"คิ้ม" โต้ไม่ได้ด่า "จิ๊ก" ยอมรับพูด "กะ_รี่" จริงอ้างแซวคนฟัง รับผิดเอ่ยปากขอโทษ หวังสังคมให้อภัย (มติชนออนไลน์)
เจนนิเฟอร์ คิ้ม ยัน ไม่ได้ด่านักแสดงรุ่นพี่ จิ๊ก เนาวรัตน์ ว่า "กะ_รี่" บอกแค่แซวกลุ่มคนฟัง ไม่ได้เจาะจงใคร แต่เอ่ยปากขอโทษ รับคำพูดอาจทำคนอื่นเข้าใจผิด แต่ต่อไปจะระวังคำพูดมากขึ้น
หลังจากตกเป็นกรณีเข้าใจผิดกันเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำ ล่าสุด "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" นักร้องเสียงสวย ออกมาเปิดใจถึงกรณีที่โดน "จิ๊ก - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์" นักเอกรุ่นใหญ่ฉะออกสื่อ เรื่องที่โดนนักร้องสาวแซวว่า กะ_รี่ กลางบาร์เกย์ ย่านอตก. แม้ดารารุ่นพี่จะไม่ถือสา แต่อดไม่ได้ที่จะติงว่านักร้องสาวพูดจาแรงเกินไป ทั้งที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเลย
คิ้มได้เกริ่นถึงเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังว่า รับงานร้องเพลงเพื่อฉลองครบรอบวันเปิดผับแห่งหนึ่ง ย่านอ.ต.ก ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าย่านนั้นจะมีผับสำหรับเพศที่ 3 จำนวนมาก ซึ่งเจ้าตัวยืนยันหนักแน่นว่างานวันนั้นไม่ได้เป็นงานวีไอพีอย่างที่บางคนพูดแน่นอน
คิ้ม : ที่นี้วันนั้นเนี่ย ยืนยันได้เลยว่าคิ้มไม่ได้ดื่มเลย ดื่มแต่น้ำเปล่า ไม่ได้ดื่มอะไรเลยทั้งวัน วันนั้นจึงไม่ได้เมานะคะ แล้วก็มีสติครบถ้วน อีกเรื่องหนึ่งก็คือว่าเวลาที่เราไปไหนสถานที่ใด เราต้องรู้ก่อนว่ามันเป็นสถานที่แบบไหน แขกหรือลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มเป้าหมายแบบไหน เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ถ้อยคำ ภาษาหรือเรื่องราวต่างๆ มันจะต้องตรงๆ ไปกับกลุ่มนั้น เพราะจะทำให้เกิดความเป็นกันเอง ถ้าเราใช้ภาษาที่มันแตกต่าง ซึ่งปกติไม่เคยใช้ภาษาอย่างนี้ในที่สาธารณะอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผับบาร์เกย์ บางทีไปงานประชุมระดับนานาชาติ ใช้คำนี้ก็คงจะ หือ ผู้ใหญ่จะเข้าใจมั้ย หรือไปงานบางงานที่เจออาซิ้ม อาม่า เป็นเหมือนญาติคนจีนของเรา เราใช้คำพูดพวกนี้ผู้ใหญ่คงไม่เข้าใจน่ะค่ะ ดังนั้นกาลเทศะมันจะอยู่ที่การเลือกใช้ถ้อยคำและเนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นเวลาที่พูดอะไรไป ถึงคนจะมองว่าเราท่าทางชอบจิกกัด ชอบแซวผู้ชาย หรือชอบพูดจาทะลึ่งตลกโปกฮา มันก็เป็นแค่การแสดงโชว์ของเรา แต่ไม่ใช่ชีวิตจริง คนเรามันมีสไตล์ของการโชว์ใช่ไหมคะ เวลาที่โชว์อะไรไปเราก็สนุกสนาน และก็ใช้ถ้อยคำที่ตรงกับสถานที่นั้นๆ คนที่มาดูส่วนใหญ่แล้วก็เป็นชาวเพศที่สาม ซึ่งเราไม่ต้องระมัดระวังคำพูดมากนัก
หลังจากตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมา ผู้สื่อข่าวจึงยิงคำถามตรงประเด็นให้นักร้องรุ่นใหญ่ตอบให้เคลียร์ว่าได้พูดคำว่าที่เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมดออกไปจริงๆ รึเปล่า ซึ่งเจ้าตัวก็อธิบายยืดยาวก่อนจะจบลงที่ยอมรับว่าพูดคำนั้นออกไปจริง เพียงแต่ไม่ได้เจาะจงใคร
คิ้ม : เอ่อ คืออย่างนี้นะคะ เวลาพูดอะไรออกไปมันเป็นถ้อยคำส่วนหนึ่งของโชว์ ดังนั้นมันจะไหลไปเปรอะใคร มันเป็นไปได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ไหลไปเปรอะผู้ใหญ่คนใดเลย เพราะว่าเราจะนึกอยู่ในใจเสมอว่าลูกค้าทุกคนเป็นเพศที่สามนะ แล้วกำลังสนุกสนาน ไม่ได้โฟกัสที่ใครด้วยซ้ำ ส่วนชื่อที่พูด เราเรียกชื่อผู้ใหญ่ตั้งหลายท่าน ผ่านแบบเวลาจะทักผู้ใหญ่ เวลาเจอผู้ใหญ่ก็จะสวัสดีค่ะ พี่คนนั้นนะคะ สวัสดีค่ะ พี่คนนี้นะคะ อ้าวพี่คนนี้ก็มาด้วยสวัสดีนะคะ มันจะไม่เกี่ยวกับคำนั้น เอาที่เจตนาดีกว่า เราไม่ได้มีเจตนาที่จะพาดพิงถึงใครในลักษณะที่ก้าวร้าวหรืออะไร เราคิดว่าในระบบอาวุโสของคนไทย เรายังถูกสอนตั้งแต่ที่บ้านจนมาถึงทุกวันนี้ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็คิดว่าเรารู้เรื่องอย่างนี้ดีนะคะ แต่ว่าไอ้คำที่เล่นในสถานที่อย่างนั้น บางทีคำพูดมันอาจจะไหลไปโดนใคร ก็เป็นไปได้อยู่
ซึ่งเราเข้าใจว่าถ้าเกิดพี่เขา (เนาวรัตน์) ไม่เคยมาที่อย่างนี้มาก่อน อาจเกิดการเข้าใจผิดได้ ซึ่งวันนี้เรามาด้วยความที่เป็นเด็กกว่า ไม่ว่าโดยที่เราจะทำอะไรโดยที่เจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ถ้าทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจหรือไม่พึงพอใจอะไรขึ้นมา เราคิดว่าเป็นเด็กก็ต้องขอโทษ เพราะฉะนั้นก็ต้องกราบขอโทษพี่เขาด้วยนะคะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะก้าวร้าว มันเป็นส่วนหนึ่งของการโชว์และการแสดงเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ตนเห็นว่านักแสดงรุ่นพี่มาร่วมงานด้วยหรือไม่นั้น คิ้มกล่าวว่า เพิ่งมองเห็นก่อนจะลงจากเวที และขอยืนยันว่าไม่ได้จ้องมองใคร เพราะถ้าทำแบบนั้น จะร้องเพลงหรือพูดอะไรไม่ถูกเลย
คิ้ม : เพิ่งเห็นตอนจะลง ตอนก่อนหน้านั้นไม่ทราบ เพราะว่าเวลาขึ้นไปเราจะค่อนข้างโฟกัสว่า ว๊าย จะร้องเพลงจะเก็ทไหม จะพูดไปจะเก็ทไหม คือสมองเราจะเรียกว่าตั้งสมาธิก่อน เราจะไม่ได้โฟกัสไปที่คนดูเป็นยังไงเลย เพราะไม่งั้นจะไม่มีสติที่จะพูดอะไรค่ะ
สำหรับเรื่องที่จะโทรไปเคลียร์กับทางนักแสดงรุ่นพี่ คิ้มปฏิเสธโดยกล่าวเพียงว่า ขอให้เรื่องจบตรงนี้ดีกว่า และเชื่อว่าเมื่อคนที่ทำผิด ยอมรับผิดและขอโทษแล้ว สังคมน่าจะให้อภัย นอกจากนี้ คิ้ม ยังเชื่อว่าแฟนเพลงทั้งหมดที่ติดตามผลงานของเธอคงเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สยามดารา
