เสนอไล่กุ๊ยพ้นรบ. ไอเดียเสนาะ ตั้งรัฐบาล 20:10 (ไทยรัฐ)
ที่ประชุมอนุกรรมการสมานฉันท์ มีมติเห็นชอบ 1. ให้ทุกฝ่ายลดวิวาทะลดทิฐิลดอคติ และ การตอบโต้ใส่ร้ายทางการเมืองทั้งนักการเมืองและองค์กรทางสังคม 2. ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้านควรลดเงื่อนไขเดิม-ไม่สร้างเงื่อนไขใหม่
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 9.45 น. วันนี้ (26 พฤษภาคม) มีการประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีนายดิเรก ถึงฝั่ง ประธานคณะกรรมการฯ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เพื่อนัดสรุปข้อเสนอของคณะอนุกรรมการสร้างความสมานฉันท์ทางการเมืองของสังคมไทย ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับข้อเสนอ 2 ข้อ
1. ให้ทุกฝ่ายลดวิวาทะลดทิฐิลดอคติ และการตอบโต้ใส่ร้ายทางการเมืองทั้งนักการเมืองและองค์กรทางสังคม
2 .ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านควรลดเงื่อนไขเดิมที่มีอยู่ และไม่สร้างเงื่อนไขใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่มีการเปิดโอกาสให้กรรมการฯ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอ ในแต่ละหัวข้อ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า วาทะมีวิวัฒนาการไปไกลเพราะในอดีตนักการเมืองจะไม่โกหกใส่ร้ายป้ายสีกันเกินเหตุเกินผล ผิดกับปัจจุบันที่หากใครขัดผลประโยชน์ตัวเองก็จะใช้มือที่สาม อาทิ นักวิชาการ คอยรับจ้างออกรายการเหน็บแนมคนอื่น จะถอยคนละก้าวก็แทบไม่มีเพราะมีมือที่สองที่สาม ทำให้การเมืองแตกแยกอย่างละเอียดและร้าวลึก พรรคการเมืองขณะนี้ไม่ใช่พรรคการเมืองแล้ว แต่เป็นแก๊งการเมืองแย่งชิงผลประโยชน์กัน ทำอย่างไรจะจัดรัฐบาลไล่กุ๊ยการเมืองออกไปให้ได้ แล้วให้ทุกพรรคสรรหาคนใน 20 คน และคนนอก 10 คนมาร่วมบริหารบ้านเมืองปัญหาความขัดแย้งก็จะจบลง ไม่ใช่การฮั้วแต่เป็นการทำเพื่อประเทศชาติ
ด้าน นายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ อธิบการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวว่า จะลดความขัดแย้งโดยให้คู่กรณีมาคุยกันอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคงเกิดยาก เนื่องจากแต่ละฝ่ายยังมีความคิดว่าตัวเองยังมีศักยภาพอยู่ จึงควรให้สังคมที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งออกมาปฏิเสธการใช้ความรุนแรง
ขณะที่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ต้องระบุให้นักการเมืองและแวดวงการเมืองรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเองมากกว่าบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะการใช้ความเท็จใส่ร้ายกัน
ส่วน นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) คณะกรรมการจากพรรคเพื่อไทย เสนอให้สถาบันพระปกเกล้าจัดอบรมบุคลากรทางการเมืองให้มีจิตสำนึกทางการเมืองให้มากขึ้น เช่นเดียวกับนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ที่สนับสนุนให้อนาคตควรมีโรงเรียนการเมือง เปลี่ยนทัศนคติของนักการเมือง ให้ยอมรับการตรวจสอบที่มีเหตุมีผล และเปลี่ยนความคิดให้ทำการเมืองเพื่อประเทศและประชาชน มิใช่เพื่อประโยชน์ของตัวเองด้วย