x close

บี้ ถ่อมตัว ผมไม่ใช่คนเก่ง ทำได้เพราะแรงเชียร์

บี้ เดอะสตาร์


"ผมไม่ใช่คนเก่ง..." วันนี้ของ "บี้" ทำได้เพราะแรงเชียร์ (คมชัดลึก)

          กลับมาพร้อมความ "มากมาย" สำหรับผู้ชายคนนี้ "บี้" สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว นักร้อง-นักแสดงหนุ่มจากเวที "เดอะ สตาร์" กับผลงานชุดที่ 3 อัลบั้ม "HUG BIE" ที่สร้างปรากฏการณ์ติดอันดับยอดดาวน์โหลดสูงสุดกว่าทุกอัลบั้มในปีนี้

          และยังเป็นอัลบั้มที่น่าจะแสดงถึงพัฒนาการที่ก้าวไปอีกขั้นของเขา ด้วยการผสมผสานแนวดนตรีที่หลากหลาย ทั้ง ป๊อป แดนซ์ ฮิพฮอพ แร็พ ที่แต่ละเพลงมีลูกเล่นไม่ซ้ำกัน

          "อัลบั้มนี้ใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือน เตรียมงานตั้งแต่แสดงละครเวทีข้างหลังภาพ ซึ่งเป็นการนำประสบการณ์จากชุดที่ผ่านๆ มา มาใช้ในชุดนี้ ทั้งเรื่องการร้อง การเต้น การออกแบบดนตรีต่างๆ ผมอยากให้พัฒนาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ให้มันดูทันสมัยมากขึ้น ส่วนความหลากหลายของแนวดนตรีที่มากขึ้นนั้น ผมมองว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ คนฟังอยากจะฟังอะไรใหม่ๆ อยากฟังสิ่งใหม่ๆ จากตัวเรา ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ศิลปินควรมีอยู่แล้ว คนเป็นร็อคก็เป็นร็อคที่หลากหลาย คนเป็นป๊อปก็เป็นป๊อปที่หลากหลาย นิยามอัลบั้ม มันก็มีคำของมันอยู่ คือป๊อปวาไรตี้ที่หลายคนเขาใช้กัน ซึ่งก็สื่อสารผ่านเสื้อผ้าในอัลบั้มนี้ที่มีหลายแบบ" บี้เกริ่น พร้อมเล่าต่อว่า

          "ผมเองทำการบ้าน ด้วยการไปหาข้อมูลอ้างอิงตามอินเทอร์เน็ต ใช้ประสบการณ์ดนตรี ทั้งการร้องเพลง การฟังเพลงที่ผ่านๆ มาช่วย เอามาให้พี่เขาดูว่าเราอยากได้แบบนี้ๆ อย่างเครื่องดนตรี หรือเสียงสังเคราะห์ บางชิ้นผมฟังแล้ว รู้สึกว่ามันเก่าเกินไป ก็บอกพี่เขาตรงๆ พี่โปรดิวเซอร์ ทีมทำเพลงเราก็สนิทกัน มีอะไรก็คุยกันได้ ผมก็บอกพี่เขาตรงๆ ว่าเครื่องดนตรีมันเก่าไป ขอเปลี่ยนได้ปะ เขาก็บอกว่าดีๆ บี้ไม่ชอบก็บอก ทำอะไรเราจะได้ชอบด้วยกัน เขาอยากให้เรามีความสุขกับงานที่ออกมา ในทางเดียวกัน ตอนผมร้อง พี่เขาก็แนะนำว่าวิธีการร้องแบบนี้เก่าไป พอเราแก้ แล้วมันก็ดูดีขึ้น ใหม่ขึ้น" หนุ่ม บี้ เดอะสตาร์แจง พร้อมบอกด้วยว่า เขา "แข็งข้อ" ขึ้น โดยขอดีไซน์การร้องเองอีกด้วย

          "ในอัลบั้มแรก ผมแทบจะไม่ได้ดีไซน์การร้องเลย ประสบการณ์เราน้อย ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง จนมาอัลบั้ม 2 ก็เริ่มมีบ้าง มีผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่อัลบั้มที่ 3 ก็ขอแข็งข้อขึ้น บอกพี่ๆ ว่า เราอยากจะดีไซน์ตรงนี้เองได้ไหม เขาก็โอเค ผมก็บอกว่า ผมขอลองดูนะ ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยน เราก็ช่วยกันดีไซน์ ในห้องอัดใช้เวลานานมาก ทำไปก็แก้กันไป อย่างเพลง 'มากมาย' เป็นเพลงที่ผมชอบมาก เพราะดี หลังจากทำเป็นมาสเตอร์เสร็จแล้ว ผมฟังไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ ผมฟังทุกเม็ด สั่งแก้ดนตรีจนตอนสุดท้าย..."

          แต่เรียกว่ากว่าจะมาถึงอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ต้องมีการปล่อยซิงเกิ้ลหลายต่อหลายเพลงยาวข้ามปีทีเดียว ซึ่ง บี้ ให้มุมมองกับตรงนี้ว่า นี่คือกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจกลวิธีหนึ่ง "ผมไม่ได้รอคอยอัลบั้มเต็มนะ แต่ผมอยากให้เพลงที่ปล่อยไปแต่ละเพลงทำงานของมันอย่างดีที่สุด อัลบั้มเต็มน่ะจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การที่จะมีอัลบั้มเต็มเนี่ย บางครั้งคนอาจจะคิดว่า ทำไมทั้งอัลบั้มมีดังอยู่เพลงเดียว แล้วอีก 9 เพลงล่ะ เขาก็หนีไปซื้อของเถื่อนกัน ผมว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีในการที่จะทำให้คนอยากซื้ออัลบั้มมากขึ้น น่าจะทำให้คนรู้สึกดีมากกว่า"

          จากเด็กหนุ่มผู้ตามหาความฝันบนเวทีเดอะ สตาร์ 3 จนก้าวมาถึงการได้เป็นนักร้องเต็มตัวนั้น บี้บอกว่า ไม่หนักหนาเกินกว่าที่จะทำไม่ได้ แม้แต่เรื่องการเต้นที่เคยเป็นจุดอ่อนของเขามาก่อนก็ตาม ซึ่งเขาก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า แต่ละเพลงที่ออกมา ล้วนมีคนรอจับตาท่าเต้นแปลกใหม่จากเขาอยู่เสมอ

          "ผมถือว่าการร้องเพลงเป็นงานที่สนุกที่สุดแล้ว เป็นงานผ่อนคลาย เหมือนกับที่คนอาชีพอื่นๆ เขาต้องการจะผ่อนคลาย เขาทำอะไรกัน เขาก็ไปร้องคาราโอเกะกัน เรื่องการเต้นที่ผมเคยรู้สึกว่า ร้องเพลงต้องอย่าเต้นนะ แต่พอได้มาทำจริงๆ ก็รู้สึกว่ามันไม่เสียหาย อัลบั้มแรก ผมฝึกหนักมาก หนักแบบไม่ไหวแล้ว เช้าจรดเย็นเลย ท่าเต้นเพลง I Need Somebody เห็นเต้นอย่างนั้นน่ะ ผมฝึกอยู่เดือนกว่า ฝึกอยู่นั่นแหละ จากคนไม่เคยเต้นเลย จริงๆ มันก็คือการพัฒนาตัวเอง เมื่อได้ทำก็รู้สึกชอบ สนุก ยิ่งพอทำออกมาแล้วคนชอบกัน เต้นตาม มันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกดี สนุก อยากเอาอีก...เอาอีก เวลามีกระแสตอบรับมันจะมีกำลังใจในการทำงาน" บี้ บอกเล่า

          เมื่อถามว่า จากคนที่ใฝ่ฝันอยากมีผลงานเพลงเป็นของตัวเอง เมื่อได้มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวงการบันเทิง ทั้งการร้องเพลง และการแสดง เป้าหมายของเขาทุกวันนี้เป็นอย่างไร บี้ ให้คำตอบว่า "ภาพของคนคนหนึ่ง เป็นได้หลายแนว จะเป็นนักร้อง นักแสดง โปรดิวเซอร์ นักกีฬา ก็ได้ ซึ่งเรามีโอกาส เราก็คว้าไว้ก่อน ถ้าจะให้เลือกว่าชอบอย่างไหน คือชอบร้องเพลง เพราะจริงๆ ผมชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งผมตั้งเป้าอนาคตกับวงการนี้ไว้ว่าอยากอยู่ไปเรื่อยๆ แค่มีงานไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ถึงจะดูทำหลายอย่าง จริงๆ แล้วก็ทำทีละอย่าง อัดอัลบั้มเสร็จ ถึงได้ถ่ายละคร พอถ่ายเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม จากนั้นก็เริ่มซ้อมคอนเสิร์ต..."

          ถ้าเปรียบการทำงานทุกวันนี้เป็นการเดินทาง บี้มองว่า เขาเพิ่งอยู่ที่จุดเริ่มต้นเท่านั้น "ศิลปินรุ่นใหญ่เขาเข้าวงการประมาณ 19-20 ผมเองก็เหมือนกัน เขาก็อยู่ยาวได้ถึงอายุ 40 -50 แต่ผมยังแค่นี้เอง ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น ถามว่าเก่งมั้ย ผมไม่เก่งนะ เพียงแต่อาจจะได้กระแสตอบรับดี อาจจะโชคดี มีทีมงานที่ดี มีความพิถีพิถัน ทำให้ออกมาเป็นผลงานที่ดี บางคนอาจจะเชื่อเรื่องโชคลาง เรื่องดวง ผมเองก็ด้วยเหมือนกัน...ถ้าพูดถึงความสามารถ มันก็แค่ประมาณหนึ่ง ไม่ได้เก่งแบบรุ่นพี่อะไรขนาดนั้น..." บี้ ถ่อมตัวทิ้งท้าย


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บี้ ถ่อมตัว ผมไม่ใช่คนเก่ง ทำได้เพราะแรงเชียร์ โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2552 เวลา 14:20:11 18,044 อ่าน
TOP