว่าเขานั่งอยู่
รอยเตอร์บอกว่า นายอภิสิทธิ์ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สามของไทยภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน โดยขึ้นสู่อำนาจหลังจากที่มีการแปรพักตร์ในรัฐสภาซึ่งพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่า กองทัพเป็นคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง และเรียกเขาว่าหุ่นเชิดของกองทัพ แม้เขาจะประกาศว่ารัฐบาลของเขาเป็นรัฐบาลสะอาด แต่นายอภิสิทธิ์ยังถูกวิจารณ์ว่าเป็นพวกฉวยโอกาสซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้หาก ปราศจากความช่วยเหลือของกองทัพและกลุ่มต่อต้านทักษิณ ทั้งยังถูกมองว่าไม่ตำหนิการกระทำของกลุ่มพันธมิตรแม้ว่าจะมีการปิดสนามบิน ขณะนโยบายส่วนใหญ่ของรัฐบาลก็สานต่อสิ่งที่รัฐบาลทักษิณเคยทำไว้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คมชัดลึก