x close

แหล่งรายได้เสริมของรัฐ ภาษีบาป-น้ำเมา

ภาษีเหล้า


แหล่งรายได้เสริมของรัฐ ภาษีบาป-น้ำเมา เกาไม่เคยครบที่คัน??(เดลินิวส์)

          แม้ที่สุด พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท อาจจะผ่านออกมามีผลได้ แต่การที่มี ส.ส. เข้าชื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเสียก่อนว่า พ.ร.ก.นี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ยังไงๆ ก็ย่อมทำให้เม็ดเงินที่รัฐบาลหวังจะใช้เป็น "งบประมาณแก้ปัญหาเศรษฐกิจ" ก้อน นี้...ได้มาช้า และก็อาจพัวพันไปถ่วงกฎหมายการกู้เงินอีกฉบับที่เป็น พ.ร.บ. ด้วย 

          ถ้าเงินกู้ก้อนโตนี้สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยจริง...ก็ต้องถือว่าน่าห่วง อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติกับรายจ่ายของภาครัฐตามระบบปกติ ซึ่งมิใช่รายจ่ายพิเศษอย่างที่จะต้องมีการกู้นั้น หากรัฐบาลมีนโยบายที่ทำให้สามารถ "จัดเก็บภาษี จัดเก็บรายได้เข้ารัฐ" ได้อย่าง "เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่รั่วไหล" บนพื้นฐานที่ประชาชนไม่เดือดร้อนมาก และบนความเสมอภาคของภาคธุรกิจ ก็พอจะ บรรเทาปัญหาขาดงบประมาณได้

          อาจไม่ถึงขั้นทำให้มีรายได้เข้ารัฐอย่างเหลือเฟือ...แต่อย่างน้อยก็จะมีเม็ดเงินใช้เป็นรายจ่ายเพิ่มขึ้น !!

          ทั้งนี้ กับรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับการจัดเก็บภาษีเข้ารัฐ นอก จากกรณีการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ชาวบ้านบ่นกันพึม !! และกรณีมีนโยบาย จะจัดเก็บภาษีที่ดิน คนรวยๆ มีที่ดินเยอะๆ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ซึ่งก็น่าจับตา ว่าเอาเข้าจริงรัฐบาลนี้จะทำจริง จะทำได้หรือไม่ ?? กรณี "ภาษีบาป" ในส่วนของ "ภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" นี่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากรัฐบาลปัจจุบัน มีการเพิ่มภาษีในส่วนนี้ และก็มิใช่มีเพียงเสียงวิจารณ์จากคนดื่ม คนขาย คนทำธุรกิจ แต่ยังมีเสียงวิพากษ์ด้วยว่า... ไฉนไม่เก็บมากกว่าที่เพิ่ม ? 

          ทั้งๆ ที่รัฐสามารถจะจัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้นอีก ??

          ย้อนไปดูผลการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา หนึ่งในเรื่องที่ ครม. เห็นชอบคือ... การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต เบียร์ สุรา บรั่นดี โดยที่อัตราภาษีสรรพสามิต เบียร์ จากเดิม 55% เพิ่มเป็น 60%, บรั่นดี จากเดิม 45% เพิ่มเป็น 48%, สุราผสม จากเดิม 280 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เป็น 300 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ และ สุราขาว จากเดิมที่อัตราภาษีสรรพสามิตคือ 110 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เพิ่มเป็น 120 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งก็ส่งผลให้ราคาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขยับสูงขึ้น

          "จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลปีละประมาณ 6.3 พันล้านบาท และจะช่วยลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข ในอนาคต" รมว.คลัง กรณ์ จาติกวณิช ระบุไว้

          การจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ ประเด็นการจัดเก็บ "เต็มเพดาน-ไม่เต็มเพดาน" โดยเฉพาะกับชนิดที่ราคาถูก และมีการบริโภคกันมากในกลุ่มคนตามต่างจังหวัด ซึ่งครองตลาดใหญ่ อย่าง "สุราขาว" ได้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า...ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิดมีการจัดเก็บภาษีเต็มหรือใกล้เพดานแล้ว แต่กับสุราขาว หลายๆ รัฐบาล รวมถึงรัฐบาลปัจจุบัน กลับไม่มีการเพิ่มภาษีให้เต็มหรือใกล้เคียงเพดาน ทั้งที่จะมีผลดี ช่วยลดการดื่ม-การสูญเสียเม็ดเงินดูแลแก้ปัญหาอุบัติเหตุ สุขภาพคนไทยจากการดื่ม รายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้น

          "ที่ผ่านมาการเก็บภาษี การขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มที่มีราคาแพงก็จะมีภาษีที่แพงกว่ากลุ่มที่มีราคาถูก ทำให้กลุ่มที่มีราคาถูกมีคนนิยม ดื่มกันเพิ่มขึ้น" เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ นพ.แท้จริง ศิริพานิช ระบุไว้เมื่อปี 2548 ตั้งแต่ยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจนยุคนี้สถานการณ์ก็น่าจะคงเดิม?

          กับเรื่องนี้ แหล่งข่าวที่ติดตามเรื่องภาษีบาป-ภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตลอดรายหนึ่ง บอกว่า สุราขาวในปัจจุบันจะมีทั้งแบบ 28 ดีกรี, 30 ดีกรี, 35 ดีกรี, 40 ดีกรี แต่ที่ขายมากที่สุดในท้องตลาดน่าจะเป็น 28 ดีกรี ซึ่งเมื่อลองคำนวณภาษีตามอัตราใหม่ คือ 120 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ก็เท่ากับ เสียภาษี 33.6 บาทต่อลิตร ถ้าต่อขวด ที่ไม่ถึงลิตร จะประมาณ 0.625 ลิตร ก็เท่ากับเสียภาษีราว 19 บาทต่อขวด

          การเพิ่มภาษีสุราขาวจาก 110 บาท เป็น 120 บาท ต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้ภาษีเฉพาะจากสุราชนิดนี้ราว 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เพดานภาษีสูงสุดของสุราชนิดนี้คือ 400 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ฯ ซึ่งกับสุราผสมบางอย่าง เช่น เซี่ยงชุน ที่เพดานภาษีเท่ากัน เดิมภาษีก็ 280 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ฯ แล้ว และล่าสุดก็เพิ่มเป็น 300 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ฯ ขณะที่สุราขาวถือว่าเพิ่มแค่เล็กน้อย

          "สมมุติรัฐบาลขึ้นภาษีเหล้าขาวเป็น 300 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ฯ ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากส่วนนี้ ถึงราว 31,000 ล้านบาท" แหล่งข่าวระบุ และยังทิ้งท้ายด้วยว่า ถ้ารัฐบาลเกรงว่าขึ้นภาษีแล้วจะกระทบ "สุราชุมชน" ที่ปัจจุบันเหลือสัดส่วนในตลาดราว 4% และถูกจัดเป็นกลุ่มเดียวกันกับสุราขาว ก็น่าจะแยกสุราชุมชนออกมาช่วยเหลือเพื่อให้วิสาหกิจชุมชนจริงๆ แข่งขันได้ อยู่ได้ ซึ่งก็เคยมีเสียงเรียกร้องเรื่องนี้ ส่วนปัญหา "สุราต้ม-สุราเถื่อน" ถ้าเกรงว่าจะแพร่ระบาดมาก ก็กวดขันเจ้าหน้าที่ให้ปราบปรามจริงจัง โปร่งใส

          ทั้งนี้ ตัวเลขเม็ดเงินภาษีบาป-ภาษีน้ำเมาแค่หลักหมื่นล้านที่สามารถ ทำให้เกิดขึ้นได้จากการปรับเพิ่มภาษีน้ำเมาบางชนิดที่ภาษียังไม่สูง อาจเทียบไม่ได้กับตัวเลขเม็ดเงินที่รัฐบาลจะกู้ ก๊อกแรก 4 แสนล้าน ก๊อกสองอีก 4 แสนล้าน แต่ก็ใช่ว่าไม่มีค่า สามารถใช้เป็นรายจ่ายที่มีประโยชน์ของรัฐบาลได้ อีกทั้งยัง ช่วยลดการสูญเสียเม็ดเงินแก้ปัญหาสุขภาพและอุบัติเหตุของคนไทยอันเนื่องจาก "น้ำเมา" ที่สูงถึงปีละกว่า 1 แสนล้าน ลงได้อีกระดับ

          แต่ "ภาษีบาป-ภาษีน้ำเมา" เรื่องนี้ก็มีข้อสังเกตหลายรัฐบาล ว่าไฉนจึง "เกาไม่ถูกที่คัน-เกาไม่ครบที่คัน" กันตลอด


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แหล่งรายได้เสริมของรัฐ ภาษีบาป-น้ำเมา อัปเดตล่าสุด 21 พฤษภาคม 2552 เวลา 09:47:46 21,706 อ่าน
TOP