เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เดลินิวส์, ข่าวสด, คมชัดลึก, ไทยรัฐ
ข่าวการจากไปของ "แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์" อดีตแชมป์โลก ยอดมวยดังชาวไทย ถูกตีแผ่จากสื่อแทบทุกแขนง เพราะเขาคือนักชกในตำนานที่สร้างประวัติศาสตร์เจ้าของสถิติชก 3 ครั้ง คว้าแชมป์โลก จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครลบสถิตินั้นได้ ทั้งนี้ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ป่วยด้วยอาการลำไล้อุดตัน เนื่องจากเกิดอาการท้องผูกอยู่บ่อยๆ กระทั่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ทว่าอาการที่แสนศักดิ์เผชิญอยู่นั้นถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว เพราะลำไส้ที่อุดตันเกิดฉีกขาด อีกทั้งเจ้าตัวยังมีโรคแทรกซ้อนทั้งโรคตับ โรคหัวใจ เป็นทุนเดิม ทำให้เกิดความดันต่ำ ระบบหายใจไม่ปกติ เกิดติดเชื้อในกระแสเลือด และไตวาย หัวใจล้มเหลวในที่สุด สิ้นลมอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ 15.40 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน ในวัย 56 ปี
หลายคนยังจำภาพนักชกผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้ติดตา หลายคนอาจเพียงได้ยินถึงกิตติศัพท์ความเป็นยอดมวย หรืออีกหลายๆ คนอาจไม่เคยรู้จักเขาผู้นี้ ดังนั้น วันนี้ กระปุกดอทคอม จะพาคุณไปย้อนตำนานชีวิตนักมวย เจ้าของฉายา "ซ้ายทลายโลก" คนนี้กันค่ะ
แสบ-แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีชื่อจริงว่า บุญส่ง มั่นศรี เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2495 เป็นชาวจังหวัดเพชรบูรณ์โดยกำเนิด มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เขาเริ่มหัดชกมวยไทยครั้งแรกกับครูสมคิด คำมาตย์(สายชัย เมืองสุรินทร์) โดยใช้ชื่อ "แสนแสบ เพชรเจริญ" หรือ "แสบทรวง เพชรเจริญ" เมื่อเข้ามาในกรุงเทพฯ ได้เข้ามาอยู่กับค่าย "เมืองสุรินทร์" ของ "จอมตบ" สนอง รักวานิช และซึ่งต่อมาเป็นนักมวยไทยชื่อดังในขณะนั้น เขาเคยปะทะฝีมือกับยอดมวยไทยร่วมสมัยหลายคน เช่น ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์, พุฒ ล้อเหล็ก, คงเดช ลูกบางปลาสร้อย, ผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นต้น
ต่อมา แสนศักดิ์ ถูกดึงตัวไปชกมวยสากลสมัครเล่นในนามทีมชาติ รายการมวยซีเกมส์ หรือกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 7 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้เขาชนะน็อกคู่ต่อสู้ทุกรอบทุกคน จนคว้าเหรียญทองมาครอง ทอง และเปลี่ยนชื่อเป็น "แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์" ในเวลาต่อมา ก่อนจะหันมาชกมวยสากลอาชีพ ในสังกัดพญาอินทรี เทียมบุญ อินทรบุตร ขึ้นสังเวียนชกเพียงแค่ 3 ไฟต์ ก็ได้เข็มขัดแชมป์โลกมาครองทันที ได้เป็นแชมป์โลกคนที่ 5 ของเมืองไทย โดยครั้งแรก ชนะน็อก รูดี้ บาร์โร่ นักชกฟิลิปปินส์ แค่ยกแรก เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 ครั้งที่ 2 ชนะน็อก ไลอ้อน ฟูรูยาม่า นักชกญี่ปุ่นรองแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลต์เวตของสภามวยโลก (WBC) ไปในยกที่ 7 และครั้งที่ 3 ปี พ.ศ. 2518 ชนะน็อก เปริโก เฟอร์นันเดซ นักชกสเปนเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกซูเปอร์ไลต์เวต ในยกที่ 8
หลังจากนั้นแสนศักดิ์ ก็รุ่งเรืองในเส้นทางมวยโลก มีแพ้บ้างชนะบ้าง แต่ก็ป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง และบางครั้งเป็นไฟต์แห่งความทรงจำที่ยังคงตรึงใจแฟนมวยอยู่จนทุกวันนี้ แต่ระยะหลังแสนศักดิ์เริ่มมีปัญหาทางสายตา โดยในปี พ.ศ.2521 เขาเสียแชมป์โลกในการป้องกันตำแหน่ง ครั้งที่ 8 ของสมัยที่ 2 กับ คิม ซาง ฮัน นักมวยชาวเกาหลีใต้ และในปี พ.ศ.2524 แสนศักดิ์ แพ้คะแนนอย่างขาดลอยในศึกชิงแชมป์สหพันธ์มวยภาคตะวันออกและแปซิฟิก (OPBF) รุ่นเวลเตอร์เวต กับ ซุง แจ ฮาง นักชกเกาหลีใต้ ที่เวทีมวยชั่วคราวบึงผลาญชัย จ.ร้อยเอ็ด ทำให้การชกครั้งนี้นับเป็นไฟต์สุดท้ายในเส้นทางมวยอาชีพ ก่อนที่แสนศักดิ์จะตัดสินใจแขวนนวมในที่สุด
ด้านชีวิตครอบครัว แสนศักดิ์สมรสกับภรรยาคนแรก คือ "ปริม ประภาพร" ดาราสาวดาวยั่วชื่อดังในสมัยนั้น และมีลูกชาย ชื่อ "เกรียงศักดิ์" ซึ่งแสนศักดิ์เป็นคนตั้งเอง โดยให้ตรงกับชื่อนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์) และมีชื่อเล่นว่า "คิง" แต่ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตอยู่กับนางศศวรรณ มั่นศรี ภรรยาคนที่ 2 และลูกสาวบุญธรรม ด.ญ.ปานวาด มั่นศรี วัย 13 ปี ที่บ้านย่านดินแดง กรุงเทพฯ
ชีวิตหลังเกษียณจากสังเวียนของแสนศักดิ์นั้นไม่สวยหรูเท่าใดนัก เพราะนับจากเสียแชมป์โลกครั้งสุดท้าย เงินทองที่เคยมีอยู่นับ 10 ล้านบาท ก็ร่อยหรอ และยังโดนหลอกจากเพื่อนฝูงและคนรู้จัก รวมถึงคนในวงการมวยด้วย เคยลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เอง แต่ก็ต้องขาดทุน เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ที่เพชรบูรณ์ บ้านเกิด ก็ไม่ได้รับเลือก อีกทั้งตาข้างขวาก็บอดสนิท ส่วนตาข้างซ้ายได้รับการผ่าตัดจนมองเห็นได้
และวันนี้ตำนานยอดมวยโลกชาวไทยก็ได้ถูกปิดลงอย่างสิ้นเชิงพร้อมๆ กับการจากไปอย่างสงบ ทั้งนี้ ญาติจะนำร่างของแสนศักดิ์ ไปบำเพ็ญกุศลที่ ศาลา 3 วัดตรีทศเทพ และจะมีพิธีรดน้ำศพในวันพร่งนี้ (17 เมษายน) เวลา 17.00 น.
ทางทีมงานกระปุกดอทคอมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว "มั่นศรี" ต่อการจากไปของ "แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์" หรือ "นายบุญส่ง มั่นศรี" และขอให้วิญญาณ ไปสู่สุคติด้วยเถิด สาธุ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก