คำสารภาพไอ้หื่น ฆ่าข่มขืนเหยื่อสาว กระทืบจนตับแตก (ข่าวสด)
"ผมกับไอ้แมนร่วมกันข่มขืนเธอเอง แต่เหยื่อขัดขืนบอกจะไปแจ้งตำรวจ จึงช่วยกันรุมกระทืบจนสลบไป ก่อนเกิดเหตุผู้ตายซึ่งรู้จักกับพรรคพวกในกลุ่มได้มาขอนั่งกินเหล้าด้วย ผมกับไอ้แมนเกิดอารมณ์ เลยฉวยโอกาสลงมือข่มขืน และรุมกระทืบจนตาย ไม่คิดว่าเรื่องจะเลวร้ายขนาดนี้"
คือคำให้การของ นายอิทธิยาพันธ์ แสนสุข คนร้ายวัย 33 ปี ที่ก่อเหตุฆ่าข่มขืน น.ส.วิราวรรณ ต่วนคำ สาวใหญ่วัย 41 ทิ้งศพหมกใต้สะพานนเรศวรฝั่งตะวันตก ตรงข้ามวัดใหญ่ กลางเมืองพิษณุโลกอย่างน่าอนาถใจ เหยื่อสาวตายในสภาพถูกข่มขืนและโดนกระทืบจนตับแตก!!
เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดจากการที่เหยื่อสาวทะเลาะกับแฟน เลยหนีออกจากบ้านมานั่งกินเหล้ากับกลุ่มคนร้ายที่รู้จักกัน พอเหล้าเข้าปากไอ้หื่นก็เริ่มออกอาการ ใช้กำลังรุมโทรมข่มขืนเหยื่อที่บริเวณใต้สะพาน แต่ทว่าเหยื่อเกิดร้องโวยวายสองคนร้ายจึงช่วยกันรุมกระทืบจนตับแตกตายตรงนั้น ส่วนไอ้หื่นถูกตามรวบในตอนหลัง
ย้อนไปดูเหตุร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นตอนสายวันที่ 23 เม.ย. พ.ต.อ. ประเสริฐ กาฬรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.หญิงกฤษฎี พงศ์อัมพรขจี สารวัตรงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ วิทยาการเขต 33 พิษณุโลก พ.ต.ต.เอกชัย พรมทอง สารวัตรเวร และ ร.ต.อ.รณฤทธิ์ ใจว่อง รอง สว.สส. รุดไปชันสูตรพลิกศพน.ส.วิราวรรณ ซึ่งถูกคนร้ายข่มขืนฆ่าทิ้งศพหมกใต้สะพานนเรศวรฝั่งตะวันตก ตรงข้ามวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก เพื่อรวบรวมหลักฐานติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
"วิราวรรณ" ถูกฆ่าในสภาพนอนหงาย สวมเสื้อคลุมสีครีม เสื้อยืดสีน้ำเงิน ท่อนล่างเปลือย กางเกงยีนส์ ถูกถอดออกอยู่ข้างศพ ไม่สวมกางเกงใน เสียชีวิตอยู่บนเสื่อ ใกล้ๆ กันพบกางเกงในแบบผู้ชาย 1 ตัว รองเท้าแตะ 1 ข้าง ห่างจากศพประมาณ 10 เมตร บนลานปูนสวนชมน่านฯ มีร่องรอยการตั้งวงดื่มสุรา ทิ้งของไว้ระเกะระกะ และพบรอยลากผู้เสียชีวิตจากวงเหล้ามาที่ใต้สะพาน
นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยการทำร้ายที่บริเวณเหนือคิ้วขวา รอยช้ำตามลำตัว และพบขนเพชรของคนร้ายตกอยู่ในตัวศพอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงเก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นหลักฐาน และที่สำคัญ แพทย์ได้รายงานการชันสูตรศพเบื้องต้น ว่าผู้ตายเสียชีวิตจากอวัยวะภายในถูกกระแทกอย่างแรงจนตับฉีกขาด นั่นแสดงว่าเหยื่อถูกรุมกระทำอย่างเหี้ยมโหด!!
ในที่เกิดเหตุตำรวจพบ นายน้อย บุญมามี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/2 ม.5 ต.หอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก สามีผู้ตาย ดูศพอยู่ด้วยความเศร้าใจ ให้การว่า อยู่กินกับ น.ส.วิราวรรณ มานานแล้ว ยึดอาชีพรับจ้างเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งอยู่ใน อ.วังทอง ก่อนหน้านี้มีปากเสียงทะเลาะกัน ก่อนที่ผู้ตายน้อยใจหนีออกจากบ้าน และหายเงียบไปทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งเช้ายังไม่กลับบ้าน จึงออกตามหา ซึ่งทราบว่าภรรยาชอบเข้ามาหาเพื่อนในตัวเมืองพิษณุโลก บริเวณหน้าวัดใหญ่จึงมาดู พอมาถึงก็เจอคนมุงดูที่ใต้สะพานมากมาย เมื่อเข้าไปจึงรู้ว่าแฟนถูกฆ่า!!
หลังได้ข้อมูลตำรวจติดตามหาคนร้ายทันที พุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนเร่ร่อนที่มักจะมามั่วสุมดื่มสุราอยู่แถวนี้ สืบอยู่ไม่นานก็รู้ว่ากลุ่มของนายอิทธิยาพันธ์ กับเพื่อน 4-5 คน ที่มักอาศัยหลับนอนอยู่แถวหน้าวัดใหญ่ ได้หายออกจากพื้นที่ไปอย่างผิดปกติ ชุดทำงานของ ร.ต.อ. รณฤทธิ์ จึงตามดูความเคลื่อนไหว นายอิทธิยาพันธ์ ทันที
เย็นวันเดียวกัน ตำรวจตามรวบตัว นายอิทธิยาพันธ์ เอาไว้ได้ขณะหนีไปกบดานอยู่วัดจันทร์ตะวันออกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น จึงนำตัวมาสอบปากคำ นายอิทธิยาพันธ์ รับสารภาพตลอดข้อหา
ฆาตกรหื่น เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายมาร่วมดื่มเหล้ากับพวกตนหลายคน โดยผู้ตายรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่ร่วมวงเดียวกัน หลังจากเลิกดื่มกันแล้ว ต่างแยกย้ายกันกลับ โดยผู้ตายบอกจะนอนแถวนั้น ตนกับนายแมน ไม่ทราบชื่อจริง ซึ่งเป็นเพื่อนกัน จึงย้อนกลับมาหาผู้ตายพร้อมใช้กำลังข่มขืน ซึ่งตนเป็นคนลงมือก่อน แต่ระหว่างนั้นผู้ตายได้ร้องโวยวายว่าจะแจ้งตำรวจ ตนกับนายแมนจึงช่วยกันกระทืบที่ท้องจนแน่นิ่งไป แล้วพากันหลบหนีจนกระทั่งถูกจับได้ ส่วนนายแมนตำรวจกำลังล่าอยู่
หลังบันทึกปากคำตำรวจนำตัวคนร้ายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เริ่มจากจุดกินเหล้าซึ่งหลังจากแยกย้ายกัน นายอิทธิยาพันธ์กับนายแมน ได้ช่วยกันปล้ำเหยื่อแล้วลากตัวน.ส.วิราวรรณ ไปที่ใต้สะพาน ชุลมุนจนรองเท้าแตะคนร้ายตกในที่เกิดเหตุ ซึ่งตลอดเวลาน.ส.วิราวรรณ ดิ้นรนขัดขืนและร้องโวยวายเสียงดังลั่น นายอิทธิยาพันธ์กับนายแมน จึงช่วยกันกระทืบที่ท้องอย่างแรงจนแน่นิ่งไป หลังจากเสร็จกิจคนร้ายจึงพากันหลบหนีก่อนถูกจับได้
ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ทำผิดเลยหนีคุกไปไม่ได้!!
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
โดย อนุชา แก้วคำมา เรื่อง/ภาพ
