x close

พี่เลี้ยงอุ้ม ดช. ล้มหัวฟาด - ดับคาเนิร์สเซอรี่


พี่เลี้ยงอุ้ม ดช. ล้มหัวฟาด - ดับคาเนิร์สเซอรี่ (ข่าวสด)

         พ่อแม่เศร้าลูกชาย 9 เดือน ตายปริศนา หลังไปฝากสถานรับเลี้ยงเด็ก เผยพ่อแม่ "น้องเหนือ" พาลูกไปจ้างเนิร์สเซอรี่เลี้ยงดูเด็กได้เพียง 5 วัน ครูก็พาไปล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ ก่อนจะพาส่งสถานีอนามัย อ้างเด็กสำลักนม ก่อนจะส่งไปรักษาต่อที่ ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ แล้วเสียชีวิตน่าอนาถ พ่อแม่สุดทนรุดแจ้งความตำรวจ ดำเนินคดีเจ้าของเนิร์สเซอรี่ฉาว 

         เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 พ.ค. พ.ต.ท. ดรุน ทุ่นใจ พนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ รับแจ้งจากนายนรินทร์ ไชยลังกา อายุ 33 ปี และน.ส.ญาฐลิภัทร ไชยลังกา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ว่า ลูกชายของตนคือ ด.ช.รักสกุล ไชยลังกา หรือน้องเหนือ อายุ 9 เดือน เสียชีวิตปริศนา ที่สถานรับเลี้ยงเด็กไม่มีชื่อ เลขที่ 278 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยมีนางพิมพา ปัญญาแก้ว หรือครูตุ่น อายุ 44 ปี เป็นผู้รับเลี้ยงเด็ก

         น.ส.ญาฐลิภัทร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนางพิมพา ปัญญาแก้ว หรือครูตุ่น มาติดต่อกับตน พร้อมกับโฆษณาว่า ได้เปิดสถานรับเลี้ยงเด็กตั้งแต่อายุ 3 เดือนไปจนถึงระดับอนุบาล ราคาเดือนละ 2,500 บาท ซึ่งนางพิมพาได้ชักชวนให้ตนนำลูกไปฝากเลี้ยงตลอด ต่อมาก็ลดราคาเป็นพิเศษเหลือเพียง 1,200 บาท หากพอใจก็จะคิดราคา 2,500 บาทเท่าเดิม ตนเห็นว่าเป็นราคาที่รับไหวและคิดจะออกไปหางานทำ เพราะสามีของตนทำงานที่อู่ซ่อมรถ ส่วนตนเป็นแม่บ้านจึงอยากจะหาเงินช่วยครอบครัวอีกทาง จึงนำลูกไปฝากเลี้ยงที่บ้านครูตุ่น และด้วยความเป็นห่วงลูกก็แอบไปดูลูกโดยไม่ให้ครูตุ่นรู้ ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ช่วงบ่าย ตนก็แอบไปดูลูกที่สถานรับเลี้ยงเด็กของครูตุ่น เห็นลูกกำลังเล่น ส่วนเด็กเล็กคนอื่นก็พากันนอนหลับ จากนั้นตนก็กลับมาที่บ้าน

         กระทั่งเวลา 16.00 น.ตนได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่า ลูกของตนถูกนำตัวส่งไปยังสถานีอนามัยยางเนิ่ง เป็นการด่วนโดยไม่ทราบสาเหตุ ตนจึงรีบไปยังสถานีอนามัย ก็พบลูกของตนอยู่ในสภาพตัวเขียวหายใจรวยริน เจ้าหน้าที่อนามัยบอกว่า นางพิมพานำเด็กมาเพียงแต่บอกว่าจู่ๆ เด็กก็สำลักนมหมดสติ จากนั้นขอตัวกลับไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก ทางสถานีอนามัยเห็นสภาพเด็กไม่ไหวแล้วจึงได้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสารภีเป็นการด่วน และทางโรงพยาบาลสารภีพยายามช่วยยื้อชีวิตเด็กแล้ว แต่ก็ไม่ทราบอาการแน่ชัด เพราะผู้ส่งเด็กมาที่สถานีอนามัยไม่บอกสาเหตุที่แท้จริง ทางโรงพยาบาลจึงรีบส่งตัวน้องเหนือไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครเชียง ใหม่ทันที โดยตนและสามีติดตามไปดูแลอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าแพทย์ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าบริเวณท้ายทอยด้านขวาของน้องเหนือบวม คล้ายถูกกระแทกจากของแข็ง แพทย์ใช้เครื่องช่วยหายใจ กระทั่งวันที่ 20 พ.ค. น้องเหนือก็เสียชีวิตลง และจากการผ่าตรวจพิสูจน์ของแพทย์ร.พ.มหาราชระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า มาจากเลือดออกใต้เนื้อหุ้มสมอง

         น.ส.ญาฐลิภัทร กล่าวต่อว่า ลูกชายของตนแข็งแรงปกติทุกอย่าง แต่ตอนที่นางพิมพานำลูกของตนไปส่งสถานีอนามัย กลับไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าลูกของตนสำลักนมและหมดสติและไม่สนใจ เดินทางกลับสถานรับเลี้ยงเด็ก ไม่พูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้แพทย์ต้องตรวจหาสาเหตุกว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว และตนนำ ศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ทางนางพิมพาก็มาร่วมทำบุญโดยซื้อข้าวสารมา 1 กระสอบ พร้อมกับนำเงินสด 8,000 บาทมาให้กับญาติพี่น้องและบอกกับตนว่า อย่าเอาเรื่องเลย เขาก็ไม่มีเงิน และกลัวเสียชื่อสถานรับเลี้ยงเด็กของเขา หากเขาบอกกับแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ว่าเขาลื่นล้มในห้องน้ำขณะอุ้มลูกของตน แล้วศีรษะลูกของตนไปฟาดกับขอบอ่างอาบน้ำ แพทย์จะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที แต่กลับไปบอกอีกอย่าง และไม่ยอมดูแลอย่างใกล้ชิดทำให้ลูกของตนเสียชีวิต ตนมาแจ้งความวันนี้เพื่อขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับนางพิมพาด้วย

         ต่อมาพ.ต.ท.ดรุนเดินทางไปตรวจสอบที่สถานรับเลี้ยงเด็กของนางพิมพา พบว่า บ้านของนางพิมพากำลังตกแต่งก่อสร้างบางส่วนและมีเด็กเล็กที่ครูตุ่นรับเลี้ยงดูไว้กว่า 10 คน นอนอยู่ห้องด้านหลัง โดยนางพิมพาให้การว่า ตนเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กมาไม่กี่เดือน โดยมีผู้ปกครองนำลูกมาฝากเลี้ยงไว้ 10 กว่าราย สำหรับน้องเหนือที่เสียชีวิตตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนเกิดเหตุตนอุ้มน้องเหนือไปในห้องน้ำ ปรากฏว่าตนเกิดลื่นล้มในห้องน้ำและได้คว้าน้องเหนือไว้ทัน ตอนนั้นคิดว่าเด็กคงไม่เป็นอะไร กระทั่งต่อมาเด็กเริ่มตัวเขียวและไม่ได้สติ ตอนแรกคิดว่าคงจะสำลักนม หรืออะไรบางอย่างจึงรีบนำตัวเด็กส่งสถานีอนามัยยางเนิ้ง ขณะที่อุ้มเด็กส่งสถานีอนามัย เด็กได้ปัสสาวะออกมาด้วย ทำให้ตนเปียกไปทั้งตัวจึงรีบกลับมาที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า มารู้อีกทีว่าน้องเหนือถูกส่งต่อไปยังร.พ.สารภีและร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่แล้ว กระทั่งเสียชีวิตในที่สุด ตนรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สำหรับสถานเลี้ยงเด็กของตนนั้นตนเพิ่งเปิด และกำลังทำเรื่องขออนุญาต อย่างไรก็ตามเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็จะขอปิดชั่วคราวก่อนตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.เป็นต้นไป

         พ.ต.ท.ดรุนเปิดเผยว่า ตำรวจจะต้องไปสอบปากคำแพทย์ที่ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งว่า กรณีเลือดออกใต้เนื้อหุ้มสมองจนทำให้เสียชีวิตนั้นน่าจะเกิดจากอะไร หากพบว่าเกิดจากของแข็งหรือแรงกระแทกก็น่าเชื่อว่าเกิดจากที่นางพิมพาลื่นล้มขณะอุ้มเด็กและศีรษะเด็กไปฟาดกับของแข็งในห้องน้ำก็อาจจะเป็นได้ ซึ่งก็คงต้องดำเนินคดีทางอาญา ในข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต รวมทั้งเรื่องเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่มีใบอนุญาตอีกข้อหาหนึ่ง ซึ่งจะได้เชิญตัวมาสอบปากคำอีกครั้งและแจ้งข้อหาดำเนินคดีกันต่อไป

         สำหรับนางพิมพา บ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 5 ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ และมาปักหลักเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กที่บ้านเลขที่ 278 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เพียงไม่กี่เดือน และอ้างตัวเองเป็นครู ทั้งที่ไม่ได้จบครูแต่อย่างใดหรือเคยสอนที่ไหนมาก่อน สำหรับศพของน้องเหนือพ่อแม่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเลขที่ 306/1 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง และกำหนดฌาปนกิจศพวันที่ 24 พ.ค.




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พี่เลี้ยงอุ้ม ดช. ล้มหัวฟาด - ดับคาเนิร์สเซอรี่ อัปเดตล่าสุด 23 พฤษภาคม 2552 เวลา 15:53:34 31,902 อ่าน
TOP