เชลซีชิงเอฟเอคัพยิงแซงปืนใหญ่ 2-1 วิลล่าโดนค้อนตีเจ๊า (คมชัดลึก)
"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ ได้เป็นทีมแรก หลังพลิกสถานการณ์ยิงแซงชนะ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล 2-1 ขณะที่ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า ส่อท่าต้องหมดลุ้นโควตาไปเล่น ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เสียแล้ว หลังพลาดท่าโดน "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ไล่ตามเสมอ 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ส่วน "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้สิทธิเลื่อนชั้นกลับคืนสู่ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ศึกฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 18 เมษายน เป็นเกม "ลอนดอน ดาร์บี้แมทช์" ของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ต้องโคจรมาพบกันในเกมรอบนี้ โดย "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับร่วมเมืองหลวงถิ่นผู้ดีอย่าง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่สังเวียนแข้งเป็นกลางในสนามนิว เวมบลีย์
นัดนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" ตัดสินใจส่งแข้งเด็กดาวรุ่งไม่ว่าจะเป็น ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี, คีราน กิ๊บบ์ส, เดนิลสัน และ ธีโอ วัลคอตต์ ลงสนามเป็นตัวจริงร่วมกับขุมกำลังสำคัญอย่าง โคโล ตูเร่, เชส ฟาเบรกาส และ เอมมานูเอล อเดบายอร์ ขณะที่ กุส ฮิดดิงค์ กุนซือ "สิงโตน้ำเงินคราม" ยังคงใช้งานผู้เล่นชุดใหญ่อย่าง จอห์น เทอร์รี, มิกกาเอล เอสเซียง, แฟรงค์ แลมพาร์ด, มิชาเอล บัลลัค และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ลงเล่นแบบเต็มอัตราศึก
เริ่มเกมไปได้เพียงแค่ 18 นาที อาร์เซนอล เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากฝีเท้าของ ธีโอ วัลคอตต์ หลังจากนั้น เชลซี พยายามทำเกมรุกอย่างหนัก เพื่อหวังพังประตูตีเสมอ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในนาที 33 จากการยิงของ ฟลอรองต์ มาลูดา นาที 33 จบครึ่งแรก เสมอ 1-1
เข้าสู่ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมมีโอกาสพังประตูพอๆ กัน แต่ทว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" กลับได้ลุ้นมากกว่า ก่อนที่จะได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกม หลัง ดิดิเยร์ ดร็อกบา รับหน้าที่สังหารเข้าสู่ก้นตาข่ายในนาที 84 หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี จัดการยิงแซง 2 ลูกรวด พร้อมกับพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายชนะ อาร์เซนอล 2-1 ส่งผลให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นทีมแรกได้สำเร็จไปยืนรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด กับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน
หลังจบเกม อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น เนื่องจากทีมของเขาทำผลงานในช่วงเริ่มต้นออกสตาร์ทได้ดีมาก แต่สุดท้ายกลับต้องลงเอยด้วยความพ่ายแพ้แบบนี้ ก่อนที่โค้ชชาวฝรั่งเศสรายนี้จะกล่าวตำหนิเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันที่ไม่ยอมปรับสภาพพื้นสนามให้ดีกว่านี้ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อลูกทีมของเขาที่ต้องเล่นบอลกับพื้นสนามเป็นอย่างมาก
"มันเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังมาก หลังจากที่เราทำผลงานในช่วงเริ่มต้นออกสตาร์ทได้ดีมาก แต่ทว่าสภาพพื้นสนามเป็นอุปสรรคต่อการเล่นของเราเป็นอย่างมาก เมื่อคุณต้องการให้ทุกคนจ่ายเงินเข้ามานั่งชมเกมฟุตบอล พวกคุณก็ควรที่จะทำพื้นสนามให้ดีพอสำหรับเกมการแข่งขันด้วย"
ขณะที่ กุส ฮิดดิงค์ กุนซือ "สิงโตน้ำเงินคราม" กล่าวว่า รู้สึกพอใจผลงานของลูกทีมเป็นอย่างมาก หลังพลิกสถานการณ์ยิงแซงชนะ อาร์เซนอล พร้อมกับตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แถมยังเอ่ยปากชม ดร็อกบา ผู้ยิงประตูชัยในเกมนัดนี้ว่าเป็นยอดกองหน้าอย่างแท้จริง
"สำหรับเกมวันนี้ ผมคิดว่าพวกเราสมควรได้รับคำชม แม้ว่าเราทำผลงานในช่วงเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีนักก็ตาม มันเป็นที่น่าประทับใจมากที่ในทุกๆ สัปดาห์ ดร็อกบา จะสามารถยิงประตูสำคัญๆ ได้เสมอ"
ด้านศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า พลาดท่าโดน "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ตามตีเสมอในถิ่นวิลล่า ปาร์ค ของตัวเอง 1-1 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำไปก่อน จากฝีเท้าของ เอมิล เฮลกี ตั้งแต่นาที 11 แต่ทว่า ดิเอโก ตริสตัน ยิงทวงคืนให้ทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงท้ายเกม นาที 85
ส่งผลให้ วิลล่า เริ่มห่างไกลจากการลุ้นแย่งอันดับ 4 เพื่อคว้าสิทธิไปเล่นศึกสโมสรยุโรป ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงฤดูกาลหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีคะแนนห่างจาก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ทีมอันดับ 4 ที่ลงแข่งน้อยกว่า 1 นัด อยู่ถึง 7 แต้ม แถมยังรักษาสถิติสะกดคำว่าชนะไม่เป็นมาแล้วถึง 8 เกมรวดอีกด้วย จึงทำให้ วิลล่า ยังคงรั้งอันดับ 5 เหมือนเดิม แข่ง 33 นัด มี 54 คะแนน ขณะที่ เวสต์แฮม ยังคงอยู่อันดับ 7 แข่ง 33 นัด มี 45 แต้ม
ส่วนผลคู่อื่น มิดเดิลสโบรช์ เสมอ ฟูแล่ม 0-0, สโต๊ค ชนะ แบล็คเบิร์น 1-0, ปอร์ทสมัธ ชนะ โบลตัน 1-0, ซันเดอร์แลนด์ ชนะ ฮัลล์ 1-0
ปิดท้ายกันที่ศึกลูกหนังลีกแชมเปี้ยนชิพ ในคืนวันเดียวกัน "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน สามารถคว้าสิทธิเลื่อนชั้นกลับขึ้นไปเล่นศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ หลังเปิดสนามโมลินิวซ์ กราวน์ด เฉือนชนะ "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค 1-0 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูชัยจากการสังหารของ ซิลแวง อีแบงค์ส-เบล็ค นาที 46 แถมยังคงรั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของลีกแชมเปี้ยนชิพในเวลานี้ด้วยจำนวน 26 ประตูอีกด้วย
ส่งผลให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงเหมือนเดิม แข่ง 44 นัด มี 86 คะแนน พร้อมกับได้สิทธิเลื่อนชั้นขึ้นแบบอัตโนมัติเป็นทีมแรก แถมยังเป็นการหวนกลับคืนสู่ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีอีกด้วย แม้จะยังเหลือเกมการแข่งขันอีก 2 นัดก็ตาม แต่ทว่าลูกทีมของ มิค แม็คคาร์ธีย์ กลับมีคะแนนนำหน้า "ตราลูกโลก" เบอร์มิงแฮม อยู่ถึง 6 แต้ม นอกจากนั้นยังมีผลต่างประตูได้เสียมากกว่าถึง 10 ลูกเลยทีเดียว จึงทำให้ "หมาป่า" เข้าป้ายคว้าตำแหน่งแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ "ดาบอัศวิน" ชาร์ลตัน อดีตทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถึงคราวตกอับเสียแล้ว หลังเปิดบ้านทำได้แค่เสมอ แบล็คพูล 2-2 ส่งผลให้ ชาร์ลตัน ต้องกระเด็นตกชั้นจากลีกแชมเปี้ยนชิพลงไปเล่นในลีก วัน เป็นทีมแรก เพราะยังคงจมปลักอยู่ในตำแหน่งบ๊วยอันดับ 24 แข่ง 43 นัด มีเพียงแค่ 35 แต้ม แถมยังตามหลัง "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน ทีมรองบ๊วยอันดับ 23 ที่ยังพอมีลุ้นรอดจากการตกชั้นอยู่ถึง 9 แต้มเลยทีเดียว
ส่วนผลคู่อื่น คริสตัล พาเลซ ชนะ ดาร์บี้ 1-0, ฟอเรสต์ ชนะ โคเวนทรี 1-0, พลีมัธ แพ้ ดอนคาสเตอร์ 0-3, เปรสตัน ชนะ คาร์ดิฟฟ์ 6-0, เรดดิ้ง เสมอ บาร์นสลีย์ 0-0, เซฟฯ เวนส์เดย์ ชนะ เซาแธมป์ตัน 2-0, สวอนซี ชนะ บริสตอล ซิตี้ 1-0, วัตฟอร์ด แพ้ เบอร์มิงแฮม 0-1
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
